xs
xsm
sm
md
lg

ทหารไทย (บางคน) มีหน้าที่แค่ “ถูกครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับนาย”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ทุกวันนี้ดูคล้ายสังคมไทยจะสับสนอลหม่านกลับตาลปัตรกันไปหมด อย่าง “ทหาร” รั้วของชาติ จากหน้าที่ปกปักรักษาประเทศ กลายมาเป็นปกป้องนายตัวเอง ขนาดมีเวลาว่าง มาประท้วงเอาเรื่องถึงหน้าบ้านพระอาทิตย์ หลังหนังสือพิมพ์ผู้จัดการฉะ ผบ.ทบ. พ่อคนที่ 2 ของนายทหารว่า “ห่วย” เลยเกิดอาการอดรนทนไม่ได้ เป็นเดือดเป็นร้อนมาวิงวอนเอาคำขอโทษ ทั้งก็ไม่ใช่หน้าที่ แล้วยังหนีเวลาราชการ เลยต้องขอขีดเส้นใต้เอาไว้ว่า ทหาร(บางคน) ในตอนนี้ สุดเสื่อมเสียจริง !!

ทหารตบเท้า เดือด!! ด่าพ่อคนที่ 2

เออออ ห่อหมก กันยกใหญ่กับนายทหารชั้นประทวนเกือบ 100 นาย ที่สละเวลาทำงานมาเอาหน้า ประจบสอพลอเจ้านาย ผบ.ทบ. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยพร้อมเพรียงกันหวังจะเอาคำขอโทษจากปากผู้จัดการ แต่นายใหญ่ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศกร้าวว่า “มาด่าเราก่อน เราไม่ได้ทำผิด จะให้ขอโทษ รอชาติหน้าเหอะ และอีกหลายๆ ชาติ ก็จะไม่มีวันขอโทษ”

เหตุการณ์น้ำผึ้งหยดเดียวครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจาก ผบ.ทบ. ถูกหนังสือพิมพ์เอเอสทีวี ผู้จัดการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่กรณีปราสาทพระวิหาร เพราะเรื่องนี้มันคงไปจี้ใจดำ ท่านประยุทธ์เลยอารมณ์บูด โกรธเกรี้ยว หัวฟัดหัวเหวี่ยงด่าหนังสือพิมพ์ผู้จัดการว่า “เขียนข่าวห่วย” แล้วก็ลุกลามไปเป็นศึกน้ำลายเล็กๆ ของทหารผู้ทรงเกียรติกับหนังสือพิมพ์ที่ยึดถือเอาความถูกต้องนำหน้า

ไปๆ มาๆ ลูกน้อง ลูกสมุนทั้งหลาย เลยขอร่วมอารมณ์ไม่พอใจกับนายเหนือหัวของตัวเอง จนกระทั่งตบเท้ามาเยือนถึงถิ่น ณ บ้านพระอาทิตย์ ด้วยความน้อยใจว่า การนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนควรให้กำลังใจทหารมากกว่า เพราะทหารทำเพื่อประเทศชาติ การพาดหัวข่าวหรือนำเสนอข่าวในลักษณะนี้เป็นการบั่นทอนกำลังใจทหาร แม้การนำเสนอข่าวจะระบุเพียง ผบ.ทบ. คนเดียว แต่ ผบ.ทบ.เป็นผู้บังคับบัญชา เปรียบเสมือนพ่อคนที่ 2 สรุปง่ายๆ ว่า “นายข้า ใครอย่าแตะ !!”

จากนั้นเมื่อข่าวและภาพถูกเผยแพร่ออกไป แน่นอนว่าคนเห็นด้วยกับเรื่องราวครั้งนี้น้อยเต็มทน มีที่ไหน ทหารออกมาประท้วงด้วยเรื่องหยุมหยิมแค่นี้ ?? ทำเอาคนด่าไปค่อนเมือง ท่านๆ ทั้งหลายทำวงการทหารเสียเกียรติ เสียศักดิ์ศรีหรือไม่ ลองไปตรองดู หนึ่งในบรรดาคนไทยที่ไม่เห็นด้วยอย่าง รศ. ดร. พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองคณบดีฝ่ายวิชาการ อาจารย์ประจำคณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม นิด้า ก็กล่าวว่าเรื่องนี้ไม่ควรเกิดขึ้นและไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง

