ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. แห่ร้อง กกต. สั่งระงับเผยแพร่โพล ระบุชี้นำไม่เป็นธรรมผู้สมัครอิสระ ด้าน “ประทีป” ที่ถูกตัดสิทธิยืนยันไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ส.ส.
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) วันนี้ (4 ก.พ.) นายกฤษณ์ สุริยะผล ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หมายเลข 20 เข้ายื่นหนังสือต่อ กกต.ขอให้สั่งระงับการเผยแพร่ผลโพลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยนำพวงหรีดที่มีข้อความว่า “แด่โพลชี้นำ” มามอบให้
นายกฤษณ์กล่าวว่า ต้องการให้ กกต.พิจารณาสั่งระงับหรือกล่าวตักเตือนไม่ให้สำนักโพลต่างๆ เผยแพร่ผลการสำรวจการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในทุกกรณีโดยทันที และออกระเบียบห้ามไม่ให้เผยแพร่ผลการสำรวจความเห็นที่เกี่ยวข้องกับคะแนนนิยมของผู้สมัครรับเลือกตั้ง เพราะผลสำรวจที่ออกมาในแต่ละสัปดาห์ไม่ว่าสำนักโพลไหนก็ระบุถึงคะแนนนิยมของผู้สมัครบางคนอย่างชัดเจน สร้างกระแสให้ผู้สมัครบางคนซึ่งเท่ากับเป็นการชี้นำ
“ผมไม่มั่นใจในความน่าเชื่อถือของนักวิชาการ และสำนักโพลที่ทำการสำรวจ เพราะนักวิชาการบางคนมีความใกล้ชิดกับรัฐบาล บางคนรับเงินจากรัฐบาลในการทำการสำรวจวิจัย และเวทีสานเสวนาให้กับรัฐบาล ขณะที่บางคนก็สนิทสนมกับบางพรรคการเมืองอย่างแยกไม่ออก”
ขณะเดียวกัน นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 6 ก็เข้ายื่นคำร้องขอให้ กกต.พิจารณาการทำโพลที่มีการชี้นำ โดยเฉพาะชี้นำไปที่ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ทั้งที่ในความเป็นจริงมีคะแนนส่วนหนึ่งที่ประชาชนให้การสนับสนุนผู้สมัครอิสระ แต่ไม่ได้รับการเผยแพร่ จึงขอความเป็นธรรมให้กับตนและผู้สมัครคนอื่นโดยขอให้กกต.สั่งยุติการเผยแพร่โพล
นอกจากนี้ยังขอให้สื่อให้ความเป็นธรรมอย่านำตนในฐานะผู้สมัครอิสระไปร่วมกับผู้สมัครอิสระคนอื่นที่อาศัยกระแสเพื่อคลื่นไหวโดยอิงการเมือง เพราะตนต้องการเข้ามาทำงานเพื่อคน กทม.
“ขอให้ กกต.กทม.ตรวจสอบว่าผมถูกลอกเลียนแบบนโยบาย โดย 2 พรรคการเมืองใหญ่ คือนโยบายน้ำดีไล่น้ำเสีย และสวนสาธารณะลอยน้ำ ที่ผมคิดและประกาศนโยบายดังกล่าวตั้งแต่วันที่สมัครพรรคเลือกตั้ง”
ส่วนนายประทีป วัชระโชคเกษม อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่ถูกตัดสิทธิในการสมัครรับเลือกตั้งก็ได้เข้าชี้แจงและขอความเป็นธรรม กรณีถูกตัดสิทธิ์โดยยืนยันว่าไปใช้สิทธ์การสมัครเลือกตั้งส.ส.ในการเลือกตั้ง 3 ก.ค. 2554 ที่เขตพระโขนง โดยได้เซ็นชื่อที่ต้นขั้วของบัตรเลือกตั้ง แต่ไม่ได้เซ็นในสมุดทั่วไป ทั้งนี้ตนเล่นการเมืองมานาน และจบรัฐศาสตร์ ดำรงตำแหน่งต่างๆ ระดับท้องถิ่น จึงเข้าใจกฎหมายและขั้นตอนเป็นอย่างดี รวมทั้งมีวุฒิภาวะพอที่จะรู้ว่าหากไม่ไปใช้สิทธิแล้วมาสมัคร ถือว่าเป็นการให้ข้อมูลเท็จจะถูกดำเนินคดีอาญาได้