xs
xsm
sm
md
lg

ดุสิตโพลรับเละ รับจ้างรัฐทำงานฟัน141ล้าน "มานิจ"ย้ำอีกออกเพราะเห็นต่าง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการรายวัน-สำนักข่าวอิศรา เปิดรายรับสวนดุสิตโพล ปี 47-55 รับเละกว่า 141 ล้าน หน่วยงานรัฐ 21 แห่งจ้างรวม 42 ครั้ง "มานิจ"ย้ำลาออกเพราะเห็นต่าง ด้าน "สุขุม"ไม่สน เดินหน้าทำโพลต่อ พร้อมโต้ที่ออกไม่เกี่ยวทำโพลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และรับงาน 108 เวทีเสวนาแก้รัฐธรรมนูญ กกต.กทม. เลื่อนพิจารณากรณีร้องให้ระงับทำและเผยแพร่โพล ชี้ไม่มีอำนาจเรียกเตือนหรือสั่งห้าม หวั่นถูกมองไม่เป็นกลาง คนเพื่อไทยดาหน้าแจง ไม่เคยแทรกแซง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (6 ก.พ.) สำนักข่าวอิศรา ได้ทำการตรวจสอบรายได้ในการทำโพลของสวนดุสิตโพล พบว่า นับจากปี 2547-2555 มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิตได้รับว่าจ้างเป็นที่ปรึกษา วิจัยเชิงสำรวจ และรับจ้างทำโพลล์ ให้แก่หน่วยงานภาครัฐทั้งสิ้น 21 แห่ง 42 ครั้ง วงเงินรวม 141,833,820 บาท

ทั้งนี้ หน่วยงานภาครัฐที่ได้ว่าจ้างให้สวนดุสิตทำงานให้ ได้แก่ สำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ กรมสรรพสามิต กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็กเยาวชนผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ กรมทางหลวงชนบท สำนักงานปลัดกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น สำนักงานประกันสังคม กระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา กระทรวงอุตสาหกรรม หน่วยงานอิสระตามรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม ในจำนวนนี้ เฉพาะหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการพบว่าจ้างมากถึง 12 ครั้ง และเป็นการว่าจ้างในช่วงปี 2555 จำนวน 4 ครั้ง วงเงินรวม 35.1 ล้านบาท ได้แก่ 1.จ้างที่ปรึกษาเพื่อปฏิบัติงานโครงการพัฒนาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ (PMOA) ประจำปีงบประมาณพ.ศ.2555การติดตามประเมินผลการปฏิบัติราชการตามคำรับรองจังหวัดปราจีนบุรีฯ และการจัดทำแผนพัฒนาจังหวัดปราจีน สำนักงานปลัดกระทรวงมหาดไทย วงเงิน 1,500,000 บาท เมื่อ 31 ก.ค.2555

2.จ้างที่ปรึกษาโครงการพัฒนาผู้บริหาร ครู และบุคลากรทางการศึกษาเอกชนเข้าสู่ประชาคมอาเซียนและการศึกษานานาชาติสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สํานักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 14,290,000 บาท เมื่อ 9 ก.ค.2555

3.จ้างที่ปรึกษาในการดำเนินงานโครงการประเมินผลเชิงวิเคราะห์และพัฒนาระบบฐานข้อมูลของโครงการ อย.น้อย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา วงเงิน 2,360,000 บาท เมื่อ 15 มี.ค.2555

4.จ้างทำแบบทดสอบ และประมวลผลการสอบ เพื่อใช้สำหรับดำเนินการสอบบรรจุบุคคลเข้ารับราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย ประจำปี พ.ศ.2555 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน วงเงิน 17 ล้านบาท เมื่อ 22 มิ.ย.2555

**"มานิจ"ตอกย้ำความเห็นไม่ตรงกัน

นายมานิจ สุขสมจิตร อดีตนายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต (มสด.) ให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทยอินไซต์ไทยแลนด์ว่า ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นนายกสภาฯ ตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค.2555 และมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2556ที่ผ่านมา โดยไม่ต้องการทะเลาะกับใคร จึงไม่ได้เปิดเผยให้เป็นข่าว แต่ที่เป็นข่าว เพราะได้คุยเป็นการส่วนตัวกับนักข่าวคนหนึ่ง ซึ่งได้ไปเขียนเรื่องนี้ต่อในทวิตเตอร์

