xs
xsm
sm
md
lg

"จูดี้"จัดหนักประชานิยม "ชายหมู"ขุดอุโมงค์ยักษ์6ท่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้สื่อข่าวรายงานการลงพื้นที่หาเสียง ของผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เมื่อวานนี้ (30ม.ค.)ว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ได้ลงที่หมู่บ้านสัมมากร ย่านถนนรามคำแหง ตั้งแต่ 07.00น. โดยพล.ต.อ.พงศพัศ ได้เข้าไปพูดคุยสอบถามปัญหาค่าโดยสารกับนักเรียน ร.ร.นวมินทราชินูทิศ ขณะที่กำลังรอขึ้นวินรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเป็นจำนวนมาก และได้เดินส่งนักเรียนขึ้นรถสองแถว และได้เดินทางไปโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า

** "จูดี้" จัดรถฟรีให้นักเรียน

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า จากการสอบถามนักเรียนพบว่าต้องเสียค่าโดยสารรถสองแถว 7 บาทต่อเที่ยว และต้องรอให้ผู้โดยสารเต็มรถจึงจะออก ทำให้นักเรียนส่วนหนึ่งเลือกใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง เที่ยวละ 15 บาท ดังนั้นหากได้รับโอกาสทำงานรับใช้ชาวกทม. จะลดค่าใช้จ่ายผู้ปกครองโดยให้กทม.ว่าจ้างรถโดยสารให้บริการรับ-ส่งนักเรียนโดยไม่เสียค่าบริการ
จากนั้นพล.ต.อ.พงศพัศ เดินทางต่อมาที่ วัดลาดบัวขาว เขตสะพานสูง ไหว้พระ เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งพล.ต.อ.พงศพัศ ได้ลอดใต้ท้องเรือหลวงปู่ทอง 2 รอบ ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ภายในวัดที่ประชาชนนับถือ และหากใครมาต้องลอดใต้ท้องเรือ และได้ตีฆ้อง อีก 9 ครั้ง ตีกลองเพลอีก 9 ครั้ง เพื่อเอาฤกษ์ เอาชัย และได้พบเจ้าอาวาสวัด ขอพรและพรมน้ำมนต์
ก่อนออกจากวัด พล.ต.อ.พงศพัศ ได้เดินไปที่แผงขายลอตเตอรี่ พูดคุยกับคนขาย พร้อมชี้ไปที่เลข 09 และพูดว่า "งวดนี้ 09 มาแน่ ไม่ซื้อจะเสียใจ ส่วนตัวซื้อเก็บไว้เยอะแล้ว"
ต่อมาเดินทางต่อไปยัง มัสยิดอัลยุซรอ พูดคุยกับอิหม่าม เรื่องปัญหายาเสพในชุมชน และเรื่องนโยบายต่างๆ และอิหม่าม ได้ขอพรพระเจ้า อวยพรให้กับ พล.ต.อ.พงศพัศ จากนั้นพล.ต.อ"พงศพัศ ได้เดินเท้าไปที่ ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียน สุเหร่าซีรอ ซึ่งอยู่บริเวณด่านหลังมัสยิด พล.ต.อ.พงศพัศ ได้ทักทายครูอาจารย์ และเด็กเล็กในโรงเรียน สอบถามชื่อ ใครมารับมาส่ง ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก โดยมีเด็กที่ยืนอยู่บนอาคารเรียน ต่างตะโกน ส่งเสียงเชียร์ ว่า เบอร์ 9

