xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” ถาม “ปึ้ง” เป็นโฆษกเขมรหรือไม่ อ้าง “เทือก” คุยนอกรอบแค่กรอบเจรจา

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร
หน.ปชป.หดหู่ “สุรพงษ์” รับลูกยืมปาก “ฮุน เซน” แถลงข่าว ซัดอยากโต้ตอบการเมืองมากกว่าปกป้องประเทศ อ้างที่กล่าวหา “สุเทพ” แค่เจรจานอกรอบ เพราะต้องทำตาม ม.190 แต่ส่อเสียเปรียบจึงแขวน “เอ็มโอยู 44” อีกทั้งที่ไปคุณหมิงแค่ประชุมนานาชาติ แนะแก้ปัญหาเรื่องอื่น ทั้งอินโดฯ แบนทุเรียน-กีดกันลำไยของไทย และแต่งตัวรับชิงเจ้าภาพเวิลด์เอ็กซ์โป 2020

วันนี้ (24 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงท่าทีของนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ที่เอาคำพูดของสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชามาแถลงข่าวว่า รัฐมนตรีหรือรัฐบาลชุดนี้รับลูกของฮุน เซน ถือเป็นเรื่องที่น่าหดหู่มากที่ รมว.ต่างประเทศของไทย อยู่ดีๆ มาทำหน้าที่เป็นโฆษกให้กับรัฐบาลซึ่งเป็นคู่พิพาทของเราในคดีเกี่ยวกับดินแดนในศาลโลก แล้วก็เป็นโฆษกให้กับรัฐบาลเขาในการโจมตีรัฐบาลไทย คือรัฐบาลที่แล้ว ซึ่งไม่น่าจะขาดสำนึกว่าหน้าที่ของตนเองคืออะไรขนาดนี้ เรื่องการเมืองภายในประเทศ แม้เราจะเห็นไม่ตรงกัน จะต่อสู้อะไรกันก็ว่ากันไป ซึ่งตนแม้จะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านก็ยังช่วยงานรัฐบาลนี้หลายเรื่อง ที่เป็นผลประโยชน์ของประเทศ แต่นี่กลับกลายเป็นว่า รัฐบาลมัวแต่ห่วงในเรื่องของประเด็นทางการเมือง อยากจะมีประเด็นในการที่จะมาโต้ตอบกล่าวหากันทางการเมือง มากกว่าสนใจงานสำคัญ ก็คือการปกป้องประโยชน์ของประเทศ

ที่สำคัญคือ แถลงการณ์ที่ว่านี้ก็ไม่ได้มีอะไรเลย มีอย่างเดียวคือ กัมพูชามีการลักไก่ ที่บอกว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์โดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ขณะนั้นไปพูดคุยกับเขากี่ครั้ง ซึ่งตนได้อธิบายหมดแล้วว่าเป็นการเจรจานอกรอบ เพื่อที่จะต้องมาดูว่าถ้าจะทำกรอบการเจรจาตามมาตรา 190 จะต้องทำอย่างไร นั่นคือ 2 ครั้งแรก แล้วพอต่อมาเราแขวนเอ็มโอยู ปี 2544 ก็ไม่มีการดำเนินการเรื่องนี้อีก ที่ไปใส่วันที่หลังจากที่แขวนเอ็มโอยู ปี 2544 ที่อ้างว่า นายสุเทพไปคุนหมิงนั้น นายสุเทพไปงานอื่น เป็นงานการประชุมนานาชาติที่จีนจัด เข้าใจว่าทางกัมพูชาก็มีคนไป แต่ไม่มีการพูดคุยกันเรื่องนี้ ซึ่งชัดเจนในข้อเท็จจริง พวกตนไม่ได้มีผลประโยชน์อะไรอยู่แล้ว แต่ รมว.ต่างประเทศมากกว่าที่ต้องตอบว่า ตกลงรัฐบาลนี้โดยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐมนตรี หรือผู้ที่เกี่ยวข้องคนอื่นๆ ไปเจรจาเรื่องนี้หรือไม่ ตอบมาให้ชัดเจน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร สมเด็จฯ ฮุน เซน มีผลประโยชน์ทางธุรกิจพลังงานหรือไม่ เพราะยืนยันว่าพวกตนไม่มีแน่นอน

