รมว.คมนาคม เผยที่ประชุม ครม.ยังไม่พิจารณาเรื่องซื้อรถเมล์เอ็นจีวี 3.1 พันคัน อ้างนายกฯ ขออ่านเอกสารให้รอบคอบ อีกด้านเตรียมต่อรองเอกชนปรับลดมูลค่าโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ สัญญาที่ 4 ให้ถูกลงอีก อ้างมูลค่า 8.5 หมื่นล้านสูงเกินไป พร้อมเตรียมก๊อกสองให้ รฟม.ศึกษาเดินรถเองถ้าต่อรองราคาไม่ได้
วันนี้ (8 ม.ค.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันนี้ที่ประชุม ครม.ยังไม่มีการพิจารณาโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จำนวน 3,183 คัน งบประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท เนื่องจาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ขอเวลาให้ ครม.พิจารณาในรายละเอียดก่อน และจะนำเสนอ ครม.พิจารณาในสัปดาห์หน้าอีกที
“นายกฯ อยากขอเวลาอ่านเอกสารให้ละเอียด และอยากให้รัฐมนตรีทุกคนดูเอกสารให้รอบคอบก่อน เนื่องจากเอกสารมีจำนวนมาก และเพิ่งจะได้รับเอกสารมาเมื่อวานนี้ โดยอาทิตย์หน้าค่อยนำกลับเข้ามาพิจารณาใหม่ใน ครม.” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวต่อว่า โครงการนี้จะช่วยลดภาระค่าน้ำมันที่ขสมก.แบกรับไว้วันละ 200 ล้านบาท ให้เหลือประมาณวันละ 100 กว่าล้านบาท ซึ่งจะทำให้ประหยัดเงินได้ปีละประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเดือน ก.ค.ปีที่แล้ว (2555) คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจ (กนร.) ก็ได้เห็นชอบในหลักการโครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 3,183 คัน แทนรถดีเซลที่จากเดิมใช้วิธีการเช่ามา 4,000 คัน มาเป็นการซื้อ ซึ่งคุ้มค่าและได้ประโยชน์มากที่สุด
“ดังนั้นเรื่องนี้เราต้องทำให้ละเอียดรอบคอบ เพราะหลังเสนอโครงการนี้ไป ก็คงอีกนานกว่าจะเสนอโครงการซื้อรถใหม่ได้ โดยปัจจุบันนี้มีคนนั่งรถเมล์ 3.6 ล้านคน ถ้าเปลี่ยนเป็นรถเอ็นจีวีแล้วมีคนขึ้น 5 ล้านคน ก็จะทำให้ ขสมก.มีรายได้เพิ่มมากขึ้น” นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติยังกล่าวเสริมว่า เมื่อปี 2553 ในสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ก็ไม่ได้อนุมัติโครงการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 4 พันคัน มูลค่าราว 6.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีปัญหาขัดข้องในรายละเอียดหลายเรื่อง และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่สามารถดำเนินการได้ เนื่องจากถูกหลายฝ่ายทักท้วงถึงความไม่คุ้มค่าของการลงทุน
นายชัชชาติยังกล่าวต่อว่า วันนี้ ครม.เห็นชอบให้กระทรวงคมนาคมไปต่อรองเอกชน เพื่อปรับมูลค่าในการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ สัญญาที่ 4 จากเดิมอยู่ที่ 9.3 หมื่นล้านบาท และต่อรองลงมาที่ 8.5 หมื่นล้านบาท แต่กระทรวงคมนาคมเห็นว่า ควรจะต่อรองราคาลงมาอีก ในที่ประชุม ครม.จึงเห็นชอบให้กระทรวงคมนาคม โดยมอบหมายให้คณะกรรมการตามมาตรา 13 ของ พ.ร.บ.ร่วมทุนไปเจรจากับเอกชน เพื่อลดราคาการดำเนินการดังกล่าวลงมา เพื่อให้เป็นผลที่น่าพอใจ ก่อนเสนอกลับมาให้ ครม.พิจารณาใหม่ภายใน 30 วัน
ทั้งนี้ การดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง รัฐบาลจะเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดเก็บรายได้ โดยจะมีการจ้างเอกชน ให้มาบริหารจัดการการเดินรถและซื้อรถมาวิ่งเอง ซึ่งเบื้องต้นเอกชนได้เสนอราคาในการดำเนินการดังกล่าวอยู่ที่ 9.3 หมื่นล้านบาท แต่กระทรวงคมนาคมเห็นว่ามูลค่าดังกล่าวสูงเกินไป จึงมีการต่อรองราคาลงมาโดยล่าสุดอยู่ที่ 8.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งกระทรวงคมนาคมเห็นว่ายังเป็นราคาที่สูงเกินไป ซึ่งน่าจะมีการต่อรองให้ต่ำลงได้อีก
นอกจากนี้ ที่ประชุม ครม.ยังได้มอบหมายให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เตรียมตัวหาแนวทางในการเดินรถไว้ด้วยตัวเอง ในกรณีที่ไม่สามารถต่อรองราคาได้จนเป็นที่น่าพอใจ ทั้งนี้ เมื่อเดือน เม.ย. 2555 ที่ผ่านมา ทาง รฟม.ได้ระบุว่า บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพได้เป็นผู้เสนอราคาต่ำที่สุดในการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญาที่ 4 ที่วงเงิน 93,475 ล้านบาท โดยเอกชนที่ได้รับการคัดเลือกจะต้องเป็นผู้รับสัมปทานกระทำการจัดหา ติดตั้งระบบรถไฟฟ้า ให้บริการเดินรถไฟฟ้า และซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าและระบบอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ รวมถึงจัดหาเงินทุนเพื่อดำเนินโครงการตลอดระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี
