xs
xsm
sm
md
lg

“ติ๊งเหล่” เหวี่ยงใส่ “ชวนนท์” โวยถูกป้ายสี “พระวิหาร” อ้างรับช่วงตัดพื้นที่ที่ทับซ้อนสมัย คมช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ (ภาพจากแฟ้ม)
“นพดล” โต้โฆษก ปชป.อ้างถูกบิดเบือนข้อมูล แจงเขมรเอาพื้นที่เขาพระวิหารไปขึ้นทะเบียน รัฐบาล คมช.คัดค้าน พอมาสมัยสมัครถึงรับช่วงต่อ เจรจาขอตัดพื้นที่ทับซ้อนออก ลั่นเพื่อปกป้องดินแดน ประชดชีวิตทุ่มเงินอีกเป็น 2 ล้านช่วยเด็กปัญญาอ่อน หากเอามติยูเนสโกโชว์เขมรใช้แถลงการณ์ร่วม ร้องหยุดผสมเรื่องกับคำตัดสินศาลโลกปี 2505

วันนี้ (7 ม.ค.) นายนพดล ปัทมะ อดีต รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ตอบโต้นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ที่กล่าวหาว่าเป็นผู้ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา สนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว จนนำมาสู่ความสูญเสียของทั้งไทยและกัมพูชา โดยกล่าวว่า ตราบใดที่พรรคประชาธิปัตย์บิดเบือนข้อมูล ก็ต้องขอความเป็นธรรมสื่อเพื่อชี้แจงให้คนไทยได้ทราบ ตนแปลกใจว่าทำไมพรรคนี้ต้องโยนความผิดให้คนอื่น ศาลโลกก็ยังไม่ได้ตัดสิน ไม่รู้ว่าเราจะชนะหรือแพ้ นี่ถ้าชนะพวกนี้คงโอ้อวดไปทั่วว่าเห็นไหมพวกตนบริหารประเทศและทะเลาะกับเพื่อนบ้านจนกัมพูชาไปยื่นตีความที่ศาลโลก แต่ถ้าผลออกมาอีกแบบ ตนคาดว่าจะมีนักการเมืองกลุ่มหนึ่งถล่มรัฐบาล และโทษทุกคนนอกจากตนเอง

“ผมถามว่าในขณะนี้พวกคุณต้องการป้ายสีคนอื่นเพื่ออะไร ทำไมไม่พูดความจริงกับประชาชน คดีที่อยู่ในศาลโลกขณะนี้ เป็นคดียื่นตีความคำตัดสินศาลโลกเมื่อ 50 ปีที่แล้ว และตัวปราสาทพระวิหารตกเป็นของกัมพูชาตามคำตัดสินศาลโลกเมื่อ 50 ปีที่แล้ว พรรคประชาธิปัตย์น่าจะรู้ดี เพราะอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ก็อยู่ในทีมทนายที่ว่าความในเรื่องนี้” นายนพดลกล่าว

นายนพดลอธิบายว่า ปัญหามันเกิดเพราะกัมพูชาเขาเอาตัวปราสาทพระวิหาร และพื้นที่ภูเขาพระวิหารทั้งหมดไปขึ้นทะเบียนมรดกโลกในปี 2549 รัฐบาล คมช.จึงคัดค้าน และพอรัฐบาลสมัครชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาล จึงต้องรับเรื่องต่อจากรัฐบาล คมช. และต้องเจรจาขอตัดพื้นที่ทับซ้อนออกเพราะไทยถือว่าเป็นของเรา และกัมพูชายอมตัดพื้นที่ทับซ้อนออกมา และขอขึ้นทะเบียนเฉพาะตัวปราสาทที่เป็นของเขาตามศาลโลกตัดสิน ตามที่ระบุในข้อ 9 ของมติคณะกรรมการมรดกโลก 7 ก.ค. 2551 เรื่องการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร การเจรจาตัดพื้นที่ทับซ้อนออกได้ระบุไว้ในคำแถลงการณ์ร่วม จะเห็นว่าคำแถลงการณ์ร่วมเป็นการปกป้องดินแดนพื้นที่ทับซ้อนและเพื่อนข้าราชการทหาร ข้าราชการกระทรวงต่างประเทศ และสภาความมั่นคงร่วมเห็นชอบกับแนวทางนี้

ส่วนที่นายชวนนท์ระบุว่าแม้ศาลไทยสั่งให้คำแถลงการณ์ร่วมเป็นโมฆะ แต่กัมพูชาก็ขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารได้อยู่ดีนั้น นายนพดลกล่าวว่า ความจริงคือเมื่อตัวปราสาทเป็นของกัมพูชาเขาจึงสามารถขึ้นทะเบียนได้ โดยไม่ต้องอาศัยคำแถลงการณ์ร่วมเลย และเขายื่นเรื่องในปี 2549 ก่อนพวกตนเข้ารับตำแหน่ง และมติคณะกรรมการมรดกโลก 7 ก.ค. 2551 ข้อ 5 ก็ระบุไว้ชัดเจนว่าห้ามไม่ให้นำคำแถลงการณ์ร่วมเข้าสู่การพิจารณาและให้ตัดออก ตามคำสั่งของศาลปกครอง นี่คือหลักฐานและข้อมติที่ชัดเจน นายชวนนท์น่าจะหามาอ่านจะได้เข้าใจ แต่จงใจไม่พูดถึง และออกมาแถลงข่าวบิดเบือนทำลายกันโดยไม่มีเอกสารอ้างอิง

“นายชวนนท์ไม่ต้องประดิษฐ์วาทกรรมเรื่องให้ใครไปล้างบาป อีกไม่นานทุกคนจะรู้ว่าใครก่อบาปไว้ ผมมีความจริงและเอกสารทุกชิ้น ผมขอท้าและเพิ่มเงินอีกเป็น 2 ล้านบาทช่วยคนปัญญาอ่อน ถ้าพรรคประชาธิปัตย์มีมติคณะกรรมการมรดกโลกที่ระบุว่าคำแถลงการณ์ร่วมทำให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนตัวปราสาทพระวิหารได้ และผมขอเรียกร้องให้พรรคประชาธิปัตย์หยุดนำเรื่องการขึ้นทะเบียนตัวปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกในปี 2551 มาโยงกับคดีที่กัมพูชายื่นตีความคำตัดสินของศาลโลกในปี 2505 เพราะมันคนละเรื่อง คนละเวทีกัน” นายนพดลกล่าว



กำลังโหลดความคิดเห็น