xs
xsm
sm
md
lg

ทั้งดื้อตาใส-ทั้งแกล้งโง่ !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เกาะกระแส

00 สถานการณ์ที่ทำให้ราชอาณาจักรไทยต้องเสี่ยงต่อการเสียดินแดนเป็นครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 9 คราวนี้สาเหตุเป็นเพราะนักการเมืองชั่วคิดแต่แสวงหาประโยชน์แสวงหาความร่ำรวยจากทรัพยากรของชาติ กับนักการเมืองที่ดันทุรังดื้อดึงคิดแต่จะโชว์ออฟโชว์วาทะความเป็นสากลรวมไปถึงการปกป้องความผิดของพรรคพวกในอดีต สาระสำคัญมีอยู่แค่นี้จริงๆ

00 ความหมิ่นเหม่ในวันนี้ ในคดีที่เขมรยื่นเรื่องให้ศาลโลกตีความคำตัดสินเมื่อปี 2505 ที่ทำให้ไทยต้องเสียปราสาทพระวิหารไปนั้นรวมถึงพื้นที่โดยรอบปราสาทที่มีพื้นที่ 4.6 ตารางกม.หรือราว 3 พันไร่ ด้วยหรือไม่ ซึ่งหากเท้าความก็ต้องบอกว่าเกิดขึ้นในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ที่มี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกฯ มี สุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกฯฝ่ายความมั่นคง และดูแลในเรื่องพลังงานทำหน้าที่ในการเป็นหัวหน้าเจรจาเกี่ยวกับสัมปทานพลังงานในอ่าวไทยกับเขมรด้วย มี กษิต ภิรมย์ เป็น รมว.ต่างประเทศ ในตอนนั้นแทนที่จะประกาศท่าทีให้ชัดตั้งแต่ต้นว่าเราไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก เพราะเราไม่ต่ออายุการเป็นภาคีสมาชิกมาตั้งแต่ปี 2505 แล้ว หรืออย่างมากก็ทำแค่เมื่อเขมรยื่นแถลงต่อศาลโลก เราก็ต้องไปย้ำท่าทีอย่างเป็นทางการว่าเราไม่ยอมรับ เพราะถือว่าเรื่องจบไปแล้ว และเราก็ทำตามคำพิพากษาครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ซึ่งผ่านมากว่า 40 ปี เขมรก็ไม่เคยคัดค้านโวยวาย

00 แต่ลักษณะท่าทีของไทยตอนนั้นกลับไปเล่นตามเกมเขมร ไปตั้งทนายแก้ต่างสู้คดีไปตีฝีปากในศาลโลกมาตลอด ซึ่งนั่นเท่ากับว่าเราถลำกลับเข้าสู่กระบวนการอีกครั้ง และมีแต่ความเสี่ยงที่จะเสียดินแดนทั้งในเฉพาะหน้าคือพ้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารที่เป็นของไทย และที่ผ่านมาศาลโลกก็ออกประกาศคุ้มครองชั่วคราวให้ทั้งไทยและเขมรถอนทหารออกมาจากพื้นที่ ซึ่งไทยก็ดันทำตามอีก ทั้งที่พื้นที่ดังกล่าวนั้นเป็นของไทย แต่พวก “ขายชาติ”หัวใจเขมรกลับบอกว่า “พื้นที่ทับซ้อน” ทุเรศจริงๆ น่าเจ็บใจก็คือคนที่พูดออกไปกลับเป็นทหารคือ ผู้บัญชาการทหารบก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พูดกี่ทีก็ย้ำว่าทับซ้อนๆ ทุด นี่หรือทหารผู้ทำหน้าที่รักษาดินแดน

00 ความโชคร้ายต่อเนื่องก็คือเรามีนักการเมือง ทหารใหญ่บางคนที่ไม่มีความสำนึกรักชาติ คิดแต่จะกอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรของชาติ เอาตัวรอดจนหน้ามืดตามัว ความน่าสงสัยในเรื่องดังกล่าวมีต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุคที่ ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกฯมีการต่อยอดเอ็มโอยู 43 ในยุครัฐบาลปชป.ที่ ชวน หลีกภัย เป็นนายกฯยอมรับแผนที่อัตราส่วน 1ต่อ 2 แสน เป็นเอ็มโอยู 44 ลากเส้นเขตแดนลงในทะเล ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานมหาศาล ที่จ้องกันตาเป็นมัน นั่นแหละ พูดไปก็เรื่องยาว

00 แต่เอาเป็นว่ามันต้องไม่ใช่อย่างที่ “ปึ้ง” สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศบอกว่าเจ๊ากับเจ๊ง ให้ทำใจหรือ อย่างที่ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหมส่งสัญญาณล่วงหน้าว่าศาลโลกตัดสินออกมาอย่างไรต้องยอมรับ และให้มองในแง่ดีว่าศาลโลกต้องยุติธรรม นั้นมันไม่ใช่ เพราะสิ่งที่เราต้องทำก็คือ ไม่ต้องไม่ยอมรับศาลโลก และยังไม่สายที่เราจะต้องรีบประกาศท่าทีให้ชัดเจนเสียตั้งแต่ตอนนี้ ไม่ต้องไปกลัวว่าจะถูกคว่ำบาตร เพราะไม่เกี่ยวกัน และตามธรรมเนียมหลักปฏิบัติก็คือทุกเรื่องหากเข้าสู่การพิจารณาของศาลโลกต้องได้รับการยินยอมจากประเทศคู่กรณีเท่านั้น ดังนั้นถ้ารัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไม่รีบดำเนินการทันทีก็ต้องถูกชี้หน้าว่า “ขายชาติ” ต้องรับผิดชอบ เลี่ยงไม่ได้

00 เพราะมีทางนี้ทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ไทยรอดจากการเสียดินแดนทั้งเฉพาะหน้าคือพื้นที่โดยรอบ และลำดับถัดไปหลังจากนั้นเป็นผลพวงจากการยอมรับเป็นนัยในเรื่องอัตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน นั่นก็หมายความว่า เราเสี่ยงจะเสียดินแดนเพิ่มอีกนับล้านไร่ พื้นที่ในอ่าวไทย เกาะแก่ง ซึ่งนั่นรวมถึงเกาะกูดในจังหวัดตราดด้วย เรื่องใหญ่กว่า คำถามก็คือนี่คือแผน “สมรู้ร่วมคิด” ไทย-เขมร ยอมให้ไทยเสียดินแดนในอ่าวไทยเป้าหมายเพื่อสัมปทานน้ำมัน คุยกับ ฮุนเซน ง่ายกว่าใช่หรือเปล่า ทุด !!
สุเทพ เทือกสุบรรณ
ทักษิณ ชินวัตร
สุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล
กำลังโหลดความคิดเห็น