“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” นั่งหัวโต๊ะประชุม ครม. จับตาที่ประชุมจะหยิบยกกรณีปล่อยให้ “นช.แม้ว” ออกทีวีช่อง 11 มาพิจารณาดำเนินการหรือไม่ ด้านกระทรวงสาธารณสุขขออนุมัติรับลูกจ้างชั่วคราว บรรจุเป็น ขรก.ปีละ 7,547 อัตรา เริ่มชุดแรก ม.ค. 2556 ส่วนคลังเสนอเป้าหมายนโยบายการเงินปี 2556 อัตราเงินเฟ้อร้อยละ 0.5-3.0 ต่อปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เช้าวันนี้ (11 ธ.ค.) มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธานตามปกติ ต้องจับตานายกรัฐมนตรีจะหยิบยกประเด็นการปล่อยให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชาย และเป็นนักโทษหนีคดี ออกรายการสดทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 11 หรือ NBT กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักอยู่ในขณะนี้หรือไม่
ส่วนวาระที่น่าสนใจ คือ กระทรวงสาธารณสุข เสนอให้ ครม.พิจารณาทยอยรับลูกจ้างชั่วคราวกระทรวงใน 21 สายวิชาชีพ บรรจุเป็นข้าราชการกระทรวงปีละ 7,547 อัตรา จากจำนวนทั้งหมด 30,188 อัตรา คิดเป็น 75 เปอร์เซ็นต์ โดยจะเริ่มบรรจุชุดแรกในเดือน ม.ค. 2556 ชุดที่ 2 เดือน ต.ค. 2556 และชุดที่ 3 เดือน ต.ค. 2557 ซึ่งมีเงื่อนไขในการคัดเลือก 4 ข้อ คือ 1. อายุงาน 2. ภาระงานของแต่ละโรงพยาบาล ที่แตกต่างกันไป 3.พื้นที่ตั้งโรงพยาบาล (รพ.) ในส่วนของ รพ.ในชนบทจะได้รับสิทธิ์บรรจุเข้าก่อน และ 4. ภารกิจของแต่ละบุคลากร
ทั้งนี้ ในส่วนของลูกจ้างชั่วคราวที่เหลือซึ่งรอการบรรจุอีกประมาณ 25 เปอร์เซ็นต์นั้น กระทรวงจะรับเข้าเป็นพนักงานของกระทรวงที่มีสิทธิประโยชน์ทดแทนในส่วนที่ขาด เช่น สิทธิในการรักษาพยาบาล สิทธิในการสงเคราะห์บุตร สินเชื่อธนาคารออมสิน กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เลื่อนค่าจ้างปีละ 1 ครั้ง ในวงเงิน 6 เปอร์เซ็นต์ เทียบเท่าข้าราชการ รวมถึงขยับสัญญาจ้างจากปีต่อปีเป็น 4 ปี
ด้านกระทรวงการคลังเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี 2556 ซึ่งได้กำหนดเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาสระหว่างร้อยละ 0.5-3.0 ต่อปี เช่นเดียวกับเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี 2555 ที่ คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2555
ทั้งนี้ ที่ผ่านมารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ได้ลงนามในข้อตกลงร่วมกันในการกำหนดเป้าหมายของนโยบายการเงินประจำปี 2556 โดยมีข้อตกลงคือเป้าหมายของนโยบายการเงิน ประจำปี 2556 มีอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ยรายไตรมาสระหว่างร้อยละ 0.5-3.0 ต่อปี
นอกจากนี้จะคลังจะเสนอ ครม.อนุมัติงบกลางรายการสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นให้กับกรมสรรพสามิตประมาณ 200 ล้านบาท เพื่อจ่ายคืนเงินภาษีที่ผู้ประกอบการได้จ่ายไปแล้ว กรณีนำเข้าวัตถุดิบหรือสินค้ามาผลิตในประเทศ แต่เป็นการผลิตเพื่อส่งออก
ส่วนกระทรวงคมนาคมเสนอขออนุมัติผลการเจรจาสัญญาสัมปทานการให้บริการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางใหญ่-บางซื่อ ซึ่ง บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) เป็นผู้ได้รับเลือกบริหารการเดินรถและจัดหารถ ซึ่งเป็นไปตามมติ ครม.ที่เห็นชอบให้ภาคเอกชนเข้าร่วมลงทุนในรูปแบบ PPP Gross Cost โดยภาครัฐเป็นผู้ลงทุนค่างานโยธาทั้งหมด ส่วนเอกชนเป็นผู้ลงทุนค่างานระบบรถไฟฟ้าและจัดหาขบวนรถไฟฟ้า