สุรินทร์- เครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย ฯ และ พันธมิตรฯ เมืองช้าง โหมรณรงค์เชิญชวนประชาชนชาวสุรินทร์ รวมพลังคัดค้านอำนาจศาลโลกคดีพิพาทปราสาทพระวิหาร เพื่อปกป้องแผ่นดินไทยเขาพระวิหารและแหล่งพลังงานของชาติ
วันนี้ ( 14 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง ถนนกรุงศรีนอก ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ได้มีกลุ่มเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทย (อีสานใต้-ตะวันออก)และพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จ.สุรินทร์ มาจัดปราศรัยย่อยพร้อมแจกใบปลิว เพื่อรณรงค์เชิญชวนให้ประชาชนชาวสุรินทร์ ร่วมคัดค้านอำนาจศาลโลก กรณีคดีตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ตามคำร้องของฝ่ายกัมพูชา
นายสนิท ปานทอง ผู้ประสานงานเครือข่ายรวมพลังปกป้องแผ่นดินอีสานใต้-ตะวันออก กล่าวว่า พวกเรามาในฐานะตัวแทนกลุ่มรวมพลังปกป้องแผ่นดินไทยเพื่อรณรงค์และคัดค้านอำนาจศาลโลก เราต้องการให้รัฐบาลถอนตัวจากศาลโลก ไม่ให้ไปเกี่ยวข้องในคดีพิพาทปราสาทพระวิหาร ซึ่งจะมีการพิจารณาครั้งสุดท้ายในเดือน เม.ย.และตัดสินคดีภายในปีนี้ เนื่องจากศาลโลกไม่ใช่ศาลสถิตยุติธรรม เป็นศาลการเมือง ทำให้ไทยเสียตัวปราสาทพระวิหารไปแล้วเมื่อปี 2505 ตอนนี้กัมพูชานำไปขึ้นเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียว และใช้พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) แผ่นดินของไทยรอบปราสาทพระวิหารในการบริหารจัดการมรดกโลกดังกล่าว
ทั้งนี้มีนักการเมืองไทยของเราไปร่วมขึ้นศาลโลก คือ ยอมรับแผนที่ มาตราส่วน 1 ต่อ 200,000 ซึ่งเป็นแผนที่เถื่อนของฝรั่งเศส ซึ่งปกติเราใช้ 1 ต่อ 50,000 และยึดสันปันน้ำในการแบ่งเขตแดนตามหลักสากล แต่ขณะนี้ชาวเขมรได้เข้ามายึดพื้นที่ไทยเราไปหลายจุดแล้วโดยเฉพาะบริเวณเขาพระวิหาร ได้รุกล้ำขึ้นมายึดบนสันปันน้ำทั้งหมดแล้ว และจะเข้ายึดครองแหล่งพลังงานมหาศาลในอ่าวไทยของประเทศไทยต่อไป
“เราขอคัดค้านอำนาจศาลโลก ไม่ให้รัฐบาลไปยอมรับในกระบวนการพิจารณาคดีปราสาทพระวิหาร ซึ่งมีนายทหารใหญ่บางนายออกมาพูดว่า ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม แน่นอนหากปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการศาลโลกเราเสียแผ่นดินอย่างแน่นอน เราจึงรณรงค์ให้พี่น้องประชาชนทุกภาคส่วนได้เข้าใจปัญหาที่แท้จริง และเคลื่อนไหวกดดัน เพื่อคัดค้านขอบเขตศาลโลกและก่อนเดือนเมษายนนี้ จะมีการชุมนุมใหญ่แน่” นายสนิท กล่าว