“ประการแรกผมคิดว่ามันคงไม่เหมาะสมนะครับ ที่จะมีคนแต่งชุดทหารออกมาชุมนุมประท้วงบุคคลอื่น ประการที่สองผมคิดว่าน่าจะเป็นการผิดวินัย เพราะช่วงเวลาที่มาประท้วงในวันแรกเป็นวันศุกร์ ยังเป็นเวลาราชการ เพราะฉะนั้นคือใช้เวลาราชการในทางที่ไม่ถูกต้อง แล้วก็อีกประการหนึ่งก็คือว่า ผบ.ทบ. คนนี้ก็เคยประกาศไม่ให้ทหารไปร่วมชุมนุม เมื่อคราวม็อบเสธ.อ้าย ในการชุมนุมตอนนั้นเนี่ย จัดวันเสาร์ แล้วก็ ผบ.ทบ.บอกว่าไม่ให้เข้าร่วมชุมนุม ถ้าใครมาร่วมจะเอาผิดทางวินัย แม้กระทั่งนอกเครื่องแบบก็ไปไม่ได้ แต่คราวนี้ก็มีทหารที่ใส่เครื่องแบบด้วย แล้วก็มาในเวลาราชการด้วย ก็คิดว่า ถ้าเอาคำพูดที่ ผบ.ทบ. เคยพูดมาก่อนเป็นบรรทัดฐาน ครั้งนี้ก็ควรตั้งกรรมการสอบวินัยทหารเหล่านี้ให้ชัดเจน เพราะถ้าไม่ตั้งก็หมายความว่าอาจเป็นการละเลยต่อหน้าที่ของตัวเองก็ได้”

ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน

อนิจจา!! เหตุการณ์ครั้งนี้ รั้วของชาติทำงามหน้าเสียจริง นายทหารชั้นประทวนที่ออกมาใช้สิทธิ์ประท้วง ยกพวกมาเรียกร้องเหมือนข่มขู่กลายๆ สละเวลาทำงานมาเอาหน้าเจ้านาย ความจริงคงไม่ผิดหากอยากออกปากออกเสียง อยากออกมาประท้วงชุมนุมบ้าง ซึ่ง รศ.ดร.พิชาย แนะว่าใส่ชุดทหารประท้วงมันเหมาะเสียที่ไหน คราวหลังพับเก็บเครื่องแบบทหารเก็บไว้ก่อนนะเออ

การที่มีบุคคลใส่เครื่องแบบทหารมาชุมนุมประท้วง ผมคิดว่ามันเป็นการสร้างความเสียหายให้กับกองทัพ สร้างความเสียหายให้กับบรรดาทหารที่ดี ที่อยู่ในวินัย แล้วก็ทำให้กองทัพเสื่อมเสีย เพราะว่าทหารนั้นหน้าที่หลักคือการป้องกันประเทศ ไม่ใช่แต่งชุดทหารออกมาชุมนุมประท้วงเพ่นพ่านแบบนี้นะครับ
เพราะฉะนั้นถ้าอยากประท้วงผู้จัดการ จะเอาใจนาย ควรจะเปลี่ยนเครื่องแบบ ถอดชุดทหารเก็บไว้ก่อน แล้วก็ค่อยมาชุมนุม ใช้สิทธิ์ในฐานะประชาชนมาชุมนุมก็ได้ แต่การใส่ชุดทหารมาเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งและสมควรถูกสอบวินัย”

เห็นความซื่อสัตย์ จงรักภักดีของเหล่าทหารนี้แล้ว ผบ.ทบ.คงซาบซึ้งใจน้ำตาปิ่มที่ลูกน้องออกมาปกป้องตนเอง แต่มองจากคนภายนอกคงหัวเราะขำแทบตกเก้าอี้ เรื่องแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการเลียแข้งเลียขาเจ้านายเลยสักนิด

“มันก็มีทุกวงการ การเอาใจนายประจบสอพลอเนี่ย แต่ว่าก็ควรจะทำให้อยู่ในขอบเขตที่ถูกต้อง ไม่ใช่ออกมาชุมนุมในลักษณะที่ข่มขู่สื่อมวลชนแบบนี้
ลองนึกภาพดู ในขณะที่สื่อมวลชนก็นำเสนอข่าว มีคนจำนวนหนึ่งหลายสิบคนใส่เครื่องแบบทหารมาชุมนุมอยู่ข้างหน้า ชุดเครื่องแบบนี้มันเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจ เพราะฉะนั้นก็มีนัยว่าเป็นการใช้อำนาจของเครื่องแบบ ข่มขู่การทำหน้าที่ของหนังสือพิมพ์ ถ้าไม่ข่มขู่ก็ควรมาแสดงความไม่พอใจโดยไม่ต้องใส่เครื่องแบบมา ถ้าใส่เครื่องแบบมาหมายความว่าคนเหล่านี้ เอาสถาบันทหารของชาติมาใช้เพื่อประโยชน์ส่วนตัวของเจ้านายตัวเองรศ. ดร. พิชาย กล่าว

