xs
xsm
sm
md
lg

ญาติวีรชนพฤษภาจวก “ประยุทธ์-รบ.ปู” ปล่อยทหารคุกคามสื่อ-บี้เอาผิดทางวินัย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35
ญาติวีรชนพฤษภา 35 แถลงจวกทหารใช้อำนาจมิชอบ คุกคามสื่อ เอาใจนายออกนอกหน้า เป็นแบบอย่างไม่ดีในวันเด็ก ระบุอันตรายผู้นำเหล่าทัพให้ท้ายลูกน้องใช้กำลังข่มขู่ผู้อื่น ขณะรัฐบาลไม่สั่งระงับยับยั้ง จี้ “ปู-ประยุทธ์” เอาผิดทางวินัย

เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา แยกคอกวัว คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 นำโดยนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนฯ ได้อ่านแถลงการณ์เรื่อง “บทบาทของกองทัพ ศาลรัฐธรรมนูญ และพรรคการเมือง เพื่อผ่าทางตันความขัดแย้งประเทศไทย สร้างประชาธิปไตยเพื่อประชาชน” มีใจความว่า สืบเนื่องจากวิกฤตความขัดแย้งในประเทศไทยที่ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2556 มีการอ้างประชาธิปไตยเพื่อประโยชน์ของแต่ละฝ่าย ท่ามกลางความขัดแย้งกันของกลุ่มการเมืองต่างๆ อันอาจนำมาสู่ความรุนแรงและทางตันที่ไร้ทางออกของประเทศไทยในอนาคตอันใกล้ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และภาคประชาชน จึงได้ร่วมมือกันที่จะออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องเพื่อหาทางออกจากทางตันของประเทศไทยร่วมกันและสร้างประชาธิปไตยเพื่อประชาชนที่แท้จริง เพื่อไม่ให้อนาคตของประเทศไทย ถูกผลักให้ไปสู่ทางตันหรือตกเป็นเรื่องเฉพาะของกลุ่มการเมืองใดการเมืองหนึ่งเท่านั้น

โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองล่าสุด ซึ่งมีทหารสังกัดกองทัพบกจำนวนมากเดินทางมาประท้วงหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเอเอสทีวีที่หน้าสำนักงานของหนังสือพิมพ์ดังกล่าวในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ในลักษณะแสดงกำลังข่มขู่ภายใต้เครื่องแบบทหาร เพราะไม่พอใจการเขียนแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ตลอดจนปัญหาความขัดแย้งเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน ซึ่งคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 และภาคประชาชน มีความเห็นดังนี้

1) เราเห็นว่าการที่เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดกองทัพบกจำนวนมากเดินทางมาประท้วงการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ถือเป็นการคุกคามสื่อ เป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบ เพราะไม่มีสิทธิ์ที่จะทำเช่นนั้นและเป็นการแสดงออกที่ไม่เป็นประชาธิปไตย การที่เจ้าหน้าที่ทหารชั้นผู้น้อยจำนวนมากมาชุมนุมในเครื่องแบบโดยอ้างว่าออกมาปกป้องนายนั้น หากเป็นเรื่องจริงถือเป็นการเอาใจนายจนออกนอกหน้า ซึ่งผู้บัญชาการทหารบกต้องออกมาห้ามปรามและเอาผิดวินัยในเรื่องเหล่านี้ เพราะธรรมดาการที่ทหารจะออกมาจากหน่วยได้ต้องมีใบลาหรือมีคำสั่งอนุญาตของหัวหน้าหน่วยเท่านั้น ซึ่งเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าเจ้าหน้าที่ทหารที่เดินทางมาประท้วงดังกล่าวได้รับการอนุญาตให้เดินทางมาโดยนายทหารระดับนายพลคนหนึ่ง (พล.ท.ไพบูลย์ คุ้มฉายา แม่ทัพภาคที่ 1) และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ก็เห็นว่าเป็นสิทธิ์ที่ทำได้ ซึ่งถือว่าเป็นแนวคิดที่อันตราย หาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ไม่พอใจในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ก็ให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมตามที่ พล.อ.ประยุทธ์เคยพูดอยู่เสมอได้ หรือสามารถใช้สิทธิฟ้องหมิ่นประมาทเรียกร้องค่าเสียหายได้ และสามารถร้องสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติให้ตรวจสอบจริยธรรมและจรรยาบรรณทางวิชาชีพได้ โดยไม่ใช้กระบวนการนอกกรอบประชาธิปไตย ใช้วิถีอำนาจนิยมแบบนี้ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จึงขอเรียกร้องให้กองทัพบกเคารพหลักสิทธิมนุษยชน