ส่วนข่าวที่ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจลาออกมี 2-3 เรื่อง โดยเฉพาะการที่มหาวิทยาลัยรับจัดทำ 108 เวทีเสวนาแก้รัฐธรรมนูญ จากกระทรวงมหาดไทย เพราะมองว่า มหาวิทยาลัยไม่ควรรับงานทางการเมืองแบบนี้ และการประชาเสวนามีจุดมุ่งหมายในการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้นั้น นายมานิจ กล่าวว่า ตนเองมีส่วนในการร่างรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะในเรื่องสิทธิเสรีภาพ ฉะนั้น จึงเป็นคนละจุดยืน แต่ก็ถือเป็นสิทธิของมหาวิทยาลัย เมื่อตนไปเปลี่ยนอะไรไม่ได้ ก็ออกมาเท่านั้นเอง เพราะความเห็นไม่ตรงกัน

สำหรับกรณีโพลสำรวจเรื่องวันโลกแตก ซึ่งถูกมองว่า รับใช้การเมือง เนื่องจากระบุชื่อนักการเมือง มีผลเป็นบวกต่อนักการเมืองฝ่ายหนึ่ง และเป็นผลลบต่อนักการเมืองอีกฝ่ายหนึ่งนั้น นายมานิจกล่าวว่า การทำโพลล์ มีหลักการ คือ ต้องสร้างสรรค์ พัฒนา ไม่เอื้อประโยชน์ให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งตนได้ถามว่า การทำโพลเรื่องนี้เกิดประโยชน์อะไรกับสังคมไหม กลับได้รับการชี้แจงว่า ทำโพลเพื่อแก้เครียด ซึ่งตนมองว่า การแก้เครียด ไม่อยู่ในหลักวิชาการทำโพล และคำถามไม่ควรถามนำโดยการใส่ชื่อนักการเมืองไว้ก่อน

ทั้งนี้ ทั้งอธิการ และนายสุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานดำเนินงานสวนดุสิตโพล ก็ยังเคารพกันอยู่ เพียงแต่ความเห็นไม่ตรงกัน ขอย้ำว่า ไม่ได้ต้องการทะเลาะกับใคร และไม่อยากให้กระทบมหาวิทยาลัย เพราะเป็นการจากกันด้วยดี

**"สุขุม"ยันเดินหน้าทำโพลต่อ

รศ.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานสวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) สวนดุสิต กล่าวว่า การลาออกจากนายกสภา มรภ. สวนดุสิต ของนายมานิจ ไม่เกี่ยวกับการทำโพลเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และนายมานิจ ได้ลาออกตั้งแต่ต้นเดือนม.ค.ที่ผ่านมา มรภ.สวนดุสิต จะยังเดินหน้าทำโพลต่อไป รวมถึงข่าวที่ระบุว่าไม่เห็นด้วยที่รับจัดสานเสวนาปรองดอง 108 เวที คงไม่ใช่ เพราะยังไม่มีอะไร นอกจากตนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการชุดนี้จากรศ.ธงทอง จันทรางศุ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เท่านั้น

**กกต.กทม. เลื่อนพิจารณาคดีโพล

นายวีระ ยี่แพร ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า การทำและเผยแพร่ผลโพล สามารถทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 50 แต่กรณีนี้มีประกาศคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรื่องแนะนำวิธีการและลักษณะต้องห้ามเกี่ยวกับการเปิดเผยหรือเผยแพร่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการลงคะแนนเลือกตั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นและผู้บริหารท้องถิ่น 2551 ที่ขอความร่วมมือว่าไม่ควรเผยแพร่ผลโพลช่วง 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง เพราะถ้าพบว่าเป็นการดำเนินการจัดทำโดยไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ก็อาจจะเข้าข่ายหลอกลวง จูงใจให้เข้าใจผิดในคะแนนนิยมของผู้สมัคร ผิดมาตรา 57 ของพ.ร.บ.เลือกตั้งท้องถิ่น ดังนั้น จึงอยากให้ผู้ที่ดำเนินการระมัดระวังในการทำและเผยแพร่ด้วย