“ที่สำคัญคือ คิดได้อย่างไรในขณะนี้ที่มาขยายความในข้อแถลงของกัมพูชา ในขณะที่เวลาเขาแถลงแล้วกระทบกับประเทศไทย เช่น กล่าวหาว่าประเทศไทยไปรุกรานอธิปไตยแต่กลับไม่ตอบโต้ แต่เวลาเขาด่ารัฐบาลไทย กลับเอามาขยายความ ก็เลยไม่รู้ว่าตกลงเป็นโฆษกรัฐบาลกัมพูชา หรือเป็น รมว.การต่างประเทศของไทย แล้วอย่างนี้จะให้คนมั่นใจได้ยังไงว่า ไปต่อสู้กับกัมพูชาในศาลแล้วจะอยู่ข้างไหน” นายอภิสิทธิ์กล่าว

เมื่อถามว่า การที่นายสุรพงษ์ให้เจ้าหน้าที่สถานทูตไทยในกรุงพนมเปญ ถอดเทปคำพูดของนายกฯ ฮุน เซน แล้วนำมาแจกนักข่าว โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งเหมือนบอกว่านายอภิสิทธิ์มอบให้นายสุเทพไปเจรจาลับในเรื่องมีผลประโยชน์เหมือนกัน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อตนมารับตำแหน่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องหนึ่งที่ทำค้างอยู่ แต่เราต้องทำตามมาตรา 190 ของรัฐธรรมนูญ ฉะนั้นเจรจาเป็นทางการไม่ได้ ก็ให้ไปคุยกันนอกรอบว่ากรอบการเจรจามันควรจะเป็นอย่างไร เจรจาที่ผ่านมาถึงไหน ต่อมาเราเห็นว่าเสียเปรียบ จึงได้แขวนเอ็มโอยู ปี 2544 เรื่องก็หยุดแค่นั่นกรณีที่นายสุเทพไปคุนหมิงนั้น เป็นงานอื่นที่ไม่เกี่ยว แต่มันไม่ได้เหมือนกับที่วิกิลีกส์เขียนว่ากรณี พ.ต.ท.ทักษิณนั้นมีผลประโยชน์อย่างไร และตัว พ.ต.ท.ทักษิณเป็นผู้พูดเองว่าตัวเองทำธุรกิจด้านพลังงาน สนใจทำธุรกิจด้านนี้ มันต่างกันโดยสิ้นเชิง ถ้าตนจะไปเจรจาเรื่องนี้มันก็แปลก แต่ถ้าเป็นผู้เจรจา ก็จะเจรจาให้ประเทศไทยได้ประโยชน์ เพราะไม่ได้คำนึงถึงว่าบริษัทที่มาทำธุรกิจจะได้ประโยชน์อะไร อย่างไร นี่คือความแตกต่างระหว่างตนและ พ.ต.ท.ทักษิณ และต่างกับสมเด็จฯ ฮุน เซน แล้วก็คงจะต่างจากคนในรัฐบาลนี้ด้วย

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ตนแนะนำให้นายสุรพงษ์เอาเวลาไปแก้ปัญหาเรื่องอื่น เช่น ขณะนี้อินโดนีเซียเพิ่งออกประกาศห้ามไทยส่งออกทุเรียนไปที่อินโดนีเซียแล้ว หรือกรณีลำไยของไทยที่ถูกอินโดนีเซียจำกัดโควตา ทั้งที่อินโดนีเซียเคยเป็นตลาดใหญ่ของไทย ทั้งที่นายสุรพงษ์เป็น ส.ส.จากภาคเหนืออย่างไร หรือการเสนอตัวเป็นเเจ้าภาพงานเวิลด์เอ็กซ์โป ปี 2020 ที่รัฐบาลที่แล้วเริ่มต้นไว้ ซึ่งสัปดาห์หน้ากรรมการที่จะคัดเลือกว่าจะให้ประเทศใดจะได้เป็นเจ้าภาพ เขาจะเดินทางมาประเทศไทย นายสุรพงษ์ได้เตรียมหน่วยงานต่างๆ ดูแลเจรจาให้เกิดความประทับใจมากน้อยแค่ไหน ขอให้ไปทำหน้าที่ของตนเองดีกว่า เพราะคู่แข่งเรามีหลายชาติทั้งบราซิล รัสเซีย ดูไบ และตุรกี

“นอกเหนือจากการสู้คดีเขาพระวิหาร ที่จะต้องไปทำอย่างจริงจัง แล้วไม่ใช่กลายเป็นว่ากัมพูชาพูดอะไรไปเออออห่อหมกกับเขาหมด แม้กระทั่งเขาบอกว่าดินแดนของเราเป็นของเขาก็ยังไปเออออกับเขา แล้วจะไปชนะคดีได้อย่างไร ขอให้ไปตั้งหลักเสียใหม่” นายอภิสิทธิ์กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น