นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศกล่าวถึงกรณีการต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารที่ศาลโลกเปิดให้ไทยและกัมพูชาชี้แจงด้วยวาจารอบสุดท้ายในวันที่ 15-19 เม.ย. ก่อนจะมีการตัดสินคดีในช่วงกลางปีนี้ว่า การเดินทางไปชี้แจงด้วยวาจารอบสุดท้ายต่อองค์คณะศาลโลกตนจะเดินทางไปด้วยตนเอง อยากไปดูหน้านายฮอร์นัม ฮง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศกัมพูชาในฐานะหัวหน้าคณะต่อสู้คดีฝ่ายกัมพูชาให้เสียสมาธิและมั่นใจว่าโอกาสชนะมีมากแต่ก็ต้องเผื่อใจไว้ด้วย
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่าไม่ควรนำประเด็นนี้มาหาผลประโยชน์ทางการเมือง ชุมนุมขับไล่รัฐบาลอย่างที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และตนพยายามขอให้สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาถอนฟ้องแล้ว แต่ไม่สำเร็จเพราะต้องแยกเรื่องความสัมพันธ์ทางการเมืองกับเรื่องส่วนตัว ทั้งนี้ไทยอยู่ภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติต้องเคารพคำสั่งศาลโลก ขออย่าให้คนไทยใช้อารมณ์เพราะเกรงว่าจะถูกโดนคว่ำบาตรจากสหประชาชาติ ส่วนการทำประชามติหาข้อสรุปเรื่องนี้เป็นเรื่องยากแต่ต้องให้ความรู้ประชาชนสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องเป็นทางออกที่ดีที่สุด นอกจากนี้ตนเตรียมฟ้องผู้ที่กล่าวหาว่าตนแลกเปลี่ยนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อล้มคดีปราสาทพระวิหาร ขอยืนยันไม่เคยเจรจาเรื่องดังกล่าวเลย
ที่พรรคเพื่อไทยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีพรรคประชาธิปัตย์โจมตีรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชากรณีปราสาทพระวิหารว่าแกนนำพรรคมีความเป็นห่วงถึงกรณีการนำประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนมาโจมตีพรรคและรัฐบาล ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชา นอกจากสัมพันธไมตรีเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ไม่อยากให้สังคมจุดประเด็นกรณีศาลโลกจะมีคำตัดสินเรื่องปราสาทพระวิหารเพราะไม่เป็นผลดีขอให้ใช้หลักกฎหมายและการเจรจาควบคู่กันไป ที่ผ่านมา เราแพ้มาตั้งแต่ปี 2505 ไม่สามารถแก้ไขได้อยู่แล้ว หากสุดท้ายแล้วศาลโลกมีมติให้คงพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นพื้นที่ทับซ้อนต่อไปพรรคประชาธิปัตย์จะชื่นชมรัฐบาลหรือไม่ วันนี้ควรไปถามหาความรับผิดชอบจากพรรคประชาธิปัตย์ว่าสมัยเป็นรัฐบาลทำอะไรไปบ้าง และกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องไปถามหาความรับผิดชอบจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ รัฐมนตรีหลายคนก็กังวลเรื่องนี้ รัฐบาลจะพิจารณาอย่างรอบคอบ
นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยื่นข้อเสนอรัฐบาลไม่ยอมรับอำนาจการตัดสินของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหารว่า ไม่ฉลาดที่จะพูด เท่ากับว่าเราแสดงอาการไม่ยอมรับกติกาโลกประกาศตัวเป็นผู้ร้ายทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย ที่ผ่านมาตั้งแต่กัมพูชายื่นเรื่องให้ไอซีเจตีความตั้งแต่แรก รัฐบาลสมัยพรรคประชาธิปัตย์ก็รับลูก ตั้งทีมกฎหมายสู้คดี ดังนั้นเมื่อศาลมีความเห็นอย่างไรออกมาก็ต้องยอมรับกติกา ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตรัฐบาลอาจมีการสมยอมกับกัมพูชาเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้น ขณะนี้ไอซีเจยังไม่ได้เริ่มพิจารณาหลักฐานอะไร จะไปสรุปได้อย่างไรว่ามีการซูเอี๋ยกัน การพูดดังกล่าวเป็นการใส่ร้ายไม่มีเหตุผล
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยอ้างคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญทำให้แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นโมฆะว่า การชี้แจงของนายนพดลทำให้สับสนและเป็นการยอมรับว่าแถลงการณ์ร่วมผิดกฎหมายส่งผลให้กัมพูชาได้ประโยชน์ ยืนยันว่าจุดเริ่มต้นเรื่องนี้เกิดจากนายนพดลลงนามแถลงการณ์ร่วมและกัมพูชาก็ใช้แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้เป็นเอกสารประกอบการขอจดทะเบียนมรดกโลก ซึ่งตนมีหลักฐานชัดเจนและยืนยันว่าไม่มีการบิดเบือน จึงขอเรียกร้องให้นายนพดลอย่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะจะสร้างความสับสนกับประชาชนและอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับข้อเท็จจริงร่วมแก้ไขปัญหาเนื่องจากกำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ในปีนี้ การที่ประเทศไทยจงใจให้กัมพูชาจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายเดียว จะทำให้กัมพูชามีสิทธิจัดระเบียบวาระการประชุมและล็อบบี้กรรมการชาติอื่นๆ ถ้ากัมพูชาเป็นเจ้าของมรดกโลกโดยสมบูรณ์พร้อมแผนบริหารจัดการ ศาลโลกจะตัดสินเป็นอย่างอื่นได้ยาก