“ตอนนี้แม้จะมีการมองว่าผลโพลที่เผยแพร่ออกมามีลักษณะชี้นำ แต่ตามกฎหมายแล้ว กกต.ไม่มีอำนาจที่จะไปตักเตือนหรือสั่งให้ระงับ รวมถึงถ้าไม่มีคนร้องแล้ว เราไปเชิญผู้จัดทำมา ก็อาจกลายเป็นประเด็นว่า กกต.ไม่กลางหรือเปล่า เราจึงต้องทำตามระเบียบสืบสวนสอบสวน คือ ถ้ามีการยื่นร้องเรียนมา และกกต.พิจารณารับเป็นคำร้อง เมื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนจึงจะสามารถออกหนังสือเรียกผู้ที่ทำมาให้ข้อมูลได้ แต่ขณะนี้ที่มีผู้สมัคร 2 รายยื่นเรื่องเข้ามาขอให้พิจารณาสั่งระงับการทำโพล ดูแล้วเรื่องที่ยื่นยังไม่เข้าข่ายร้องเรียน จึงได้มีหนังสือสอบถามกลับไปยังผู้สมัครทั้ง 2 รายแล้วว่าประสงค์ที่จะยื่นเป็นเรื่องร้องเรียนร้องคัดค้านหรือไม่ ซึ่งยังไม่ได้รับการตอบกลับมา ที่ประชุมกกต.กทม.จึงเลื่อนพิจารณาเรื่องการเผยแพร่โพลจากที่จะพิจารณาในวันที่ 6 ก.พ. ไปเป็นวันศุกร์ที่ 8 ก.พ. เพื่อพิจารณาจะรับเรื่องดังกล่าวเป็นคำร้องหรือไม่”

นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมา ในการเลือกตั้งท้องถิ่นของจังหวัดทางภาคใต้เมื่อปี 2547-48 เคยมีการเผยแพร่ผลโพลในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นช่วง 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง ปรากฎว่าผู้ดำเนินการถูกดำเนินคดีอาญามาแล้ว และการเผยแพร่ดังกล่าวยังมีผลกระทบกับตัวผู้สมัครรับเลือกตั้งด้วย จึงอยากให้ผู้ที่ดำเนินการจัดทำโพลในการเลือกตั้งครั้งนี้มีความระมัดระวัง แต่ในส่วนของกกต. ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หากกกต.หยิบเรื่องดังกล่าวขึ้นพิจารณาเอง ก็ต้องหยิบในทุกครั้งที่มีการเลือกตั้งและเชิญทุกสำนักโพล เพราะหากเชิญมาไม่ครบ กกต.ก็อาจถูกกล่าวหาว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 เพราะทุกวันนี้โพลต่างก็ออกมารายวัน

**คนรัฐ-พท.ดาหน้ายันไม่แทรกแซง

นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นรมว.มหาดไทยและดูแลกรุงเทพมหานครด้วย ตนพยายามระวังที่สุดในการไปก้าวก่ายหรือทำผิดกฎหมาย และตนยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทราบเรื่องการไปแทรกแซงโพล ไม่มีแน่นอน และไม่คิดว่าผลโพลเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย นโยบายเป็นสิ่งสำคัญที่ทางพรรคเน้นในการนำเสนอต่อประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่มองว่าสวนดุสิตโพลรับงานจากรัฐบาล เพราะการทำประชาเสวนาก็ทำร่วมกับรัฐบาล จึงมองว่ารัฐบาลสามารถแทรกแซงการทำงานของสวนดุสตโพลได้ นายจารุพงศ์ กล่าวว่า ต้องให้สวนดุสิตโพลยืนยันว่ารัฐบาลเคยไปแทรกแซงการทำงานของสวนดุสิตโพลหรือไม่ แต่ตนยืนยันว่าเราไม่แทรกแซง เราให้เกียรติกับทุกคน ไม่อย่างนั้นเราจะไปขอร้องให้เขามาช่วยทำไม การทำงานครั้งนี้ เราไปขอร้องให้เขามาช่วยมาดู เพราะเห็นว่าสวนดุสิตโพลเป็นกลาง เลยไปขอร้องให้เขามาช่วยมาดูให้