** จัดโซนนิ่งรถเมล์ ทำอีทิคเก็ต

พล.ต.อ.พงศพัศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ เตมียาเวส ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. ระบุว่า การเสนอนโยบายไร้รอยต่อ อาจจะทำให้ผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะกทม.อาจไม่เป็นเป็นอิสระนั้น พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ผิดกฎหมายหรือไม่ผิด ก็คงต้องว่ากันไปอีกส่วนหนึ่ง แต่กระบวนการนำเสนอยุทธศาสตร์หาเสียงร่วมกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ ตนตระหนักดีว่า อำนาจหน้าที่ของกทม. ที่เราทำได้ในกรอบงบประมาณที่เรามี เราจะทำทันที ส่วนกรอบงานมากมายที่เป็นปัญหาของประชาชนกทม. ที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไข แต่ไม่สามารถที่จะทำสำเร็จได้ในหน้าที่ของผู้ว่าฯกทม. ก็ต้องประสานกับหน่วยงานอื่นนอกกรอบงบประมาณ ก็มีความจำเป็นต้องทำ ถ้าอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าฯกทม. ถ้ามองเฉพาะในกรอบของตนเองจริงๆ การงานต่างๆ เราทำได้ แต่เราได้ในระดับหนึ่งที่ไม่สามารถแก้ทุกข์ให้กับประชาชนในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแสวงหาความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เป็นการบริหารจัดการที่ผู้ว่าฯกทม. จำเป็นต้องกระทำ ผู้สมัครทุกคนมองอยู่ในกรอบแคบๆ เฉพาะกทม.เท่านั้น แต่ไม่ได้มองกทม.ในภาพใหญ่กว่านั้น เราต้องนำองคาพยพทั้งหมดมาบริหารจัดการให้กทม. เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
เมื่อถามว่านโยบายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุที่จะเพิ่มเฉพาะพื้นที่ในกทม. อาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำ พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ระบบเศรษฐกิจไม่เหมือนกัน บางพื้นที่ก็เพียงพอ ซึ่งคิดว่าการดำรงชีพของผู้สูงอายุในกทม. แพงกว่าที่อื่น ทั้งนี้การเพิ่มเบี้ยยังชีพที่เป็นส่วนต่างของรัฐบาลนั้น ตนคงต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างแน่นอน
เมื่อถามว่า จะมีการจัดการเดินรถเมล์อย่างไร พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า เราจะลดพื้นที่กลางเมืองให้เหลือน้อยที่สุด คือคืนพื้นผิวการจราจรให้กับรถยนต์ส่วนบุคคล เราจะทำระบบโซนนิ่งรถเมล์ที่วิ่งจากชายขอบของกทม. ทุกคันไม่จำเป็นต้องวิ่งไปที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่จำเป็นที่สนามหลวง เราจะจัดโซนนิ่งว่า รถเมล์ชายขอบกทม. จะไปวิ่งถึงโซนกลางแค่ไหน อย่างไร จะส่งที่บีทีเอส หรือว่า แอร์พอร์ตลิ้งค์ โซนกลางจะวิ่งถึงไหน โซนในสุดจะเหลือกี่สาย แต่ตนไม่ต้องการให้หนึ่งป้ายรถเมล์มีรถเมล์วิ่งเข้ามาหลายสาย และผู้โดยสารจะรอรถเป็นเวลานาน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการท้วงติงมาจาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า นโยบายหาเสียงอาจจะนำงบประมาณจากส่วนกลางมาถม พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ขอยกตัวอย่างเรื่องระบบขนส่งมวลชน เราจะทำระบบอีทิคเก็ต ให้กับพี่น้องชาวกทม.ทุกคนในบริการสาธารณะระบบพื้นฐานของขนส่งมวลชน ทั้งระบบ เรามีงบประมาณเพียงพอ และจะประหยัดงบประมาณในส่วนอื่นที่ไม่มีความจำเป็น สำหรับไม่ใช่คนกทม. ตนจะร้องขอไปยังรัฐบาลให้ช่วยเหลือต่อไป

** เปิดนโยบายยกระดับคุณภาพชีวิต

ต่อมา พล.ต.อ.พงศพัศ ได้เปิดนโยบายอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ" วางยุทธศาสตร์ สร้างอนาคตกรุงเทพร่วมกับรัฐบาล อย่างไร้รอยต่อ" โดยยืนยันว่า ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจะช่วยลดความซ้ำซ้อน แต่ไม่ไร้การตรวจสอบ เพราะยังสามารถตรวจสอบการทำงานได้ จากทั้งสภากทม. องค์กรอิสระ ตลอดจนภาคประชาชน
สำหรับนโยบายหลัก มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ด้าน คือ 1.บริหารจัดการกทม. แบบบูรณาการ 2. ประสานงานกับทุกหน่วยงาน และ 3.สนับสนุนโครงการของรัฐบาล ซึ่งนโยบายมีทั้งหมด 8 ข้อหลัก คือ
1. ซื้อสินค้าราคาถูก ลดหนี้นอกระบบ โดยใช้กองทุนชุมชนเมือง 2. วางโครงข่ายจราจร และระบบขนส่งมวลชนใหม่ 3. แก้ปัญหาอาชญากรรม อัคคีภัย เฝ้าระวังความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง 4. ขจัดยาเสพติด ขยายโครงการชุมชนอุ่นใจได้ลูกหลานกลับคืน 5. บริหารจัดการน้ำ ป้องกันน้ำท่วม น้ำขัง แก้ไขปัญหาท่อตัน 6. บริหารจัดการเก็บขยะทั้งวัน คัดแยกขยะเป็นระบบ 7. ผลักดันทางเดินเลียบแม่น้ำเจ้าพระยา ให้คนกรุงเทพมหานครขี่จักรยาน เดิน และวิ่ง และ 8.จัดสร้างทางเท้าใหม่ สวนสาธารณะใหม่ นำสายไฟฟ้าลงดิน สร้างกรีนซิตี้
ทั้งนี้ในการเปิดตัวนโยบายดังกล่าว พล.ต.อ.พงศพัศ ยังได้จัดทำแผ่นพับ เพื่อแจกจ่ายประชาชน ซึ่งนอกจากจะมีรายละเอียดนโยบายทั้งหมดแล้ว ยังมีประวัติการศึกษาและการทำงานโดยย่อด้วย พร้อมกับแจกจ่ายสติกเกอร์เป็นรูปการ์ตูนแทน พล.ต.อ.พงศพัศ คู่กับนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่า ทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ
อย่างไรก็ตาม การเปิดนโยบายครั้งนี้ มีนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรค รวมถึงแกนนำพรรค เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ นายจาตุรนต์ ฉายแสง และ สก. สข. เข้าร่วมรับฟังด้วย

**ไร้รอยต่อไม่ใช่เป็นลูกน้องรัฐบาล

ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกพรรคเพื่อไทย ในฐานะรองโฆษกศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า ตามที่พรรคการเมืองอื่นกำลังทำให้ประชาชนสับสนว่า นโยบายไร้รอยต่อที่พรรคเพื่อไทยนำเสนอ จะทำให้กทม. อยู่ใต้อำนาจของรัฐบาล ในลักษณะเป็นลูกน้องนั้น ไม่เป็นความจริง แต่จะทำให้กทม.สามารถทำงานประสานกับรัฐบาลได้อย่างราบรื่น เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ ทั้งจากการบริหารงานของกทม. และจากนโยบายของรัฐบาลได้อย่างเต็มที่
การที่กทม.ทำตัวเป็นเอกเทศ ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวก ยกตัวอย่าง เช่น กรณีม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ไปหาเสียงกับผู้พิการโดยเสนอนโยบายเพื่อคนพิการหลายข้อ แต่สื่อมวลชนเสนอข่าวว่า เมื่อผู้พิการร้องทุกข์แก่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ว่า ขึ้นรถเมล์ และรถแท็กซี่ไม่สะดวก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กลับโยนให้สมาคมผู้พิการไปร้องทุกข์กับ รมว.คมนาคม ซึ่งกำกับดูแล ขสมก. โดยอ้างว่ากทม. ไม่มีอำนาจ นี่คือตัวอย่างของปัญหาที่เกิดจากการทำงานแบบต่างคนต่างทำ แบบมีรอยต่อ ซึ่งพรรคเพื่อไทยอยากเข้ามาแก้ไขในจุดนี้ หาก พล.ต.อ. พงศพัศ ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. จะไม่มีการโยนความรับผิดชอบให้หน่วยงานอื่น แต่ จะทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไข แบบ One Stop Service ซึ่งนี่คือจุดเด่นของการทำงานแบบไร้ร่อยต่อกับรัฐบาล

