“เฉลิม” ยันดีเอสไอทำงานตรงไปตรงมา เปล่ากลั่นแกล้ง “เทพเทือก” ชี้ประมูลสร้างโรงพัก 369 แห่งยุค ปชป.เป็นรัฐบาลเข้าข่าย พ.ร.บ.ฮั้วประมูล
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตรียมดำเนินคดีทุจริตโครงการสถานีตำรวจทดแทนว่า จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องสร้างสถานีตำรวจทดแทนโดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ตนได้สั่งตรวจสอบ โดยยึดหลักข้อเท็จจริงปรากฏว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการขออนุมัติสร้างโรงพักจำนวน 369 แห่งโดยแบ่งเป็น 9 ภาคการปกครองของตำรวจ ซึ่งต่อมาได้มีฝ่ายการเมืองเข้ามาเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงการทำสัญญาในบริษัทเดียวกัน ซึ่งเข้าข่ายเป็น พ.ร.บ.ฮั้วประมูล ตนจึงสั่งให้ดำเนินการ โดยเคร่งครัดอย่าแกล้ง เมื่อดีเอสไอทำงานอย่างตรงไปตรงมาใครจะฟ้องร้องอย่างไรรัฐบาลต้องให้ความเป็นธรรมและให้ความช่วยเหลือตามหลักกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีรายชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี เกี่ยวข้องด้วย ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า สมัยนั้นนายสุเทพเป็นผู้รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ตนสั่งดีเอสไอให้สืบสวนอย่างตรงไปตรงมา และต้องแสดงให้ชัดไม่อย่างนั้นจะมองว่าตนแกล้งคนนั้นคนนี้ จริงๆ แกล้งไม่ได้ ถ้าไม่ผิดจะแกล้งได้ยังไง ต้องมีข้อเท็จจริงข้อกฎหมายถึงจะดำเนินการได้ และปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีมาก ซึ่งการทำสัญญาเดียวแล้วไปทำต่อเชื่อมสัญญาย่อยถือว่าสัญญาเป็นโมฆะสามารถยกเลิกสัญญาได้
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า รัฐบาลชุดที่แล้วเป็นผู้สร้างปัญหาและตนต้องมาแก้ปัญหา ส่วนจะหารายใหม่เข้ามารับเหมาจะต้องรีบดำเนินการยืนยันว่าตนไม่ได้มีเรื่องผลประโยชน์ ทำงานตรงไปตรงมา
ต่อข้อถามว่า มีผู้รับเหมาระบุว่าเป็นการทำให้เขาหมดเครดิต ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ไม่ได้ทำ แต่เขาไม่ได้มีเครดิต ไม่ใช่หมดเพราะตนหรือรัฐบาลชุดนี้ ไม่มีเครดิตจะไปทำอะไรได้ ทำอะไรกันไว้เยอะ ตนสั่งรื้อหมด สังคมจะได้รู้เสียทีว่าอะไรเป็นอะไร เมื่อถามต่อว่าทำไมถึงปล่อยเรื่องให้นาน ร.ต.อ.เฉิมกล่าวว่า ตอนนั้นฝ่ายการเมืองนั้นแรงตนยังไม่แน่น แต่ตนยึดหลักกฎหมาย กลัวติดคุกไม่ทำอะไรที่เสี่ยง อีกทั้งตนไม่ชอบคบพ่อค้าพาณิชย์