**"ภูมิธรรม" ยัน พท. ไม่ได้อยู่เบื้องหลัง

นายภูมิธรรม เวชยชัย ผอ.ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า โพลมาจากการทำโพลของแต่ละสำนักเอง พรรคเพื่อไทยไม่ได้ไปแทรกแซงหรืออยู่เบื้องหลัง ในส่วนของพรรคจะทำโพลสำรวจคะแนนนิยมของพล.ต.อ.พงศพัศ อีกครั้งในช่วงกลางและช่วงท้ายของการหาเสียง เพื่อปรับยุทธศาสตร์การหาเสียงอีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เคยสำรวจความนิยมไปแล้วตอนจะส่งตัวผู้สมัคร เท่าที่ติดตามเห็นว่า คะแนนของพล.ต.อ.พงศพัศในเขตชั้นในของกทม. แม้ไม่ใช่พื้นที่ฐานเสียงของพรรคเพื่อไทย แต่ก็มีคะแนนดีขึ้นเป็นลำดับ เพราะคนกทม.อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง ขณะที่สัดส่วนของคนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะเลือกใครก็ลดลง หลังจากนี้ ทุกวันพุธพรรคจะทยอยเปิดตัวนโยบายสำคัญด้านต่างๆ โดยสัปดาห์หน้าจะเปิดนโยบายด้านการจัดระเบียบจราจร จากนั้นจะเปิดตัวนโยบายพัฒนาคุณภาพชีวิตคนกทม. และการสร้างความหวังให้คนกทม.ตามลำดับ

**“เหลิม”ติงอย่าตื่นตูมตกใจผลโพล

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าไม่เป็นความจริง ในอดีตเคยมีการต่อว่าผลสำรวจของสวนดุสิตโพลเกี่ยวกับการเลือกตั้ง แต่สุดท้ายผลออกมาก็ตรงกับผลของสวนดุสิตโพล ยกตัวอย่างตนลงเลือกตั้งในพื้นที่ กทม. 6 สมัย ไม่เคยมีโพล บอกว่าชนะสักครั้ง แต่ก็ได้ที่หนึ่งทุกที อย่างไรก็ตาม ผลโพลต่างๆ ยังไม่ถือเป็นข้อยุติ อย่าตกใจง่าย บางคนพอโพลบอกว่าแพ้แล้วแผ่ว สังเกตดูจากทีมหาเสียงได้ หากเหลือคนน้อย แสดงว่าตกใจขวัญกระเจิง

ผู้สื่อข่าวถามว่าแสดงว่าผลโพลหลายสำนักที่ให้ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ของพรรคเพื่อไทย มีคะแนนนำในขณะนี้อาจจะยังเชื่อไม่ได้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนไม่เคนเชื่อผลสำรวจของสำนักไหน แต่เฉลิมโพลบอกว่าชนะ เพราะตนช่วยหาเสียงอยู่ จะไปบอกว่าแพ้ได้อย่างไร

** "มัลลิกา" ปลุกสังคมฉุกคิด

น.ส.มัลลิกา บุญมีตระกูล รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่อยากให้ประชาชนได้ฉุกคิดก่อนใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ในวันที่ 3 มี.ค.นี้ เพราะเป็นตัวอย่างการเคลื่อนไหวที่ไม่ปกติของการจัดทำโพล ซึ่งเชื่อว่าจะมีมากขึ้นในช่วงท้ายก่อนที่จะมีการลงคะแนนเลือกตั้งเพื่อก่อให้เกิดการชี้นำ ความไม่เป็นธรรมต่อผู้สมัครของทุกฝ่าย จึงอยากเรียกร้องให้ กกต.กลางประสานงานกับฝ่ายต่างๆ มากขึ้น เพื่อป้องกันปัญหา รวมถึงนักวิชาการที่กำลังจะทำโพลด้วย เพื่อให้เข้าใจในข้อกฎหมาย

**กทม.โพลชี้พงศพัศเริ่มทิ้งห่างสุขุมพันธุ์

ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพล) เผยเเพร่ผลสำรวจเรื่อง ก่อนโค้งสุดท้ายศึกชิงชัยผู้ว่าฯ กทม. พบว่า คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 94.7 คิดว่าจะไปเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 มี.ค.2556 นี้ ขณะที่ร้อยละ 2.9 ยังไม่แน่ใจว่าจะไปหรือไม่ มีเพียงร้อยละ 2.4 ที่คิดว่าจะไม่ไป