**"สุขุมพันธุ์"สร้างอุโมงค์ยักษ์อีก 6 แห่ง

เวลา 10.00 น. วานนี้ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 16 จากพรรคประชาธิปัตย์ และคณะ ได้ลงหาเสียงพื้นที่ ประตูระบายน้ำพระราม 9 เขตบางกะปิ โดยมีชาวบ้านให้การต้อนรับคึกคัก
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ให้สัมภาษณ์ว่า อุโมงค์ยักษ์แห่งนี้ มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร และเป็นอุโมงค์ที่ 7 ที่ใหญ่ที่สุด รับน้ำจากคลองลาดพร้าว คลองแสนแสบ ระบายน้ำลงคลองพระโขนง ออกแม่น้ำเจ้าพระยา มีความยาว 6.4 กม. ซึ่งอุโมงค์ดังกล่าว ถือเป็นพระเอกทำให้กรุงเทพฯชั้นในปลอดน้ำท่วม ปลายปี 2554 ทำหน้าที่ช่วยระบายน้ำกรุงเทพฯ ชั้นใน ออกแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้กทม.ชั้นใน ไม่ประสบปัญหาน้ำท่วม
ทั้งนี้สมัยตนเป็นผู้ว่าฯกทม. สั่งการให้สำนักการระบายน้ำ ศึกษาในการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำอีก 3 แห่ง คือ 1.อุโมงค์ระบายน้ำใต้คลองบางซื่อ ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ความยาว 9.4 กม. ระบายน้ำออกแม่น้ำเจ้าพระยา 2.อุโมงค์ระบายน้ำ บึงหนองบอน ความยาว 9.4 กม. และ 3 อุโมงค์ระบายน้ำดอนเมือง ระบายน้ำจากคลองเปรมประชากร ลงแม่น้ำเจ้าพระยา ความยาว 13.5 กม. ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเดินหน้าต่อไป หากได้เป็นผู้ว่าฯ กทม.
นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่เสี่ยงอีกจำนวนมาก โดยเฉพาะในฝั่งธนบุรี ซึ่งมีน้ำเหนือ ลงคลองมหาสวัสดิ์ คลองทวีวัฒนา ซึ่งในบริเวณนั้นมีลักษณะเป็นคอขวด ไม่สามารถระบายน้ำลงคลองภาษีเจริญ ออกแม่น้ำท่าจีนได้อย่างรวดเร็ว จึงสั่งให้สำนักการระบายน้ำ ศึกษาแนวทางก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ ความยาว 2 กม. เพื่อระบายน้ำจากคลองมหาสวัสดิ์ ขณะเดียวกันยังได้สั่งให้สำนักการระบายน้ำ ก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำ บริเวณคลองพระยาราชมนตรี เพื่อระบายน้ำออกคลองสนามชัย ออกแก้มลิงที่ใหญ่ที่สุด หากสามารถสร้าง 2 อุโมงค์ระบายน้ำได้จะบรรเทาป้องกันแก้ไขน้ำท่วมพื้นที่เสี่ยงฝั่งธนบุรี
ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯฝั่งตะวันออก ก็มีปัญหาน้ำท่วมขังในปี52-53 เนื่องจากเป็นพื้นที่ต่ำ จึงได้เสนอคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) สร้างคันกั้นน้ำเป็นถนน เช่นเดียวกับคันกั้นน้ำที่ถนนหทัยราษฎร์ เพื่อระบายน้ำลงอ่าวไทย ส่วนน้ำที่ส่งไม่ถึงคลองสุวรรณภูมิ ดังนั้นจึงสั่งให้สำนักการระบายน้ำศึกษาในการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำอีก 1 แห่ง เพื่อระบายน้ำจากฝั่งตะวันออก ลงคลองประเวศบุรีรมย์ ไปลงคลองสุวรรณภูมิ ออกอ่าวไทย โดยคาดว่าจะใช้งบ 8 พันล้านบาท ทั้งนี้อุโมงค์ระบายน้ำดังกล่าวจำเป็นต้องทำ เพราะจะช่วยทางสมุทรปราการด้วย ซึ่งตนจะเดินหน้าทันที

