“ชวนนท์” เฉ่ง “นพดล” ใช้เงินฟาดหัว ทำลายสังคม สะท้อนจ้องขายชาติ โต้กลับ 6 ข้อรายประเด็น ระบุ “หม่อมเสนีย์” ต่อสู้เพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติ ไม่ทำท่าจะยอมแพ้เขมรเหมือนรัฐบาลชุดนี้ ส่วนที่กัมพูชาฟ้องศาลโลกในยุค “มาร์ค” เพราะ ปชป.ต่อสู้ไม่ให้นำปราสาทพระวิหารไปขึ้นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว ยัน MOU 43 ไม่ได้ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ส่วน “พนิช” บุกเขมรจนถูกจับเพราะมีสำนึกรักชาติ บอก ปชป.ไม่ต้องการเอาอธิปไตยไปแลกกับโลกอารยะ ลั่นไม่รับเงินสกปรก เหน็บไม่รู้มาจากถุงขนมตกที่ศาลหรือเปล่า
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงตอบโต้นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ออกมาท้าทายว่าจะให้เงิน 2 ล้านบาทกับผู้ที่สามารถจับโกหกนายนพดลได้ 6 ข้อเกี่ยวกับกรณีปราสาทเขาพระวิหารว่า เป็นการสะท้อนถึงทัศนคติที่ล้มเหลวบูชาเงินเป็นพระเจ้า เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีของเยาวชนแห่งชาติที่ไม่ควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง จึงไม่แปลกใจที่นายนพดลยินยอมลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชาจนสนับสนุนให้เขมรขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว เพราะถ้าคำนึงถึงประโยชน์ส่วนรวมย่อมไม่ลงนามในแถลงการณ์ดังกล่าว
นายชวนนท์กล่าวโต้แย้งนายนพดุลในทุกประเด็นว่า 1. กรณีที่ระบุว่า ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นหนึ่งในทีมทนายความต่อสู้กับกัมพูชาในปี 2505 กรณีปราสาทเขาพระวิหาร ซึ่งเป็นตัวอย่างของคนรักชาติต่อสู้เพื่อรักษาผลประโยชน์ชาติ แตกต่างจากรัฐบาลที่กำลังจะมีคดีความกับกัมพูชาอีกครั้ง ถ้าวิญญาณของ ม.ร.ว.เสนีย์ได้ยินคำพูดของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ และนายนพดล วิญญาณของท่านคงตายตาไม่หลับที่คนเหล่านี้ทำท่าจะไม่ต่อสู้ ยอมแพ้กัมพูชา
2. แม้กัมพูชาจะมีการยื่นเรื่องให้ศาลโลกตีความในยุครัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี แต่เพราะนายอภิสิทธิ์ต่อสู้รักษาสิทธิผลประโยชน์ไม่ให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกโดยสมบูรณ์แต่เพียงฝ่ายเดียวได้ ซึ่งเป็นผลงานของพรรคที่ต้องขอบคุณนายนพดลที่เตือนความจำให้ประชาชนเพราะเราต่อสู้จนกัมพูชาหมดทางที่จะเอาชนะจนต้องนำเรื่องขึ้นสู่ศาลโลก
3. กรณีเอ็มโอยู 43 ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ศาลโลกตัดสินยกตัวปราสาทเขาพระวิหารให้เป็นของกัมพูชาเป็นการกล่าวความเท็จ เพราะไทยไม่ได้สูญเสียปราสาทเขาพระวิหารเนื่องจากแผนที่ดังกล่าว แต่แพ้คดีความกับกัมพูชาเพราะกฎหมายปิดปากโดยมีรายละเอียดคำพิพากษาชัดเจนว่าได้เฉพาะตัวปราสาทพระวิหารไม่เกี่ยวกับพื้นที่รอบปราสาทพระวิหาร หรือความถูกผิดของตัวแผนที่ อีกทั้งในเอ็มโอยู 43 ก็ไม่ได้ยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 2 แสน ตามที่นายนพดลกล่าวอ้าง แต่เนื้อหาในเอ็มโอยูดังกล่าวระบุถึงแผนที่หลายฉบับซึ่งเป็นผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน แต่แผนที่ดังกล่าวศาลโลกพิจารณาแล้วเห็นว่าแผนที่ 1 ต่อ 2 แสนระวางดงรัก ไม่ใช่ผลงานของคณะกรรมการปักปันเขตแดนระหว่างสยามกับอินโดจีน เพราะทำเสร็จเมื่อคณะกรรมการดังกล่าวยกเลิกไปแล้ว ซึ่งมีการอธิบายในคำพิพากษาชัดเจน
4. การกล่าวอ้างว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคแรกที่ตั้งนายกษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ ที่กล่าวหา สมเด็จฮุนเซนเป็น กุ๊ย ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไร แต่เป็นการแต่งตั้งบุคคลที่จะเข้ามารักษาผลประโยชน์และผืนแผ่นดินไทย และจะไม่มีการแต่งตั้งคนขายชาติเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศอย่างแน่นอน
5. กรณีที่นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ ถูกจับนั้นเกิดจากกรณีที่นายพนิชและภาคประชาชนมีความรักชาติ จนเอาตัวเองไปเสี่ยงและเกิดความโชคร้ายกับนายวีระ สมความคิด และน.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ มาจนถึงทุกวันนี้ แต่เป็นพฤติกรรมที่นายนพดลไม่มีทางเข้าใจเพราะไม่เคยมีจิตสำนึกในการรักษาชาติ
บ้านเมือง
6. ส่วนที่กล่าวหาว่าพรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ถอนตัวจากการเป็นภาคีมรดกโลกทำให้ไทยออกจากโลกอารยะนั้น ยืนยันว่าหากไม่ถอนตัวแล้วทำให้ไทยเสียประโยชน์พรรคประชาธิปัตย์ไม่ยอมแลกกับประโยชน์จากการอยู่ในโลกอารยะทำให้ไทยเสียอธิปไตย จึงขอให้รอดูการประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่ไทยภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดนี้ไปยินยอมให้กัมพูชาเป็นเจ้าภาพแต่เพียงฝ่ายเดียวจะทำให้ไทยเสียหายอย่างไร
“ที่ออกมาพูดเรื่องนี้ไม่ได้ทำเพราะยากรวยหรือเพราะเงิน 2 ล้านบาทที่นายนพดลนำมาล่อ แต่ทำเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่รู้เป็นเงินก้อนเดียวกับถุงขนมที่เคยหล่นหน้าศาลหรือเปล่า ไม่รู้เอาไปเวียนเทียนทำอะไรบ้าง และพรรคก็สอนอย่ารับเงินสกปรกด้วย ขอให้นายนพดลเก็บไว้และแสดงออกให้มากว่าธาตุแท้ของแต่ละฝ่ายเป็นอย่างไร แต่ไม่สงวนสิทธิ์ถ้าใครจะไปรับเงินสองล้านจากนายนพดล”