ปลัด กต.แจงอนุสัญญาโตเกียว และการเป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลกไม่มีผลต่อสู้คดีปราสาทพระวิหาร ไม่หวั่นกลุ่มไชยวัฒน์ฟ้อง อ้างปล่อยให้เป็นเรื่องของกฎหมาย
วันนี้ (15 ม.ค.) นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า กรณีที่กลุ่มธรรมยาตรากอบกู้รักษาผืนแผ่นดินไทย เสนอให้ทางการไทยใช้อนุสัญญาโตเกียว ปี ค.ศ. 1941 (พ.ศ. 2484) เพื่อต่อสู้ประเด็นปราสาทพระวิหารนั้น ซึ่งอนุสัญญาโตเกียวถูกจัดทำขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และขณะนั้นไทยมีความขัดแย้งกับประเทศฝรั่งเศส ซึ่งญี่ปุ่นได้เป็นคนกลางเข้ามาไกล่เกลี่ย และรัฐบาลไทยสมัยนั้นได้ประกาศเข้ากับฝ่ายญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ไทยได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) จึงจำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของประเทศมหาอำนาจและฝรั่งเศสที่เป็นฝ่ายชนะสงคราม นำไปสู่ “ความตกลงระงับกรณีระหว่างไทยกับฝรั่งเศส” ซึ่งทำที่กรุงวอชิงตัน เมื่อ 17 พ.ย. 2489 หรือที่รู้จักในชื่อ “ความตกลงวอชิงตัน” มีผลให้อนุสัญญาดังกล่าวถูกยกเลิกไป กลับไปสู่สถานะเดิม โดยไทยต้องคืนดินแดน “อินโดจีน” ที่ได้มาทั้งหมดให้กับประเทศฝรั่งเศส
นายสีหศักดิ์กล่าวว่า ส่วนการประกาศถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกคณะกรรมการมรดกโลก “ดับเบิลยูเอชซี” ซึ่งเรื่องคณะกรรมการมรดกโลก คือ การขึ้นทะเบียนและดูแลสถานที่ซึ่งเป็นมรดกโลก ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวข้องกับปราสาทพระวิหาร
ส่วนข้อกังวลกรณีที่กัมพูชาจะเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ครั้งที่ 37 ระหว่างวันที่ 17-27 มิ.ย.นี้นั้นไม่มีอะไรที่น่าเป็นกังวล เพราะในชั้นนี้ไม่มีวาระใดที่เกี่ยวข้องกับปราสาทพระวิหาร และการที่จะบรรจุวาระเข้าสู่การประชุม เป็นเรื่องที่ต้องนำเข้าสู่การประชุมเตรียมการ ประกอบด้วยรองประธานทั้งหลายที่เป็นตัวแทนของภูมิภาคต่างๆ ซึ่งไทยมีฐานะเป็นรองประธานที่เป็นตัวแทนของภูมิภาคเอเชียด้วย
สำหรับกรณีที่กลุ่มคนไทยรักชาติรักษาแผ่นดิน นำโดยนายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ ได้เดินทางไปยื่นหนังสือฟ้องร้องกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีตนเป็นหนึ่งในรายชื่อด้วยนั้น กรณีให้ข้อมูลเท็จเรื่องปราสาทเขาพระวิหาร คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องทางกฎหมาย และตอนนี้ไม่ต้องการแสดงข้อคิดเห็น โดยต้องขอศึกษาประเด็นที่ฟ้องร้องอย่างละเอียด
“ยืนยันว่าในการปฏิบัติหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ เราปฏิบัติโดยสุจริต ทำงานเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติมาโดยตลอด เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของชาติโดยรวม กระทรวงการต่างประเทศจะทำเต็มที่เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของประเทศไทยในการสู้คดี บนพื้นฐานของหลักกฎหมาย และเรื่องนี้ไม่ควรเป็นประเด็นการเมืองภายใน เพราะเป็นสิ่งที่คนไทยทุกกลุ่มควรร่วมมือกันเพื่อประโยชน์ของประเทศ” นายสีหศักดิ์กล่าว