xs
xsm
sm
md
lg

“ปึ้ง” หนักใจ “พระวิหาร” ไม่แพ้ก็เสมอตัว โยนบาป “มาร์ค” โอดไม่อยากปลุกม็อบ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ต่างประเทศ (ภาพจากแฟ้ม)
รองนายกฯ-รมว.ต่างประเทศเปรยคดีปราสาทพระวิหาร ไทยไม่แพ้เสียดินแดน ได้พื้นที่รอบปราสาทก็เสมอตัว ลุ้นศาลโลกพิพากษา หลังนั่งบัลลังก์ชี้แจงครั้งสุดท้าย เม.ย.นี้ เตรียมกล่อมผู้ว่าฯ ชี้แจงโยนบาปรัฐบาล “อภิสิทธิ์” ทำเขมรปรี๊ดฟ้องศาลโลก โวไทยก้าวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน เขตแดนคงไม่มีความหมาย ห่วงคนไม่เข้าใจทำม็อบประทุ แนะควรอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข


วันนี้ (1 ม.ค.) นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมของทีมไทยต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารว่า เรื่องดังกล่าวต้องแบ่งเป็น 3 ส่วน คือ1.การปฎิบัติตามคำสั่งเรื่องมาตรการชั่วคราวของศาลโลก ซึ่งคณะตัวแทนคณะทำงานร่วมไทย-กัมพูชา (เจดับเบิลยูจี) ได้หารือกันครั้งที่ 3 ไปเมื่อวันที่ 17-19 ธ.ค.ที่ผ่านมา และได้ข้อสรุปคือ ให้สองฝ่ายพิสูจน์ทราบจุดเอ-บี-ซี-ดี ของพื้นที่เขตปลอดทหารชั่วคราว และร่วมกันเตรียมแผนการเก็บกู้ทุ่นระเบิดภายในไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2556 โดยจะเริ่มเก็บกู้ทุ่นระเบิดในไตรมาสแรกของปี 2556

2. เรื่องการยื่นขอให้ศาลโลกตีความคำพิพากษา ศาลกำหนดว่าจะนั่งบัลลังก์ฟังการชี้แจงด้วยวาจาครั้งสุดท้ายระหว่างวันที่ 15-19 เม.ย.นี้ โดยคาดว่าหลังจากนั้นจะใช้เวลาอย่างน้อย 6 เดือน จึงจะมีคำพิพากษา ขณะนี้ได้หารือทีมที่ปรึกษากฎหมายต่างประเทศและกลั่นกรองท่าทีเบื้องต้นที่ได้จากการหารือเพื่อเสนอเป็นท่าทีให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบก่อนที่จะไปชี้แจงต่อศาล นอกจากนี้ในเดือนกุมภาพันธ์ตนจะไปประชุมกับทีมทนาย โดยนายกรัฐมนตรีมีบัญชาให้นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะกำกับดูแลเรื่องกฎหมาย และผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายต่างๆ อาทิ คณะกรรมการกฤษฎีกาไปร่วมพูดคุยกับทีมทนายเพื่อรับฟังแนวทางชี้แจงในศาลครั้งสุดท้าย อย่างไรก็ดี ตนคงไม่เดินทางไปร่วมในการชี้แจงเดือนเมษายนนี้

3. กระทรวงการต่างประเทศจะเร่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องต่อสาธารณชนคนไทยเกี่ยวกับเรื่องปราสาทพระวิหารอย่างต่อเนื่องในปี 2556 โดยนอกจากการทำสารคดีและรายการต่างๆ แล้ว ยังได้หารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยว่า จะให้ผู้แทนกรมสนธิสัญญาและกฎหมายกระทรวงการต่างประเทศไปร่วมอธิบายประเด็นปราสาทพระวิหารให้ผู้ว่าราชการจังหวัดรับทราบ เพื่อจะได้นำไปถ่ายทอดต่อไป พร้อมกับทำเอกสารสรุปเพื่อแจกจ่ายประชาชนด้วย ซึ่งสิ่งที่เราเกรงกลัวมากที่สุดคือ หากศาลตัดสินไม่ถูกใจคนบางกลุ่มแล้วเกิดการชักจูงคนไปในทางที่ผิดจะส่งผลเสียอย่างยิ่ง เพราะคำตัดสินของศาลโลกทุกประเทศต้องยอมรับ การขัดขืนจะทำให้ไทยอยู่ในสังคมโลกลำบาก ดังนั้นต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนเกี่ยวกับความเป็นมาว่ารัฐบาลที่แล้ว (นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ) ทำอะไรจึงเป็นต้นเหตุให้กัมพูชาไปฟ้องศาลโลก

ทั้งนี้ ยอมรับว่าหนักใจในคดีดังกล่าว แต่คิดว่า รัฐบาลก็ทำดีที่สุดแล้ว องค์ประกอบในการสู้คดีใช้ทีมงานชุดเดิมตลอดมีการเปลี่ยนแปลงแค่ตัว รมว.ต่างประเทศเท่านั้น มองตั้งแต่ตอนมารับตำแหน่งแล้วว่า คดีนี้มีแต่แพ้กับเสมอตัวคือ ถ้าแพ้ก็เสีย แต่ถ้าอยู่แบบเดิมคือปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา ส่วนพื้นที่รอบปราสาทเป็นแบบเดียวกับปี 2505 ก็คือเสมอตัวเท่านั้น แต่คนที่อยู่ตามแนวชายแดนทั้งไทยและกัมพูชาต้องอยู่กันอย่างนี้ไปชั่วลูกชั่วหลาน ยิ่งในอนาคตที่เราก้าวสู่ประชาคมอาเซียนเหมือนประชาคมยุโรป เรื่องเขตแดนแทบจะไม่มีความหมาย และไม่อยากเห็นการปะทะตามแนวชายแดนเกิดขึ้น เพราะเราเป็นเพื่อนบ้านกันควรอยู่ร่วมกันด้วยสันติสุข ไม่อยากให้มีการแบ่งแยก อยากฝากไว้ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด ผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไรต้องยอมรับแต่หนักใจที่คนส่วนหนึ่งจะไม่เข้าใจเท่านั้นเอง

นอกจากนี้ นายสุรพงษ์ยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่องค์การบริหารการบินและอวกาศของสหรัฐอเมริกา (นาซา) อาจขอใช้ประเทศไทยเป็นฐานปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอีกครั้งว่า ทางนาซายังไม่ได้จัดสรรงบประมาณมาอีกหรือไม่ แต่รัฐบาลไทยมีความพร้อมแล้ว เพราะได้เปิดให้รัฐสภาอภิปรายทั่วไปและรับฟังคำชี้แจง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 เสร็จสิ้น ซึ่งตนคิดว่าไม่มีปัญหา แต่อาจต้องมีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนได้เข้าใจด้วยว่าไทยได้ประโยชน์อะไร เพราะเรื่องนี้ไม่ได้สร้างความเสียหายให้ไทย


กำลังโหลดความคิดเห็น