xs
xsm
sm
md
lg

“นพดล” ป้องเขมรมีสิทธิ์เอาพระวิหารขึ้นมรดกโลก ยันคดีในศาลแค่ตีความคำตัดสินปี 05

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (แฟ้มภาพ)
อดีต รมว.กต.จวกโฆษก ปชป.ใส่ร้าย แต่ป้องแทนเพื่อนบ้าน อ้างปราสาทเป็นของกัมพูชาตามคำสั่งศาลโลกจึงมีสิทธิ์นำไปขึ้นทะเบียน โอ่คุณูปการแถลงการณ์ร่วมปี 51 ตัดพื้นที่ทับซ้อนออก แต่ไม่มีผลแล้วหลังศาลปกครองพิพากษาให้โมฆะ อ้อนผนึกกำลังสู้ ยันคดีแค่ตีความคำตัดสินปี 05 คนละเรื่องกับมรดกโลก ท้าเอามติ กก.มรดกโลกระบุขึ้นทะเบียนได้เพราะคำแถลงการณ์โชว์แลก 1 ล้านบริจาคเด็กปัญญาอ่อน

วันนี้ (6 ม.ค.) ที่ จ.นครราชสีมา นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตนรู้สึกสลดใจกับความพยายามของนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่บิดเบือนใส่ร้ายอย่างต่อเนื่องว่า เป็นเพราะตนไปทำคำแถลงการณ์ร่วมกับกัมพูชาจึงทำให้กัมพูชาได้สิทธิ์ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ซึ่งไม่เป็นความจริงเลย

“ปราสาทเป็นของกัมพูชามาตั้งแต่ 50 ปีที่แล้ว ตั้งแต่สมัย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ และเป็นอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามที่ศาลโลกตัดสิน เมื่อเขาเป็นเจ้าของปราสาท เขาจึงมีสิทธิ์นำไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก” นายนพดลกล่าว

นายนพดลกล่าวต่อว่า หากกัมพูชาต้องนำปราสาทพระวิหารไปขึ้นทะเบียนมรดกโลก ก็ไม่จำเป็นต้องมีคำแถลงการณ์ร่วม แต่ที่ต้องทำแถลงการณ์ร่วมเพราะในปี 2549 ก่อนที่พวกตนเข้ารับตำแหน่ง กัมพูชายื่นคำขอขึ้นทะเบียน 1. ตัวปราสาทพระวิหาร 2. พื้นที่ทับซ้อนเป็นมรดกโลก แต่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช และตน เป็นคนเจรจาให้กัมพูชาตัดพื้นที่ทับซ้อนออก และขึ้นทะเบียนได้เฉพาะตัวปราสาทเท่านั้น โดยกัมพูชายอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออก ตามที่ระบุในข้อ 9 ของมติคณะกรรมการมรดกโลกที่ประชุมที่ประเทศแคนนาดา ในวันที่ 7 ก.ค. 51

นายนพดลกล่าวอีกว่า อยากให้พรรคการเมืองและคนไทยทุกกลุ่มเลิกใช้ความเท็จและหันมาผนึกกำลังกันต่อสู้คดีที่อยู่ในศาลโลก น่าจะมีประโยชน์มากกว่ามาโทษกันไปมาและบิดเบือนใส่ร้ายเพื่อหวังผลการเมือง และคดีที่กำลังพิจารณาอยู่ในศาลโลกในขณะนี้เป็นการตีความคำตัดสินของศาลโลกเมื่อ 50 ปีที่แล้ว ไม่ใช่คดีใหม่ ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชามา 50 ปีแล้ว และคดีนี้เป็นคนละเรื่องกับการขึ้นทะเบียนมรดกโลกที่กัมพูชาดำเนินการไปตั้งแต่ปี 2551 แล้ว

อดีต รมว.ต่างประเทศกล่าวด้วยว่า กัมพูชาไม่สามารถนำคำแถลงการณ์ร่วมไปใช้ประกอบในการขึ้นทะเบียนปราสาทเป็นมรดกโลก เพราะประการแรก ศาลปกครองได้ตัดสินว่าคำแถลงการณ์ร่วมเป็นโมฆะและไร้ผล รวมทั้งห้ามนำไปอ้างอิงใดๆ และมีการรับรองและระบุชัดเจนในข้อ มติของคณะกรรมการมรดกโลกในวันที่ 7 ก.ค. 51 ข้อ 5 ว่าให้ตัดคำแถลงการณ์ร่วมออกจากการพิจารณาว่าจะขึ้นทะเบียนตัวปราสาทหรือไม่ ตามที่ศาลปกครองไทยตัดสิน และประการที่ 2 ไทยและกัมพูชาก็ยอมรับว่าคำแถลงการณ์ร่วมสิ้นผลแล้ว ตามหนังสือที่นายเตช บุนนาค รมว.ต่างประเทศในขณะนั้นได้แจ้งไปยังกัมพูชา ดังนั้น คำแถลงการณ์ร่วมจึงไม่มีผลใดๆ ต่อการขึ้นทะเบียนมรดกโลก และไม่เกี่ยวข้องกับคดีที่อยู่ในศาลโลกในปัจจุบัน

นายนพดลกล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนพูดเป็นความจริง และพิสูจน์ได้ด้วยเอกสารหลักฐาน เอกสารที่ตนนำมาอ้างเป็นของจริง เพราะตนไม่ชอบใช้เอกสารเท็จ และนายชวนนท์ก็เคยเป็นเลขาฯ นายกษิต ภิรมย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ และทำงานในกระทรวงการต่างประเทศหลายปี ตนจึงขอท้าให้นายชวนนท์นำมติคณะกรรการมรดกโลกที่ระบุว่ากัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลกได้เพราะคำแถลงการณ์ร่วมมาแสดง ตนจะบริจาคช่วยเด็กปัญญาอ่อน 1 ล้านบาท ถ้าไม่มีเอกสารมาพิสูจน์ก็ขอให้ยุติการพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นเสียที เพราะบ้านเมืองเสียเวลากับการใส่ร้ายป้ายสีกันด้วยความเท็จมามากแล้ว


กำลังโหลดความคิดเห็น