**เสรีพิศุทธ์ตะลุยสีลมนั่งตุ๊กๆหาคะแนน

เวลา 10.30 น. วานนี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เบอร์ 11 ในนามกลุ่มพลังกรุงเทพฯ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่หาเสียง บริเวณธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่ ซอยสีลม 5 ถนนสีลม ด้วยการแจกบัตรหาเสียง และซีดี ซึ่งภายในซีดี ประกอบด้วย ชีวประวัติของพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ความคิดเห็นของคนเมือง มิวสิควิดีโอ "เสรีพิศุทธ์ พิสูจน์ได้" และงานเปิดตัวลงสมัครผู้ว่าฯกทม. จากนั้น ก็ได้เดินทักทายประชาชนที่ซอยละลายทรัพย์ ซึ่งประชาชน พ่อค้า แม่ค้า ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก โดยพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังได้ขึ้นนั่งรถสามล้อตุ๊กๆ เพื่อให้สื่อมวลชนถ่ายภาพอีกด้วย
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เหตุผลที่ตนลงพื้นที่ ธนาคารกรุงเทพ สำนักงานใหญ่นั้น สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์เมื่อปี 2522 ที่ตนได้เข้าช่วยพนักงานถูกคนร้ายจับตัวไว้ที่ธนาคารกรุงเทพ สาขามุกดาหารไว้ได้ ด้วยความสามารถเฉพาะตัว วันนี้จึงเลือกมาที่นี่ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ ตนได้สัญญากับประชาชนในบริเวณซอยละลายทรัพย์ สีลม 5 ไว้ว่า หากตนจับได้เบอร์สมัครผู้ว่าฯกทม.แล้ว จะมาบอกกล่าวประชาชนด้วยตนเอง ว่าได้เบอร์อะไร ซึ่งตนยังได้มีนโยบายดูแลด้านความปลอดภัยให้อีกด้วย โดยยืนยันว่า ไม่มีใครทำหน้าที่นี่ได้ดีเท่า อดีตผบ.ตร.แล้ว ซึ่งตนจะทำให้บ้านเมืองดูสะอาดตา เพื่อลดปัญหาการซ่องสุมของโจร
นอกจากนี้ ยังมีนโยบายให้เจ้าหน้าที่เทศกิจ เลิกจับพ่อค้า แม่ค้า ที่ขายของบนทางเดินเท้าที่ผิดกฎหมาย โดยจะมีการจัดระเบียบพ่อค้า แม่ค้าให้ถูกต้อง และส่งเจ้าหน้าที่เทศกิจไปฝึกอบรมด้านการดูแลความปลอดภัย เพื่อมาช่วยงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมไปถึงยังมีการจัดคนในชุมชนมาช่วยดูแลด้านความปลอดภัยกันเองอีกด้วย ทั้งนี้ยังจะเชื่อมกล้องซีซีทีวี ไปยังทุกสำนักงานเขต และสถานีตำรวจ ทั้งนี้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังช่วยพ่อค้าแม่ค้า ทำก๋วยเตี๋ยว ตักข้าวแกงให้ลูกค้าด้วย
"เลือกผมเป็นผู้ว่าฯ ได้สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นของแถมด้วย" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

