“ปูกรรเชียง” วอนหยุดนำประเด็นพระวิหารเล่นการเมือง อ้างทุกประเทศรักษาผลประโยชน์ ถึงสนิทผู้นำกัมพูชาก็ต้องเดินตาม กม. แจงตั้ง “พงศ์เทพ-ปึ้ง” ดูแล ยันไม่อยากให้ตึงเตรียด โยน กต.ตั้งโฆษกแจง ปชช. พร้อมชงสภาหากมีวาระสำคัญ-ไม่ชัดแคนดิเดตผู้ว่าฯ พท.ชายหรือหญิง หลังกระแส “หญิงหน่อย” มาแรง คาดสัปดาห์นี้ชัดเจน
วันนี้ (7 ม.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการดูแลกลุ่มที่ออกมาพยายามนำปัญหาประสาทเขาพระวิหารมาปุกระดมว่า คงต้องขอร้องว่าการชุมนุมขอให้ทำโดยความสงบ และประเด็นเรื่องประสาทเขาพระวิหารต้องขอความกรุณาว่าเราอย่าพูดเป็นประเด็นทางการเมืองเลย เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญของประเทศ รัฐบาลยืนยันในการต่อสู้เพื่อปกป้องอธิปไตยอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า นายกฯ จะถือโอกาสคุยกับสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา โดยใช้ความสนิทสนมส่วนตัวหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า งานบางอย่างเราในความรู้จักกันส่วนตัวเราคุยได้ในลักษณะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ความส่วนตัวไม่มีอะไรที่จะมาลบล้างความสำคัญของผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นที่ตั้ง สิ่งสำคัญเรื่องต่างๆ ของประสาทเขาพระวิหารขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของคดีความ คงต้องว่าไปตามขั้นตอนของกฎหมายด้วย แต่เราเองได้ให้นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะมีความรู้ความเข้าใจเรื่องกฎหมายรับผิดชอบดูกรณีข้อพิพาทนี้ร่วมกับนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อถามว่า เห็นทางนายกฯ เคยคุยกับสมเด็จฯ ฮุน เซนแล้ว แต่ยังยืนยันที่จะดำเนินการฟ้องร้องในชั้นศาลต่อไป นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ต้องเรียกว่าทุกประเทศต้องปกป้องผลประโยชน์ประเทศชาติของตนเอง ดังนั้นทุกอย่างคงต้องว่าไปตามขั้นตอน แต่เราต้องทำในขั้นตอนของประเทศไทยให้ดีที่สุดและเราก็พยายามอาศัยความสัมพันธ์ทางการทูตให้การพิจารณาต่างๆ นั้นเป็นไปอย่างสงบไปมาก เราไม่อยากให้บรรยากาศแนวชายแดนมีบรรยากาศที่ตึงเตรียด ดังนั้นจึงขอร้องเราไม่อยากเห็นปัญหานี้ที่กำลังถกเถียงกันเป็นปัญหาการเมือง สิ่งที่เราต้องการคือทำอย่างไรร่วมกันรับฟังข้อคิดเห็นและสรรพกำลังที่จะต่อสู้แก้ไขและปกป้องอธิปไตยให้ดีที่สุด
เมื่อถามว่า มีโฆษกที่นายกฯ ต้องการให้ตั้งขึ้นมาชี้แจงทำความเข้าใจเรื่องนี้กับประชาชนจะเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์นี้หรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า อันนี้คงเป็นหน้าที่ของกระทรวงการต่างประเทศ ที่สามารถตั้งผู้ที่จะเป็นโฆษกอธิบายได้ ซึ่งวันนี้ทางกระทรวงการต่างประเทศและนายพงศ์เทพได้มีการประชุมหารือกันอย่างต่อเนื่องกับทีมที่ปรึกษาต่างประเทศอยู่แล้วและเมื่อมีวาระสำคัญที่จำเป็นต้องตัดสินใจคงต้องนำสู่ที่ประชุมรัฐสภา เพื่อให้สมาชิกรัฐสภารับทราบและได้ชี้แจงข้อคิดเห็นต่างๆ เพราะถือว่าเป็นวาระที่ทุกคนต้องร่วมกันคิด
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อถึงการเลือกผู้สมัครลงรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ ในส่วนของพรรคเพื่อไทย โดยล่าสุดยังมีชื่อของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตสมาชิกบ้านเลขที่ 111 ว่า คงต้องให้จบสุดท้ายตรงคณะกรรมการบริหารพรรคเป็นผู้สรุปอย่างเป็นทางการ ซึ่งวันนี้ต้องรอเรื่องของการประกาศก่อน และกระบวนการของพรรคถึงจะเริ่มสรุปผู้ที่พรรคจะส่งลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพฯ และคงจะมีการแจ้งแถลงข่าวอีกครั้งหนึ่ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตกลงจะเป็นหญิงหรือชายที่พรรคเพื่อไทยจะส่งลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ตอนนี้ต้องรอคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยก่อน หญิงหรือชายก็ได้ที่มีความสามารถและจริงๆ อยู่ในส่วนของคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะตัดสิน คงต้องรอก่อน ขออนุญาตว่าเรื่องนี้เป็นอำนาจของคณะกรรมการบริหารพรรคที่ต้องพิจารณาก่อน
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยยึดหลักเกณฑ์อะไรในการเลือกบุคคลลงผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การที่ประชาชนจะตัดสินใจในการเลือกผู้ว่าฯ กทม.มีหลักหลายประการ ทั้งเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัคร นโยบายของพรรค และวิธีการทำงานร่วมกันระหว่างพรรคและพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งตรงนี้คงมีหลายองค์ประกอบที่ต้องพิจารณาด้วยกัน ดังนั้นคุณสมบัติของผู้ที่จะลงสมัครอย่างน้อยต้องมีพื้นฐานความเข้าใจเรื่อง กทม.และมีเจตนารมณ์มุ่งมั่นที่จะลงไปทำงานให้เกิดการพัฒนาในทางที่ดีขึ้นของคน กทม.ซึ่งต้องความเข้าใจในหลายมิติ เมื่อถามว่า สัปดาห์นี้จะได้ข้อยุติหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า คาดว่าน่าจะชัดเจน เพราะใกล้เวลาเรื่องการเลือกตั้งแล้ว
