วานนี้(22ม.ค.56)นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เตรียมแจ้งข้อกล่าวหานายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในสมัยที่เป็นรองนายกรัฐมนตรี ในการฮั้วประมูลโครงการก่อสร้างโรงพักหรือสถานีตำรวจทั่วประเทศ ว่า ขอให้ถามรายละเอียดจากนายสุเทพ แต่ตนก็พยายามสอบถามจากคนที่ทำงานอยู่ ซึ่งกำลังรวบรวมข้อมูลอยู่ ทั้งนี้ตนไม่ทราบว่า เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับใครบ้าง เพราะต้องดูข้อหาก่อน แต่เชื่อว่า นายสุเทพ พร้อมชี้แจง อย่างไรก็ตามในสมัยที่ตนเป็นนายกฯ ไม่เคยรับทราบการฮั้วประมูลโครงการนี้เลย ยืนยันว่า คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช.) ที่ตนเป็นประธาน ในสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรี ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ แต่ตนกำลังดูที่มาที่ไปของโครงการทั้งหมดว่า เป็นอย่างไร เบื้องต้นคนที่ทำงานยืนยันว่าทำตามระเบียบ
เมื่อถามว่า พฤติกรรมที่ดีเอสไอ กล่าวหานายสุเทพ สั่งรวมโครงการมาประมูลที่ส่วนกลาง ทั้งที่ก่อนหน้าเคยมีคำสั่งให้แต่ละโรงพักกระจายการประมูล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฟังจากคนทำงาน ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหา หากดีเอสไอ ดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรม หรือกลั่นแกล้ง ก็ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่า ดีเอสไอคงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่างๆ ตามมากับพวกตนอีกหลายคดี
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ยื่นฟ้องคดีทุจริตโครงการสถานีตำรวจทดแทน ว่า จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องสร้างสถานีตำรวจทดแทนโดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ตนได้สั่งตรวจสอบโดยยึดหลักข้อเท็จจริงปรากฏว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการขออนุมัติสร้างโรงพักจำนวน 369 แห่งโดยแบ่งเป็น 9 ภาคการปกครองของตำรวจ ซึ่งต่อมาได้มีฝ่ายการเมืองเข้ามาเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงการทำสัญญาในบริษัทเดียวกัน ซึ่งเข้าข่ายเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ฮั้วประมูล ตนจึงสั่งให้ดำเนินการโดยเคร่งครัดอย่าแกล้ง เมื่อดีเอสไอทำงานอย่างตรงไปตรงมาใครจะฟ้องร้องอย่างไรรัฐบาลต้องให้ความเป็นธรรมและให้ความช่วยเหลือตามหลักกฎหมาย
เมื่อถามว่า มีรายชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฏร์ธานี ประชาธิปัตย์เกี่ยวข้องด้วย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สมัยนั้นนายสุเทพ เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ตนสั่งดีเอสไอให้สืบสวนอย่างตรงไปตรงมา และต้องแสดงให้ชัดไม่อย่างนั้นจะมองว่าตนแกล้งคนนั้นคนนี้ จริงๆแกล้งไม่ได้ถ้าไม่ผิดจะแกล้งได้ยังไง ต้องมีข้อเท็จจริงข้อกฎหมายถึงจะดำเนินการได้ และปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีมาก ซึ่งการทำสัญญาเดียวแล้วไปทำต่อเชื่อมสัญญาย่อยถือว่าสัญญาเป็นโมฆะสามารถยกเลิกสัญญาได้
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดที่แล้วเป็นผู้สร้างปัญหาและตนต้องมาแก้ปัญหา ส่วนจะหารายใหม่เข้ามารับเหมาจะต้องรีบดำเนินการยืนยันว่าตนไม่ได้มีเรื่องผลประโยชน์ ตนทำงานตรงไปตรงมา