** แจ้งเบาะแสทุจริตเลือกตั้งแล้ว100 เรื่อง


พ.ต.อ.พันธ์ระวี วีระพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย 1 สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) แถลงว่า ในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ทางกกต.กลาง ได้ให้การสนับสุนนงานสืบสวนสอบสวนของ กกต.กทม. โดยได้อนุมัติให้สำนักงาน กกต.กทม. ประสานผู้บัญชาการตำรวจนครบาล จัดชุดปฏิบัติการป้องกัน และปราบปราม การหาข่าว จำนวน 88 ชุด ชุดละ 2 คน รวม 176 คน ปฏิบัติงานครอบคลุมทุกพื้นที่ในกทม. โดยจะมีการอบรมในวันที่ 18 ก.พ.นี้ เพื่อป้องปรามไม่ให้มีการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง
นอกจากนี้ กกต.กทม. ยังได้จัดตั้งผู้ประสานงานข่าว 50 คน และแหล่งข่าว 50 ชุด ชุดละ 2 คน รวม 100 คน เพื่อดำเนินงานด้านการหาข่าวไว้สนับสนุน ระหว่างงานสืบสวนสอบสวนโดยจะมีการอบรมในด้านการเขียนข่าว และแจ้งข่าวในวันที่ 14 ก.พ.นี้
ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นหรือทราบเบาะแสว่ามีการกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้งก็สามารถแจ้งได้ที่ ศูนย์รับแจ้งเหตุและเบาะแสการทุจริตการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม. ชั้น 3 สำนักงาน กกต. อาคารบี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ หรือ โทร. 0-2-143-8941, 0-2-143-8952, 0-2143-8953 , http://www.ect.go.th,/http://www.facebook.com/ElectionMonitoringCenter
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบขณะนี้ยังไม่มีเรื่องร้องคัดค้าน เพียงแต่มีการแจ้งเบาะแสมาทางโทรศัพท์จำนวน 100 ราย แยกได้เป็น 4 เรื่อง คือ กรณีติดตั้งป้ายหาเสียงที่กีดขว้างการจราจร 2 เรื่อง กรณีมีกระแสข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนหีบลงคะแนนในย่านเยาวราช 1 เรื่อง และมีการปราศรัยหาเสียงที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย 1 เรื่อง ซึ่งในเรื่องกระแสข่าวเปลี่ยนหีบลงคะแนน ไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องจากปัจจุบันเปลี่ยนมานับคะแนนที่หน่วยเลือกตั้ง ไม่ใช่ไปนับรวมที่เขตเหมือนในอดีต แต่ทั้งหมดนี้จะมีการรวบรวมข้อมูลไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง

