ผู้ประสานงานกลุ่มกรีนเผย พรุ่งนี้ 9 โมงเช้ายื่นฟ้องศาลปกครอง ลั่นไม่ได้ล้มประมูล แต่ให้ป้องกันการฮั้ว ชี้นักวิชาการ-ทีดีอาร์ไอ-นักกฎหมายห่วงไม่มีการแข่งขันจริง รัฐสูญรายได้แสนล้าน ยันไม่มีใครขวางแต่ต้องโปร่งใส ด้านญาติวีรชน พ.ค. 35 ร้อง กสทช.แก้ไขให้เกิดการประมูลที่แท้จริง เหตุออกหลักเกณฑ์เอื้อฮั้วประมูล ไม่เกิดการแข่งขัน โอดเอาทรัพย์ให้เอกชนราคาต่ำแล้วยังข่มขู่ฟ้องกลับอีก
วันนี้ (14 ต.ค.) นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics) ได้กล่าวชี้แจงกรณีที่จะยื่นฟ้องต่อศาลปกครองเพื่อขอให้มีการคุ้มครองชั่วคราวระงับการประมูลใบอนุญาตคลื่นความถี่ย่าน 2.1 กิกะเฮิรตซ์ เพื่อให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบ 3จี ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 16 ต.ค.นี้ โดยกล่าวว่าตนต้องอธิบายก่อนว่าการยื่นฟ้องศาลปกครองในวันพรุ่งนี้ไม่ได้ต้องการล้มการประมูล 3จี แต่ต้องการให้การประมูลป้องกันการฮั้ว และสามารถนำรายได้จากการประมูลเข้ารัฐอย่างที่ควรจะได้ เพราะเกณฑ์การประมูลที่จะใช้กันในวันดังกล่าว นักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญด้านโทรคมนาคมจากทีดีอาร์ไอ และนักฎหมายหลายส่วนเห็นตรงกันว่าจะทำให้เกิดการฮั้ว ไม่มีการแข่งขันจริง
“ที่สำคัญทำให้รัฐเสียรายได้ เฉพาะราคาตั้งต้นก็สูญไปกว่า 1.7 หมื่นล้านบาทแล้ว ไม่นับราคาประมูลซึ่งถ้ามีการแข่งขันกันจริงๆ จะทำให้ตัวเลขรายได้ขยับไปเกือบ 2 แสนล้านบาท ดูได้จากสูตรการประมูลอันเก่าก่อนหน้านี้ที่เรียกว่า สูตร N-1 นั้นมีการคาดการณ์กันของนักเศรษฐศาสตร์ว่าใบอนุญาตแต่ละใบราคาประมูลอาจสูงถึง 6-8.5 หมื่นล้านบาทแค่ 2 ใบก็เกือบ 1.5 แสนล้านบาทแล้ว แต่รอบนี้มาคิดสูตรกันใหม่ลดราคาตั้งต้นจาก 6,444 ล้านบาท เหลือ 4,500 ล้านบาท แบ่งเป็น 9 ใบรวมกันก็จะตกราวๆ 5 หมื่นล้านบาทเท่านั้น คำถามคือรายได้ที่ควรจะได้แสนกว่าล้านบาทหายไปได้อย่างไร จริงๆ แล้ว กสทช.ควรเอาเกณฑ์การประมูล N-1 มาใช้ จะทำให้รัฐจะได้ประโยชน์มากกว่า” นายสุริยะใสกล่าว
ทั้งนี้ การล้มการประมูลครั้งที่แล้วศาลไม่ได้บอกว่าสูตร N-1 เป็นปัญหาอะไร เพราะศาลชี้แค่ประเด็นอำนาจในการประมูลควรเป็นของ กทช.องค์กรเดิมหรือ กสทช.องค์กรใหม่เท่านั้น ฉะนั้น เกณฑ์การประมูลก็ยังสามารถนำมาใช้ได้อีก แต่มาคิดสูตรกันใหม่จึงเกิดปัญหามีหลายฝ่ายฟ้องร้องไปที่ศาลแล้ว ที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะล่าช้าเป็นปีเหมือนครั้งที่แล้วนั้น ไม่จริงและเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนั้นที่ไปช้าเพราะยังไม่มี กสทช.ต้องสรรหากันเกือบปี แต่ตอนนี้มี กสทช.แล้ว และ กสทช.ก็มีอำนาจสั่งพัก หยุด หรือเลื่อนประมูลได้ถ้ามีเหตุจำเป็น ตามประกาศหลักเกณฑ์วิธีการประมูล ในภาคผนวก ข้อที่ 5 ให้อำนาจ กสทช.ไว้ชัดเจน ซึ่งสามารถแก้เกณฑ์การประมูลได้ภายในวันเดียวก็ย่อมทำได้ ไม่ได้ล่าช้าหรือเสียเวลาเป็นเดือนเป็นปีอย่างที่พยายามบิดเบือนกัน