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่าไม่ควรนำประเด็นนี้มาหาผลประโยชน์ทางการเมือง ชุมนุมขับไล่รัฐบาลอย่างที่เคยทำสำเร็จมาแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และตนพยายามขอให้สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาถอนฟ้องแล้ว แต่ไม่สำเร็จเพราะต้องแยกเรื่องความสัมพันธ์ทางการเมืองกับเรื่องส่วนตัว ทั้งนี้ไทยอยู่ภายใต้กฎบัตรสหประชาชาติต้องเคารพคำสั่งศาลโลก ขออย่าให้คนไทยใช้อารมณ์เพราะเกรงว่าจะถูกโดนคว่ำบาตรจากสหประชาชาติ ส่วนการทำประชามติหาข้อสรุปเรื่องนี้เป็นเรื่องยากแต่ต้องให้ความรู้ประชาชนสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องเป็นทางออกที่ดีที่สุด นอกจากนี้ตนเตรียมฟ้องผู้ที่กล่าวหาว่าตนแลกเปลี่ยนพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อล้มคดีปราสาทพระวิหาร ขอยืนยันไม่เคยเจรจาเรื่องดังกล่าวเลย
ที่พรรคเพื่อไทยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีพรรคประชาธิปัตย์โจมตีรัฐบาลมีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชากรณีปราสาทพระวิหารว่าแกนนำพรรคมีความเป็นห่วงถึงกรณีการนำประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อนมาโจมตีพรรคและรัฐบาล ขอยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับกัมพูชา นอกจากสัมพันธไมตรีเพื่อรองรับการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ไม่อยากให้สังคมจุดประเด็นกรณีศาลโลกจะมีคำตัดสินเรื่องปราสาทพระวิหารเพราะไม่เป็นผลดีขอให้ใช้หลักกฎหมายและการเจรจาควบคู่กันไป ที่ผ่านมา เราแพ้มาตั้งแต่ปี 2505 ไม่สามารถแก้ไขได้อยู่แล้ว หากสุดท้ายแล้วศาลโลกมีมติให้คงพื้นที่ 4.6 ตร.กม.เป็นพื้นที่ทับซ้อนต่อไปพรรคประชาธิปัตย์จะชื่นชมรัฐบาลหรือไม่ วันนี้ควรไปถามหาความรับผิดชอบจากพรรคประชาธิปัตย์ว่าสมัยเป็นรัฐบาลทำอะไรไปบ้าง และกลุ่มพันธมิตรฯ ต้องไปถามหาความรับผิดชอบจากพรรคประชาธิปัตย์ด้วย ยืนยันว่ารัฐบาลไม่นิ่งนอนใจ รัฐมนตรีหลายคนก็กังวลเรื่องนี้ รัฐบาลจะพิจารณาอย่างรอบคอบ
นายสุนัย จุลพงศธร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทยในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎรกล่าวถึงกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยยื่นข้อเสนอรัฐบาลไม่ยอมรับอำนาจการตัดสินของศาลโลกในคดีปราสาทพระวิหารว่า ไม่ฉลาดที่จะพูด เท่ากับว่าเราแสดงอาการไม่ยอมรับกติกาโลกประกาศตัวเป็นผู้ร้ายทำให้ภาพลักษณ์ของประเทศเสียหาย ที่ผ่านมาตั้งแต่กัมพูชายื่นเรื่องให้ไอซีเจตีความตั้งแต่แรก รัฐบาลสมัยพรรคประชาธิปัตย์ก็รับลูก ตั้งทีมกฎหมายสู้คดี ดังนั้นเมื่อศาลมีความเห็นอย่างไรออกมาก็ต้องยอมรับกติกา ส่วนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ตั้งข้อสังเกตรัฐบาลอาจมีการสมยอมกับกัมพูชาเพื่อแลกเปลี่ยนกับผลประโยชน์ในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้น ขณะนี้ไอซีเจยังไม่ได้เริ่มพิจารณาหลักฐานอะไร จะไปสรุปได้อย่างไรว่ามีการซูเอี๋ยกัน การพูดดังกล่าวเป็นการใส่ร้ายไม่มีเหตุผล
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรมว.ต่างประเทศปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นจุดเริ่มต้นของการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยอ้างคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญทำให้แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นโมฆะว่า การชี้แจงของนายนพดลทำให้สับสนและเป็นการยอมรับว่าแถลงการณ์ร่วมผิดกฎหมายส่งผลให้กัมพูชาได้ประโยชน์ ยืนยันว่าจุดเริ่มต้นเรื่องนี้เกิดจากนายนพดลลงนามแถลงการณ์ร่วมและกัมพูชาก็ใช้แถลงการณ์ร่วมฉบับนี้เป็นเอกสารประกอบการขอจดทะเบียนมรดกโลก ซึ่งตนมีหลักฐานชัดเจนและยืนยันว่าไม่มีการบิดเบือน จึงขอเรียกร้องให้นายนพดลอย่ายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะจะสร้างความสับสนกับประชาชนและอยากให้ทุกฝ่ายยอมรับข้อเท็จจริงร่วมแก้ไขปัญหาเนื่องจากกำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ในปีนี้ การที่ประเทศไทยจงใจให้กัมพูชาจัดการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายเดียว จะทำให้กัมพูชามีสิทธิจัดระเบียบวาระการประชุมและล็อบบี้กรรมการชาติอื่นๆ ถ้ากัมพูชาเป็นเจ้าของมรดกโลกโดยสมบูรณ์พร้อมแผนบริหารจัดการ ศาลโลกจะตัดสินเป็นอย่างอื่นได้ยาก