xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” โต้ 6 ข้อ “นพดล” แลกคืน 2 ล้านไปสำนึกตัว เชื่อนิติราษฎร์ชงสุดท้าย “แม้ว” รอด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
หน.ประชาธิปัตย์ โอ่ตอบได้หมด 6 ข้อพระวิหาร “นพดล” ท้า แต่ไม่ต้องให้ 2 ล้าน ขอแลกกลับไปสำนึกตัว ยันจ้อมาไม่เกี่ยวกับปัญหาในปัจจุบัน ชี้เผาซีซีทีวียะลาสถานการณ์ยังน่าห่วง สวนนิติราษฎร์ยันนิรโทษฯ พวกติดอาวุธคงไม่ใช่ ย้อนกลับ “วรเจตน์” ถ้าคนชกอ้างแรงจูงใจการเมืองแล้วไม่มีความผิดก็เป็นไปไม่ได้ เชื่อสุดท้ายพ่วง “นช.แม้ว” รอด ระบุถ้าศาลตัดสินแล้วตัวเองบอกไม่ผิดปัญหาก็ไม่จบ

วันนี้ (15 ม.ค.) ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ ออกมาตั้งรางวัลเงินสด 2 ล้านบาทเพื่อพิสูจน์ความจริง 6 ข้อปมปราสาทพระวิหารว่า ตนตอบได้หมดทุกข้อ แต่ไม่อยากได้เงิน ซึ่งความจริงประเด็นไม่ได้อยู่ที่ 6 ข้อนี้ เพราะทุกข้อไม่ได้เกี่ยวกับปัญหาการที่มีในปัจจุบัน เพราะที่มาที่ไปที่แท้จริงก็คือตัวนายนพดล เองที่ไปเซ็นในแถลงการณ์ร่วมที่ทำให้ไทยสุ่มเสี่ยงต่อการเสียประโยชน์ การที่นายนพดลพยายามพูดว่ารัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อปี 2543 ไปยอมรับแผนที่ซึ่งทางกัมพูชาใช้ และส่งผลให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศเอาไปใช้ในการตัดสินนั้น แสดงว่านายนพดลไม่ได้อ่านคำพิพากษาของศาลฯ เลย เพราะศาลฯ ไม่ได้พูดถึงเรื่องแผนที่ ซึ่งในขณะนั้นนายนพดลก็เป็นเลขานุการของ รมว.ต่างประเทศ แต่กลับไม่ได้อ่านคำพิพากษา หรือนายนพดลอ่านภาษาอังกฤษตก ส่วนเรื่อง ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ที่ถูกกัมพูชาจับกุมตัวพร้อมคนไทยอีก 6 คนที่นายนพดลเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการปะทะ ซึ่งตนมองว่าเรื่องที่เป็นสาเหตุของการปะทะกันเพราะทางกัมพูชาหงุดหงิดที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ไม่เหมือนรัฐบาลพลังประชาชน ที่ไม่ได้ต่อสู้อะไรเลย

“เงินไม่ต้องให้ผม แต่ขอแลกให้นายนพดลไปสำนึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำสร้างความเสียหายนี้จะช่วยแก้ไขกันอย่างไร เพราะปัญหาคือ นายนพดลสนใจแต่เรื่องการเมือง แทนที่จะสนใจว่ามีหน้าที่ในการที่จะปกป้องอธิปไตย ไปต่อสู้ให้สามารถที่จะชนะคดี หรือทำให้เกิดการยอมรับในแนวทางแก้ปัญหาที่จะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายไม่เสียผลประโยชน์ แล้วก็สามารถที่จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสันติ แต่กลับเอาเรื่องของการเมืองภายในประเทศมาเล่นอยู่ตลอดเวลา” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว

ส่วนการเรียกร้องให้ประเทศไทยลาออกจากการเป็นภาคีมรดกโลกนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เราควรมีอยู่ที่จุดที่ว่า ควรที่จะปล่อยให้ทางไทยกับกัมพูชา โดยการดำเนินการ 2 ฝ่ายเพื่อทำให้เกิดความชัดเจนในเรื่องของเขตแดน ก่อนที่จะไปดำเนินการอะไรเพิ่มเติม เกี่ยวกับเรื่องของการบริหารจัดการพื้นที่ ซึ่งตนคิดว่าเราจะต้องใช้เวลาในการอธิบายให้กับประเทศต่างๆ ที่เป็นภาคีอยู่ในมรดกโลกเข้าใจจุดยืนตรงนี้ แต่ว่าถ้าหากว่าเขาไม่ฟังเสียงและเดินหน้าต่อ ก็ค่อยเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มีการเผากล้อง CCTV ในจังหวัดยะลาว่า บ่งบอกว่ายังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะก่อนหน้านี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรีได้เดินทางไปมาเลเซีย เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาความไม่สงบ และมีความน่าห่วงในเรื่องการทำเป็นขบวนการ เหมือนที่ก่อนหน้านี้มีเหตุการณ์ติดธงชาติมาเลเซียหลายจุด ซึ่งตนอยากตั้งคำถามว่า พื้นที่ดังกล่าวเหตุใดจึงไม่สามารถที่จะมีใครมีเบาะแส หรือสามารถที่จะจับกุมผู้กระทำผิดได้ ซึ่งเป็นสัญญาณที่น่าเป็นห่วง จึงอยากให้ภาครัฐควรจะเร่งดูแลความปลอดภัย และเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ส่วนการประชุมนานาชาติทางวิชาการครั้งที่ 2 ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีนั้น ตนเห็นว่าจะทำให้ต่างชาติที่ได้เข้ามาสัมผัสจะมีทัศนคติ ความเข้าใจที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ดีขึ้น รวมทั้งจุดยืนของคนไทยในเรื่องดังกล่าว เพราะว่าบางครั้งอาจจะเห็นแต่ข่าวที่เป็นสถานการณ์ด้านลบ ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นส่วนช่วยในการทำให้ มีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาทั้งปัจจัยภายนอกและในประเทศ รวมทั้งในพื้นที่เอง