คนไทยต่อต้าน “ทหารรักนาย ไม่รักชาติ”

ภาพทหารเกือบ 100 นาย บุกมาประท้วงเรียกร้องถึงบ้านพระอาทิตย์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กลายเป็นกระแสร้อนฉ่า หลังไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์ทหารผู้น้อยออกมาประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรม?? ให้เจ้านายตัวเอง แม้กระทั่งในโลกโซเชียลเอง ประชาชนก็ออกมาประณาม และวิพากษ์วิจารณ์แบบแสบๆ คันๆ เอาให้อายกันไปข้าง

“ทหารยุคนี้ก็อย่างนี้แหละ ขี้ขลาดตาขาว เหมือนนายมัน เก่งแต่กับประชาชนที่รักชาติ รักสถาบัน
ทีเจอเขมร กับคนโกงชาติ หงอไม่เข้าท่า เขมรคุกคามไม่กล้า ประชาชนไทย เรากล้าคุกคาม”

“สื่อ ก็มีหน้าที่ของเขาอย่างนี้ล่ะ ทหารต้องรู้หน้าที่สื่อ ไม่พอใจไปฟ้องร้อง หมิ่นประมาทเอาสิ
เล่นตบเท้าแบบนี้ ถ้าคราวนี้ทำได้ คราวหน้าจะตบเท้าไปสื่อไหนอีก”

“บ้านเมืองลำบากมากยิ่งขึ้น ที่ทหาร ที่มีหน้าที่หลัก ปกป้องชาติบ้านเมืองและประชาชน แต่กลับไปปกป้องส่วนบุคคล น่าเสียดายเป็นที่สุด ที่ทหารกลายเป็นคนที่ไม่มีความคิดเพื่อส่วนรวม แต่ไปคิดเพื่อส่วนตัว และเพื่อพรรคพวก”

“ทหารคุกคามสื่อ บอกว่าปกป้องสถาบัน อยากถามทหารหน่อยว่า สื่อเสื้อแดงด่าสถาบัน เต็มบ้านเต็มเมืองทหารหดหัวอยู่ไหน แสดงว่าทหารกลัวเสื้อแดงใช่ไหม”

“ทำหน้าที่ของทหารดีมั้ย ทางใต้ เขาพระวิหาร กำลังต้องการคนกล้า ท. ทหารอดทน ต้องเปลี่ยนซะแล้ว ไปบอก ผบ.ทบ. ถ้าทนแค่นี้ไม่ได้ อยู่บ้านเลี้ยงหลานเหลนดีกว่านะ ไป”

ส่วนหน้าบ้านพระอาทิตย์เอง ในขณะนี้ก็มีประชาชนส่วนหนึ่งติดแผ่นกระดาษเขียนข้อความไม่พอใจ กระทบเสียดสี และมีการขึ้นแผ่นไวนิลขนาดใหญ่เป็นกลอน เพื่อหวังเตือนสติ ย้ำว่าบทบาทของทหารกล้านั้นคืออะไร การมาชุมนุมเรียกร้องให้เจ้านายตัวเองครั้งนี้เป็นเรื่องที่ถูกต้องหรือไม่ ??

คุกคามสื่อ นี่หรือประเทศเสรี ??

ขนาดเรื่องเหนือเมฆ ยังต้องหายเข้ากลีบเมฆ แล้วกับสื่อมวลชนที่กล้านำเสนอ เปิดโปงความจริง ออกมาฉะเรื่องผลประโยชน์การทหาร การเมืองจะไม่โดนเชือดได้อย่างไร การมาเรียกร้องครั้งนี้โดยใช้อำนาจทหาร หลายฝ่ายจึงลงความเห็นว่าเหตุประท้วงครั้งเรียกว่าการคุกคามสื่อดีๆ นี่เอง

“ต้องเข้าใจว่า การรักนายถือเป็นคุณสมบัติของทหาร ถ้าจะแสดงออกว่า รักผบ.ทบ.รักผู้บังคับบัญชา ถือเป็นเรื่องปกติ และถือเป็นคุณสมบัติขององค์กร แต่เรื่องนี้แล้วแต่มุมมองใครก็สามารถมองได้ ส่วนจะมีทหารออกมาอีกหรือไม่ ผมไม่รู้ แต่ถ้าขอมาผมก็คงให้ไป เพราะไม่มีสิทธิ์ไปห้ามเขาได้ แต่ขอร้องว่า อย่าไปเกเร”