**ประกาศชื่อผู้มีสิทธิ์สมัคร 1 ก.พ.

ด้านนายวีระ ยี่แพร ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) กล่าวถึงกระแสข่าวว่า พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคเพื่อไทย ไม่ไปใช้สิทธิเรื่องตั้ง ส.ส. เมื่อวันที่ 3 ก.ค.54 ที่ผ่านมา จึงอาจเข้าข่ายขาดคุณสมบัติการลงสมัครว่า การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครเป็นหน้าที่ของ ปลัดกทม. ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งท้องถิ่นประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กต.ทถ.กทม.) ซึ่งต้องตรวจสอบให้แล้วเสร็จภายใน 7 วัน นับแต่วันรับสมัคร โดยวันสุดท้ายคือวันที่ 1 ก.พ. ที่จะต้องมีการประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง
ส่วนในเรื่องของการไปใช้สิทธิเลือกตั้งนั้น จากการตรวจสอบจะยึดการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ซึ่งในกทม. มีการเลือกตั้ง ส.ส.ครั้งล่าสุดคือ วันที่ 3 ก.ค. 54 และมีการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตคันนายาว เมื่อวันที่ 7 ส.ค 54 และเลือกตั้งซ่อมส.ก. เขตดอนเมืองในวันที่ 2 ก.ย. 55 ดังนั้นต้องดูว่าผู้สมัครมีชื่ออยู่ในเขตใด และไปใช้สิทธิในการเลือกตั้งครั้งล่าสุดหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่า ผู้สมัครรายใดขาดคุณสมบัติจากการไม่มีใช้สิทธิการเลือกตั้งที่ผ่านมา
"อยากเรียกร้องให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าว บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง เพราะหากเสนอข่าวโดยไม่ยึดหลักข้อเท็จจริง ก็อาจส่งผลต่อคะแนนความนิยมของผู้สมัคร ที่อาจรู้สึกว่าเสียหาย และอาจนำมาสู่การฟ้องร้อง โดยผู้ที่เสนอข่าวก็จะต้องรับผิดชอบ ดังนั้นการเสนอข่าวหรือการให้ข่าว จะต้องตรวจสอบในข้อเท็จจริงเสียก่อน อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าผู้สมัครทุกราย จะต้องตรวจสอบคุณสมบัติ และรู้ตัวเองอยู่ก่อนแล้วว่าขาดคุณสมบัติในการจะลงสมัครหรือไม่" นายวีระ กล่าว
ทั้งนี้ นายวีระ ยังกล่าวถึง กรณีผู้สมัครโฆษณาหาเสียงผ่านรายการโทรทัศน์หรือวิทยุว่า จะต้องนำค่าใช้จ่ายในการออกทีวีแต่ละครั้งมาร่วมอยู่ในบัญชีค่าใช้จ่ายที่ต้องแจ้งต่อ กกต. ใน 90 วันนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง หากไม่แจ้งและมีผู้ร้องเรียนก็จะเข้าข่ายแจ้งค่าใช้จ่ายอันเป็นเท็จ ซึ่งมีความผิดตามกฎหมายอาญา อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้ กกต.ได้ตั้งงบประมาณค่าใช้จ่ายในการหาเสียงของผู้สมัครรายละไม่เกิน 49 ล้านบาท หากผู้สมัครมีบุคคลอื่นช่วยออกค่าใช้จ่าย หรือได้รับทรัพย์สินที่บุคคลอื่นนำมาให้เพื่อประโยชน์ในการหาเสียง ก็จะต้องนำมาคิดเป็นค่าใช้จ่ายในการหาเสียงด้วย
สำหรับในกรณีวันเลือกตั้งตรงกับวันสอบ GAT-PAT ของนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 6 นั้น กกต.ได้รับการยืนยันจากสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.)ว่าจะไม่เลื่อนวันสอบ GAT-PAT แต่จะเลื่อนเวลาพักออกไปเป็น 2 ชั่งโมง 30 นาที ซึ่งจะเริ่มสอบตั้งแต่เวลา 14.00 น. – 17.00 น. เพื่อขยับเวลาให้นักเรียนมีเวลาไปลงคะแนนเลือกตั้ง โดยกกต.ได้ประสานไปยังกรรมการประจำหน่วย (กปน.) ทุกหน่วยให้จัดช่องทางพิเศษเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียนในการลงคะแนนเลือกตั้งด้วยความรวดเร็ว เพื่อจะได้กลับไปสอบได้ทันเวลา
รายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับกรณีกระแสข่าวว่าพล.ต.อ.พงศ์พัศ ไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งส.ส. 3 ก.ค. 54 นั้น ทางสำนักงานกกต.กทม.ได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้ว พบว่าในวันเลือกตั้ง 3 ก.ค.54 พล.ต.อ.พงศ์พัศ ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ดังนั้นจึงไม่น่าจะทำให้มีปัญหาขาดคุณสมบัติ ในการลงสมัครผู้ว่าฯกทม.