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงกรณีที่คณะนิติราษฎร์มีข้อเสนอให้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญว่าด้วยการนิรโทษกรรม และการขจัดความขัดแย้งนั้นว่า ดูเหมือนยังมีปัญหาเรื่องของกระบวนการยุติธรรมอยู่ ในแง่ที่ดูเหมือนว่าข้อเสนอพยายามที่จะปฏิเสธกระบวนการที่มีอยู่ในปัจจุบัน แล้วก็พยายามที่จะหาเงื่อนไข ข้อยกเว้น ซึ่งก็อาจจะฟังดูดี แต่ทุกอย่างก็ต้องมีขอบเขต เพราะกรณีที่คิดว่าจะมีการนิรโทษกรรมหรือไม่นั้น ถ้าพิจารณาจากสิ่งที่ถือว่าเป็นความผิดทางการเมืองโดยแท้ เช่น หากมีการแสดงออกจุดยืนทางการเมืองใช้สิทธิ์โดยสงบปราศจากอาวุธ ในช่วงที่ประกาศสภาวะฉุกเฉินก็ไม่เป็นไร แต่หากถึงขั้นฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ โดยมีการใช้อาวุธ มีการยุยงให้ใช้ความรุนแรง แล้วจะมาบอกว่ามีแรงจูงใจทางการเมืองโดยไม่มีกระบวนการยุติธรรมรองรับก็ไม่ใช่ และตนอยากถามว่าทำไมถึงไม่ปล่อยให้เรื่องเหล่านี้เข้าไปสู่กระบวนการยุติธรรมก่อน

“ความพยายามนี้ก็ไม่มีอะไรนอกจากพรรคพวกตัวเองทำอะไรก็บอกว่าไม่ผิด เป็นเรื่องเหตุจูงใจทางการเมือง ซึ่งจริงๆ กลุ่มนิติราษฎร์เองก็เคยเจอปัญหาความรุนแรง ก็ต้องดำเนินคดี จะไปบอกว่าคนที่มาชก มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง เขาไม่มีความผิด ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้เพราะทุกอย่างต้องมีขอบเขตของมัน ซึ่งผมคิดว่าทั้งหมดนี้ยังเป็นความพยายามที่วนเวียนกันไปวนเวียนกันมา แล้วสุดท้ายก็ต้องพ่วงเรื่องคุณทักษิณเข้าไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเชื่อว่าปัญหาความขัดแย้งขณะนี้คนที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่รัฐบาลพยายามจะทำกันอยู่ ในการเอาตัวบุคคลมาอยู่เหนือกฎหมาย แต่ว่าเมื่อมีคนยอมรับกฎหมาย ทุกอย่างก็คลายลง ซึ่งกระบวนการต่างๆ ที่มีอยู่ เช่น การขอพระราชทานอภัยโทษ ก็เกิดขึ้นได้อยู่แล้ว และเป็นหลักการที่ไม่มีใครโต้แย้ง แต่ถ้าพยายามจะบอกว่าศาลตัดสินแล้ว แต่ไม่ผิด อันนี้ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะจะทำให้สังคมเดินต่อไม่ได้ และวันข้างหน้าหากใครไม่พอใจคำตัดสินของศาล ก็ยืนยันว่าตัวเองไม่ผิด และจะทำให้ปัญหาความขัดแย้งไม่จบ ทั้งนี้การหาทางออกเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญของรัฐบาลนั้น ตนก็เสนอไปแล้วว่าควรถอนกฎหมายปรองดองออกไป ยุติรัฐธรรมนูญที่ค้างอยู่ในสภา แล้วมาปรึกษากันว่าตรงไหนที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันไม่มีข้อขัดแย้ง แล้วก็ทำร่วมกัน ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ถ้ามีประเด็นที่ทุกพรรคการเมืองทุกฝ่ายเห็นว่าควรจะแก้ไขเพื่อให้เป็นประชาธิปไตย เพื่อให้การทำงานขององค์กรต่างๆ ทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็ว่ากัน แต่เรื่องที่เป็นผลประโยชน์ของตัวบุคคลก็ยกเลิกไป
กำลังโหลดความคิดเห็น