พล.ท.ไพบูลย์ คุ้มฉายา แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวชี้แจงหลังทหารรวมตัวมาชุมนุมที่หน้าบ้านพระอาทิตย์ และระบุว่าไม่ถือเป็นการคุกคามสื่อ เพราะเป็นการไปแสดงออกในการปกป้องหน่วยงานที่สังกัด ฟังแล้วก็แค่คำพูดเข้าข้างตัวเอง อย่าง รศ. ดร. พิชาย ก็กล่าวว่านี่คือการปกป้องคนคนเดียว มิใช่การปกป้องสถาบัน

“ผมว่าท่านแม่ทัพภาคที่ 1 คงพูดผิดไปนะครับ เพราะว่าสิ่งที่เค้ามาปกป้องนั้น ปกป้องบุคคลคือ ผบ.ทบ. ที่ใช้วาจาก้าวร้าวใส่หนังสือพิมพ์ผู้จัดการก่อน แล้วก็คนที่เป็นลูกน้องก็มาปกป้องเจ้านาย ไม่ใช่เป็นการปกป้องกองทัพ เพราะหนังสือพิมพ์ผู้จัดการเท่าที่ติดตามดู ก็ไม่ได้วิจารณ์กองทัพในฐานะที่เป็นสถาบัน แต่วิจารณ์ผบ.ทบ. ในฐานะที่เป็นตัวบุคคลที่ทำหน้าที่ เพราะฉะนั้นการออกมาชุมนุมก็เป็นการใช้กำลังของกองทัพ ใช้กำลังของสังคมมาปกป้องตัวบุคคลซึ่งไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่งครับ”

เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นว่า ทุกวันนี้ สื่อมวลชนไร้เสรีภาพ ต้องติดอยู่ในกรอบ ต้องเสนอแต่เรื่องดีๆ เรื่องน่าชื่นชม แต่เรื่องเลวๆ เน่าเฟะ ต้องซุกไว้ใต้พรม อย่าให้ประชาชนคนไทยได้รับรู้ ซึ่งทางสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ก็ได้ออกแถลงการณ์เรื่อง ขอให้ยุติการคุกคามสื่อมวลชน หลังเกิดเหตุการณ์ด้วย นอกจากนั้น ชวรงค์ ลิมป์ปัทมปาณี นายกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ยังกล่าวอีกว่า ทหารสามารถแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อสื่อได้ เพียงแค่ร่อนจดหมายมา ไม่ต้องฮึกเหิม ปลุกระดมทหารมาเรียกร้องล้อมกันจนกลายเป็นการคุกคามสื่ออย่างเช่นครั้งนี้

“การแสดงออกมันก็ทำได้หลายแบบนะ จริงๆ แล้ว ถ้าไม่พอใจยังไงก็มายื่นจดหมาย ส่งคนมาคนเดียวก็ได้ ส่งผู้แทนมาคนนึง มายื่นจดหมายถึงทางหนังสือพิมพ์ว่าไม่พอใจยังไง จะให้แก้ไขอย่างไร อันนี้คือการแสดงออก จะบอกว่ามีหลายคนไม่พอใจ ก็ร่วมลงชื่อมา ไม่จำเป็นต้องมาเยอะขนาดนี้
ผมคิดว่าถ้าทหารไม่พอใจก็ควรใช้สิทธิ์ในทางอื่น ไปยื่นทางหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ หากไม่แก้ไข เยียวยา ยังรู้สึกไม่พอใจ ก็มายื่นทางสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติต่อ แต่ถ้าไม่พอใจ เพราะเห็นว่าไปโจมตี ทำให้ผบ.ทบ.เสียหาย อันนั้นก็เป็นเรื่องของผบ.ทบ. ต้องไปดำเนินคดีเอง เพราะว่าทหารคนอื่นจะไปฟ้องร้องแทนก็คงไม่ได้ นั่นจึงเป็นขั้นตอนที่ควรจะทำ
ส่วนการมาประท้วง ถ้ามาเยอะขนาดนี้ แล้วยิ่งเป็นทหาร เป็นคนในอาชีพที่ต้องจับปืน ตรงนี้ถ้าใครเป็นสื่อไม่ว่าสื่อไหน ผมว่าถ้ามากันเยอะๆ ขนาดนี้ก็คงไม่สบายใจนะครับ หมายถึงว่าการที่มาแล้วทำให้สื่อไม่สามารถที่จะทำหน้าที่ตัวเองได้อย่างเต็มที่ หรือว่าทำให้เกิดความหวาดกลัวหรือกังวล นี่เรียกว่า การคุกคามสื่อ เพราะฉะนั้นการมากันเยอะๆ แบบนี้ของบุคคลซึ่งเป็นข้าราชการทหารกองทัพบก ก็เลี่ยงไม่ได้ที่จะบอกว่าการกระทำแบบนี้เข้าข่ายการคุกคามสื่อครับ”