**"บิ๊กแจ๊ด"ตั้งสินบน1 แสนจับโกงเลือกตั้ง

พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ในวันที่ 3 มี.ค.นี้ว่า จะเน้นการป้องกันการโกงในการเลือกตั้ง โดยจัดกำลังตำรวจ 2 คนต่อ 1 หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งเราจะทำให้เป็นแบบอย่างในการตั้งที่เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรมที่สุด ไม่มีการโกงโดยเด็ดขาด ไม่ว่าจะเป็นการเวียนบัตร หรือว่าการโกงต่างๆ การนับคะแนนผิดๆ ถูกๆ ซึ่งได้สั่งการกำชับให้เตรียมตรวจสอบเอาไว้แล้ว ถ้าเจ้าหน้าตำรวจทั้งหมดในพื้นที่นครบาล ใครสามารถจับกุมการโกงเลือกตั้งได้ทันที ขณะเกิดเหตุจะมีรางวัลให้รายละ 100,000 บาท
ส่วนการดูแลเกี่ยวกับการพนันช่วงเลือกตั้งนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์ กล่าวว่า ในการพนันก็มีการกระทำออกมาจริงว่า เป็นราคาโน้น ราคานี้ ถ้ามีหลักฐานชัดเจน จะดำเนินการจับกุม แต่ส่วนจะพนันกันในกลุ่มของเขาเอง บางทีหลักฐานอาจจะหายาก แต่เราจะพยายามตรวจสอบ โดยได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกสน.ให้เกาะติด ถ้าเกิดมีการแทงพนันจริง มีการเดิมพันจริง มีการวางเงินจริง ก็จะดำเนินการจับกุมทันที เพราะว่าการพนันเป็นส่วนหนึ่ง ทำให้มีผลต่อคะแนนของผู้สมัครพอสมควร

**"จูดี้"ฉีกหนี"ชายหมู"เหตุอ่อนปชส.

นิด้าโพล สำรวจความเห็นเรื่อง "คนกรุงฯกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.โค้งที่ 2" ช่วงระหว่างวันที่ 23-26 ม.ค. จาก 50 เขต จำนวน 1,503 หน่วยตัวอย่าง พบว่าคนกรุงเทพฯ 48.04 % ระบุว่า ยังไม่ตัดสินใจ ขณะที่ 23.82% ระบุว่า จะเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย รองลงมา 19.16% จะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครจากพรรค ประชาธิปัตย์ ขณะที่ 5.12% จะเลือก พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส โดย 1.13% จะเลือก นายสุหฤท สยามวาลา , 0.20% จะเลือกนายโฆษิต สุวินิจจิต
เมื่อวิเคราะห์จำแนกตามพื้นที่ของกรุงเทพฯ พบว่า พล.ต.อ.พงศพัศ มีคะแนน ความนิยมนำผู้สมัครคนอื่นๆ ในเขตกทม.กลาง 25.93%, กทม.เหนือ 27.94 % และกทม.ฝั่งธนบุรีใต้ 26.26 %
ส่วน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีคะแนนความนิยมนำผู้สมัครคน อื่นๆ ในเขต กทม.ใต้ 25.64 % ,กทม.ตะวันออก 21.08 % และกทม.ฝั่งธนบุรีเหนือ 23.94 %
นายธนพันธ์ ไล่ประกอบทรัพย์ อาจารย์ประจำคณะรัฐประศาสนศาสตร์ นิด้า ได้ให้ทัศนะเกี่ยวกับผลการสำรวจในครั้งนี้ว่า จำนวนของผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครลดลง และคะแนนความนิยมของพล.ต.อ.พงศพัศ เพิ่มขึ้น เป็นผลจากการจัดการ ภายในของพรรคเพื่อไทยเริ่มชัดเจนมากขึ้น และสนับสนุนพล.ต.อ.พงศพัศ อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ถือว่าคะแนนไม่ตกมากนัก ซึ่งอาจมีสาเหตุ มาจากการประชาสัมพันธ์ยังไม่เพียงพอ และเป็นการบ้านสำหรับพรรคประชาธิปัตย์ ในการช่วยผู้สมัครหาเสียง
กำลังโหลดความคิดเห็น