เมื่อถามว่า มีผู้รับเหมาระบุว่า เป็นการทำให้เขาหมดเครดิต ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ได้ทำ แต่เขาไม่ได้มีเครดิต ไม่ใช้หมดเพราะตน หรือรัฐบาลชุดนี้ ไม่มีเครดิตจะไปทำอะไรได้ ทำอะไรกันไว้เยอะ ตนสั่งรื้อหมด สังคมจะได้รู้เสียทีว่าอะไรเป็นอะไร
ถามต่อว่า ทำไมถึงปล่อยเรื่องให้นาน ร.ต.อ.เฉิม กล่าวว่า ตอนนั้นฝ่ายการเมืองนั้นแรงตนยังไม่แน่น แต่ตนยึดหลักกฎหมาย กลัวติดคุกไม่ทำอะไรที่เสี่ยง อีกทั้งตนไม่ชอบคบพ่อค้าพาณิชย์
เมื่อถามว่า พฤติกรรมที่ดีเอสไอ กล่าวหานายสุเทพ สั่งรวมโครงการมาประมูลที่ส่วนกลาง ทั้งที่ก่อนหน้าเคยมีคำสั่งให้แต่ละโรงพักกระจายการประมูล นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฟังจากคนทำงาน ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหา หากดีเอสไอ ดำเนินการอย่างไม่เป็นธรรม หรือกลั่นแกล้ง ก็ต้องมีการดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งตนรู้อยู่แล้วว่า ดีเอสไอคงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาต่างๆ ตามมากับพวกตนอีกหลายคดี
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ)ยื่นฟ้องคดีทุจริตโครงการสถานีตำรวจทดแทน ว่า จากการอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องสร้างสถานีตำรวจทดแทนโดยนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ตนได้สั่งตรวจสอบโดยยึดหลักข้อเท็จจริงปรากฏว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีการขออนุมัติสร้างโรงพักจำนวน 369 แห่งโดยแบ่งเป็น 9 ภาคการปกครองของตำรวจ ซึ่งต่อมาได้มีฝ่ายการเมืองเข้ามาเสนอให้มีการเปลี่ยนแปลงการทำสัญญาในบริษัทเดียวกัน ซึ่งเข้าข่ายเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ฮั้วประมูล ตนจึงสั่งให้ดำเนินการโดยเคร่งครัดอย่าแกล้ง เมื่อดีเอสไอทำงานอย่างตรงไปตรงมาใครจะฟ้องร้องอย่างไรรัฐบาลต้องให้ความเป็นธรรมและให้ความช่วยเหลือตามหลักกฎหมาย
เมื่อถามว่า มีรายชื่อนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฏร์ธานี ประชาธิปัตย์เกี่ยวข้องด้วย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า สมัยนั้นนายสุเทพ เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะเกี่ยวข้องมากน้อยแค่ไหน ตนสั่งดีเอสไอให้สืบสวนอย่างตรงไปตรงมา และต้องแสดงให้ชัดไม่อย่างนั้นจะมองว่าตนแกล้งคนนั้นคนนี้ จริงๆแกล้งไม่ได้ถ้าไม่ผิดจะแกล้งได้ยังไง ต้องมีข้อเท็จจริงข้อกฎหมายถึงจะดำเนินการได้ และปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมีมาก ซึ่งการทำสัญญาเดียวแล้วไปทำต่อเชื่อมสัญญาย่อยถือว่าสัญญาเป็นโมฆะสามารถยกเลิกสัญญาได้
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดที่แล้วเป็นผู้สร้างปัญหาและตนต้องมาแก้ปัญหา ส่วนจะหารายใหม่เข้ามารับเหมาจะต้องรีบดำเนินการยืนยันว่าตนไม่ได้มีเรื่องผลประโยชน์ ตนทำงานตรงไปตรงมา
เมื่อถามว่า มีผู้รับเหมาระบุว่า เป็นการทำให้เขาหมดเครดิต ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ได้ทำ แต่เขาไม่ได้มีเครดิต ไม่ใช้หมดเพราะตน หรือรัฐบาลชุดนี้ ไม่มีเครดิตจะไปทำอะไรได้ ทำอะไรกันไว้เยอะ ตนสั่งรื้อหมด สังคมจะได้รู้เสียทีว่าอะไรเป็นอะไร
ถามต่อว่า ทำไมถึงปล่อยเรื่องให้นาน ร.ต.อ.เฉิม กล่าวว่า ตอนนั้นฝ่ายการเมืองนั้นแรงตนยังไม่แน่น แต่ตนยึดหลักกฎหมาย กลัวติดคุกไม่ทำอะไรที่เสี่ยง อีกทั้งตนไม่ชอบคบพ่อค้าพาณิชย์