“ไม่มีใครขัดขวาง 3จี ทุกคนก็อยากมีอยากได้ แต่ต้องโปร่งใสและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนและประเทศจริงๆ อย่าให้ทัศนคติแบบนักการเมืองหรือเจ้าหน้าที่รัฐโกงได้ถ้าตัวเองได้ประโยชน์มาครอบงำกรณี 3จี จนสังคมละเลยการตรวจสอบจะเสียหายในระยะยาว ในวันพรุ่งนี้ เวลา 09.00 น ผมและตัวแทนอีกหลายองค์กรจะไปยื่นฟ้องที่ศาลปกครอง” นายสุริยะใสกล่าว
ด้านนายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 กล่าวถึงกรณีที่ กสทช.จะมีการประมูลใบอนุญาต 3จี ว่า คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ได้ติดตามเรื่องดังกล่าวมาโดยตลอด เนื่องจากเกี่ยวข้องกับเจตนารมณ์วีรชนเดือนพฤษภาคม 2535 ที่ต้องการให้ประชาชนเป็นเจ้าของทรัพยากรคลื่นความถี่วิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคมอย่างแท้จริง โดยเห็นว่า กสทช.ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจนว่าประชาชนเป็นเจ้าของทรัพยากรคลื่นความถี่ วิทยุโทรทัศน์และโทรคมนาคม ตามรัฐธรรมนูญของประเทศไทย และ กสทช.มีหน้าที่กำกับดูแล ให้ผลประโยชน์ของการใช้คลื่นความถี่ตกแก่ประชาชนเท่านั้น กสทช.ไม่ได้เป็นเจ้าของคลื่นความถี่ที่จะให้เอกชนประมูลแต่อย่างใด
ดังนั้น กสทช.จะต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่า การประมูลที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 16 ต.ค.นี้ ทำไมมีการกล่าวหาว่า กสทช.ทำให้ประชาชนเสียประโยชน์จากรายได้จากการประมูลนี่น้อยลงจากกรอบเดิมที่เคยกำหนดไว้ จากการที่ กสทช.ได้ถูกประชาชนหลายภาคส่วน ออกมาท้วงติงและแสดงความห่วงใย ว่าการประมูลครั้งนี้ กสทช. ออกหลักเกณฑ์การประมูลที่อาจเอื้อให้เกิดการฮั้วกันของเอกชน และไม่เกิดการแข่งขันกันจริงๆ โดยเฉพาะการไปกำหนดราคาเริ่มต้นประมูลที่ 4,500 ล้านบาทต่อ 5 เมกะเฮิรตซ์ โดยกำหนดราคาต่ำไปจากเดิมที่ กสทช.กำหนดไว้ที่ 6,440 ล้านบาท และเปลี่ยนรูปแบบโดยการปรับหลักเกณฑ์การประมูลใหม่ ให้เอกชนประมูลได้รายละ 15 เมกะเฮิรตซ์เท่ากัน อาจทำให้เอกชนทั้ง 3 รายสามารถได้รับการประมูลโดยไม่จำเป็นต้องแข่งขันกันประมูลแต่อย่างใดในทางปฏิบัติ ซึ่งขัดกับหลักการประมูลที่แท้จริง เพราะเท่ากับว่าการประมูลไม่ได้เกิดขึ้นจริง
“คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จึงขอเรียกร้องให้ กสทช.รีบแก้ไขให้เกิดการประมูลที่แท้จริงตามหลักเกณฑ์เดิมที่ให้มีการแข่งขันกันอย่างเต็มที่โดยเร็วเพื่อประโยชน์จะได้เกิดแก่ประชาชน ผมรู้สึกเสียใจที่ กสทช.เอาทรัพย์ของประชาชนที่มอบหมายให้ทำหน้าที่ดูแลไปมอบให้เอกชนในราคาต่ำ ยังข่มขู่เจ้าของทรัพย์ว่าจะฟ้องร้องอีก กสทช.ควรตระหนักถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเองอย่างแท้จริง และพร้อมแก่การตรวจสอบจากประชาชนในทุกกรณี” นายอดุลย์กล่าว