2) โดยเฉพาะการที่อนุญาตให้กำลังพลทหาร ออกมาคุกคามสื่อ ในวันเด็กซึ่งเป็นสำคัญของชาติ ถือเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีแก่เด็กและเยาวชนไทยอย่างร้ายแรง และถือว่าไม่มีวิสัยทัศน์ที่เหมาะสม

3) การที่มีเจ้าหน้าที่ทหารออกมาปฏิบัติการดังกล่าว รัฐบาลสมควรออกมาห้ามปรามหรือระงับยับยั้งโดยทันที เพราะกองทัพบกถือเป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐบาล ไม่ใช่องค์กรเอกเทศ เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สังคมสับสนว่า กองทัพบกเป็นหน่วยงานอิสระเอกเทศของประเทศหรือไม่ หรือรัฐบาลมีอำนาจในการกำกับดูแลในฐานะหน่วยงานราชการ เราขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาล กำกับดูแลกองทัพบกอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นอีก และจะต้องดำเนินการทางวินัยทันที

4) ในส่วนของสื่อมวลชน เราเห็นว่า การทำหน้าที่สื่อมวลชนใดๆ ต้องเคร่งครัดในจรรยาบรรณวิชาชีพ โดยมีสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติต้องคอยติดตามตรวจสอบดูแลกันเองอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้สื่อมวลชนทำหน้าที่เกินเลยไปจนถึงการเรียกร้องทหารออกมาแทรกแซงกิจการของบ้านเมือง บนพื้นฐานของจริยธรรม คุณธรรมในจรรยาบรรณวิชาชีพสื่อมวลชน

5) ต่อสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่ต่อเนื่องมาถึงปี 2556 นั้น เราเห็นว่า องค์กรสื่อมวลชนและองค์กรต่างๆ ทางสังคมและการเมือง ต้องออกมาขับเคลื่อนอยู่ในกรอบของประชาธิปไตยเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง โดยยืนอยู่บนหลักการสิทธิมนุษยชนและผลประโยชน์ของประเทศชาติ โดยไม่เลือกข้าง ไม่แบ่งสี และทุกเสื้อสีก็ควรออกมาแสดงจุดยืนดังกล่าวที่ชัดเจนโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าจะต่อกรณีเรื่องใดๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแบนละคร การคุกคามสื่อ หรือกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญในปัจจุบันนั้น ในความขัดแย้งที่ว่าจะต้องทำประชามติหรือไม่ หรือใช้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมมาตรา 291 เพื่อเปิดทางให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.ร.3 มาเป็นผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

เราเห็นว่า หากรัฐบาลจะแก้ไขรัฐธรรมนูญตามนโยบาย ก็ควรมีการสอบถามประชาชนให้ชัดเจนว่าต้องการแก้ไขเรื่องอะไรและไม่แก้ไขเรื่องอะไร และสมควรให้มีคนกลางที่ได้รับการยอมรับนับถือการทำหน้าที่เดินหน้าแนวทางปรองดองกับทุกกลุ่ม โดยอาจทำหนังสือในฐานะพรรคการเมืองหรือพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญตามกฎหมาย เพื่อสอบถามความชัดเจนและตอบประเด็นตามรัฐธรรมนูญในการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ. 2550 ว่ากระบวนการไหนทำได้ และเรื่องไหนทำไม่ได้ เพื่อแก้ปัญหาทางตันของประเทศต่อไป เราเห็นว่า นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้มีคุณูปการต่อสังคมไทยมากในอดีตและศาลรัฐธรรมนูญก็มีบทบาทสำคัญต่อการกำหนดทิศทางการเมืองไทยในปัจจุบัน ที่จะร่วมฝ่าทางตันออกจากวิกฤติความขัดแย้งของประเทศไทย คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จึงเห็นว่า ท่านสามารถจะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการร่วมฝ่าทางตันความขัดแย้งในประเทศไทย โดยการออกมาวินิจฉัยกระบวนการที่ถูกต้องตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพื่อฝ่าข้ามปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้นในเรื่องดังกล่าวได้

ทั้งนี้ คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และภาคประชาชน จะเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องในตลอดปี 2556 นี้ เพื่อร่วมผ่าทางตันออกจากความขัดแย้งในประเทศไทย สร้างประชาธิปไตยเพื่อประชาชนที่แท้จริง
กำลังโหลดความคิดเห็น