เมื่อถามความคิดเห็นต่อข้อคำถามที่ว่า นโยบายของผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. คนใดน่าสนใจและทำได้จริงมากที่สุด พบว่า อันดับแรกคือ เบอร์ 9 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ร้อยละ 36.3 รองลงมา คือ เบอร์ 16 ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ร้อยละ 27.1 และเบอร์ 11 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร้อยละ 7.2

ส่วนความคิดเห็นต่อข้อคำถามที่ว่า ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. คนใดเข้าถึงประชาชนมากที่สุด พบว่าอันดับแรก คือ เบอร์ 9 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ร้อยละ 58.9 รองลงมา คือ เบอร์ 16 ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ร้อยละ 34.3 และเบอร์ 11 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร้อยละ 5.3

สุดท้ายเมื่อถามว่า หากวันนี้เป็นวันเลือกตั้ง ท่านจะเลือกใครเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร อันดับแรก คือ เบอร์ 9 พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ร้อยละ 35.2 รองลงมา คือ เบอร์ 16 ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ บริพัตร ร้อยละ 28.3 และเบอร์ 11 พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ร้อยละ 7.0 ขณะที่ร้อยละ 24.7 ยังไม่ตัดสินใจ

**"คุณชาย"ลุยฝั่งธนฯ-"จูดี้"ชูลดอาชญากรรม

ส่วนการหาเสียงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่สวนเฉลิมพระเกียรติบางขุนนนท์ เขตบางกอกน้อย เพื่อเปิดนโยบายการพัฒนาฝั่งธนบุรี

ขณะที่ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย แถลงนโยบายความปลอดภัยชาวกรุงเทพฯ ณ ที่ทำการพรรค โดยเน้นลดอาชญากรรมทุกประเภท โดยจะจัดตั้งศูนย์เฝ้าระวังภัยรับแจ้ง ทำงานเชื่อมโยงกับกล้องซีซีทีวีทุกพื้นที่ ลดพื้นที่แพร่ระบาดยาเสพติด นำผู้เสพเข้ารับการบำบัดฟื้นฟู เพิ่มโครงการชุมชนอุ่นใจ ลดความสูญเสียจากเพลิงไหม้ภัยพิบัติต่างๆ เพิ่มศูนย์ร้องทุกข์ให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ ประสานฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ

**กทม.ปรับปรุงห้องทำงานผู้ว่าฯ

นายธรรมรัตน์ มุกมีค่า หัวหน้าสำนักงานเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ได้สั่งการให้ข้าราชการ เจ้าหน้าที่กทม. รวมตัวกันยกอุปกรณ์ของสำนักงาน อาทิ โต๊ะ เก้าอี้ ตู้เก็บเอกสาร ชั้นเอกสาร เป็นต้น เพื่อให้ผู้รับเหมาเข้ามาปรับปรุงซ่อมแซมห้องทำงานในส่วนของสำนักงานเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. ประกอบด้วย 1.ห้องทำงานของคณะทำงานผู้ว่าฯ กทม. 2.ห้องทำงานรองผู้ว่าฯ กทม. จำนวน 3 ห้อง เนื่องจากห้องทำงานมีสภาพเก่า ไม่ได้มีการปรับปรุงมากลายปี อีกทั้งบางส่วนยังพบพรมขาดและเครื่องปรับอากาศเสีย โดยเฉพาะห้องทำงานของข้าราชการในส่วนสำนักงานเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. ที่ไม่ได้มีการปรับปรุงมาตั้งแต่นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เป็นผู้ว่าฯกทม. แต่ในส่วนห้องทำงานของผู้ว่าฯ กทม. ยังใช้ตามปกติ ไม่ได้มีการปรับปรุง ทั้งนี้ จะให้เจ้าหน้าที่เร่งดำเนินการปรับปรุงให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 28 ก.พ. ก่อนที่คณะผู้บริหารคณะใหม่จะเข้ามาทำงานในเดือนมี.ค.

นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกทม. ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.ทถ.กทม.) และคณะได้เดินทางไปตรวจหน่วยเลือกตั้งเขตวังทองหลาง และเขตลาดพร้าว พร้อมย้ำว่า ให้มีการอบรมกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง (กปน.) ให้ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายการเลือกตั้งอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการนับคะแนน ณ หน่วยเลือกตั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น