ไม่มีใครอยากเห็นความแตกแยกของคนในประเทศเดียวกัน ไม่มีใครอยากให้ปัญหาทุกวันนี้ขยายลุกลามมากขึ้น ทหารจงอย่ามัวแต่ทำหน้าที่ประจบสอพลอเจ้านายตัวเอง ปกป้องแต่หัวหน้าตัวเอง แต่ต้องปกปักรักษาผืนแผ่นดิน ปกป้องสถาบันชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทำหน้าที่เป็นรั้วของชาติอย่างแท้จริง

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live

แถลงการณ์สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
เรื่อง ขอให้ยุติการคุกคามสื่อมวลชน

จากกรณีที่มีข้าราชการทหารในเครื่องแบบ สังกัดกองทัพบก กลุ่มหนึ่ง เดินทางไปชุมนุมที่บริเวณหน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 11 มกราคม และวันเสาร์ที่ 12 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้สื่อในเครือ ASTV ผู้จัดการ ขอโทษผู้บัญชาการทหารบก เนื่องจาก เห็นว่าสื่อในเครือ ASTV ผู้จัดการ เสนอข่าวและวิพากษ์วิจารณ์ผู้บัญชาการทหารบกด้วยถ้อยคำที่ไม่สุภาพ โดยอ้างว่าเป็นการหมิ่นศักดิ์ศรีผู้บังคับบัญชาและกองทัพ และนอกจากนี้ กองทัพบกยังได้ออกคำสั่งห้ามผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ และสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวีเข้ามาทำข่าวในกองบัญชาการกองทัพบกด้วย

จากเหตุการณ์ดังกล่าว สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เห็นว่า การกระทำของข้าราชการทหารในเครื่องแบบดังกล่าว เข้าข่ายคุกคามการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนที่ใช้สิทธิในการเสนอข่าวและแสดงความคิดเห็นตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งหากมีผู้ใดไม่พอใจการนำเสนอข่าวและความคิดเห็นนั้น สามารถใช้กลไกทั้งในทางกฎหมายและทางวิชาชีพดำเนินการกับสื่อมวลชนได้อยู่แล้ว พร้อมกันนี้ สมาคมฯ ขอเรียกร้องไปยังผู้เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้

1. ขอให้กองทัพยุติการคุกคามสื่อมวลชนในทุกรูปแบบ เพราะหากสื่อถูกข่มขู่และคุกคามจนไม่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างอิสระ จะส่งผลกระทบต่อประชาชนที่ไม่สามารถรับรู้ข่าวสารข้อมูลและข้อเท็จจริงได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์

2. ขอเรียกร้องให้กองทัพเคารพสิทธิเสรีภาพในการปฏิบัติหน้าที่ของสื่อมวลชน หากเห็นว่าสื่อมวลชนใช้สิทธิเกินขอบเขต สามารถใช้อำนาจฟ้องร้องได้ตามกฎหมาย หรือใช้กลไกในการควบคุมกันเองทางจริยธรรมขององค์กรสื่อผ่านสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ

3. ขอเรียกร้องให้ผู้บัญชาการกองทัพทหารบกรับฟังความคิดเห็นของสื่อมวลชนที่สะท้อนภาพเกี่ยวกับการทำงานของทัพและผู้บัญชาการทหารบกอย่างปราศจากอคติ เป็นธรรม และสร้างสรรค์

4. ขอให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่นำเสนอข่าวสารและแสดงความคิดเห็น โดยยึดมั่นในกรอบจริยธรรมแห่งวิชาชีพ โดยเฉพาะการละเว้นการเสนอข่าวเพราะความลำเอียง หรือมีอคติจนเป็นเหตุให้ข่าวนั้นคลาด เคลื่อนหรือเกินจากความเป็นจริง การไม่ละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของผู้ตกเป็นข่าว และพึงหลีกเลี่ยงคำไม่สุภาพและมีความหมายเหยียดหยาม ฯลฯ

ท้ายนี้ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ขอเป็นกำลังใจให้สื่อมวลชนทุกแขนงทำหน้าที่อย่างเข็มแข็ง ซื่อสัตย์ในวิชาชีพ เพื่อประโยชน์และสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชนต่อไป
สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
12 มกราคม 2556





ข้อความหน้าบ้านพระอาทิตย์
ไวนิลขนาดใหญ่ไว้เตือนสติ
กำลังโหลดความคิดเห็น