หน.เพื่อไทย ยันกลางวงสัมมนาที่เขาใหญ่ ชี้ “รัฐธรรมนูญ 50” วางกับดักรัฐบาลเป็นอุปสรรคบริหารชาติ จ้องทำลายฝ่ายบริหาร-นิติบัญญัติ-ตุลาการ ด้านนายกรัฐมนตรี ยันค่าแรง 300 บาท-รถยนต์คันแรก-รับจำนำข้าวมีแต่ข้อดี ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน กระตุ้นเศรษฐกิจ เตรียมบูรณาการตั้งแต่เกิดจนแก่
วันนี้ (6 ม.ค.) ในการจัดสัมนาพรรคเพื่อไทย ภายใต้ชื่อ “มุ่งมั่น ตั้งใจ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย” ระหว่างวันที่ 6-7 ม.ค. 2556 ณ โรงแรม เดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวเปิดงานโดยมีใจความตอนหนึ่งว่า รัฐบาลสามารถก้าวข้ามอุปสรรคมาได้ระดับหนึ่ง แต่ยังก้าวได้ไม่เต็มตัว เพราะประเทศยังมีปัญหาเรื่องรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย เนื่องจากรัฐธรรมนูปี 50 มีเจตนารมณ์ ทำลายระบบตรวจสอบถ่วงดุล ผ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และฝ่ายตุลาการ ซึ่งเป็นอำนาจพื้นฐานประชาธิปไตย
นอกจากนี้ รัฐธรรรมนูญมีความพยายามเพิ่มอำนาจองค์กรอิสระ และชัดเจนว่าผู้บริหารองค์กรอิสระไม่เชื่อมโยงกับประชาชนอย่างแท้จริง องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ 50 ใช้อำนาจเกินขอบเขต และมุ่งทำลายพรรคการเมืองที่ประชาชนไว้วางใจ ด้วยความพยายามยุบพรรคการเมืองอย่างง่ายดาย รัฐธรรมนูญยังสร้างอุปสรรคปัญหาและทำความคล่องตัวในการทำข้อตกลงระหว่างประเทศจนเกิดความล่าช้าในการสร้างความร่วมมือ
“รัฐธรรมนูญได้วางกับดักทั้งกฎหมายรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ในเรื่องการทำประชามติ จนทำให้กระบวนการแก้เป็นไปด้วยความยากลำบาก รัฐธรรมนูญปี 50 เป็นใจกลางความขัดแย้ง และเป็นเหตุวิกฤตที่จะนำมาให้เกิดความไม่เสถียรภาพ และเป็นอุปสรรคต่อการบริหารประเทศด้วย” นายจารุพงศ์ กล่าว
ต่อมา นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีกล่าวปาฐกถาภายใต้หัวข้อ“เหลียวหลัง แลหน้า... มุ่งมั่นตั้งใจ เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของคนไทย”โดยมีเนื้อหาหลักคือการเน้นย้ำกับแกนนำพรรคเพื่อไทย-ส.ส.-สมาชิกพรรคถึงการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลในปี 2556 ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงนโยบายหลายเรื่องว่ากำลังสร้างปัญหาให้กับประเทศเช่นเรื่องค่าแรง 300 บาทหรือรถยนต์คันแรก แต่นายกรัฐมนตรีย้ำว่านโยบายต่างๆ ดังกล่าวทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ระบบเศรษฐกิจดึขึ้นทั้งระบบ และในปีนี้รัฐบาลจะเน้นการปรับสมดุลประเทศทั้งระบบ
ในตอนหนึ่งนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าดีใจที่ได้กลับมาที่นี้อีกครั้งเพราะเมื่อปี 53 พรรคเคยมาสัมมนาที่นี้ตอนเป็นฝ่ายค้าน เวลานั้นสัมมนากันเพื่อวางยุทธศาสตร์พรรคในด้านสังคม เศรษฐกิจ การเมือง ให้ประเทศเดินไปข้างหน้าในฐานะฝ่ายค้านมาวันนี้มาในฐานะรัฐบาล ขอบคุณสมาชิกพรรคที่ทำให้ได้มายืนบทบาทตรงนี้
สำหรับปี 2556 อยากให้เป็นปีของการคิดบวกท่ามกลางการหาบรรยากาศการหาทางออกให้ประเทศ เมื่อเหลียวหลังมองไปช่วงรัฐประหารปี 2549 อำนาจที่เคยเป็นของประชาชนได้ถูกเปลี่ยนแปลงไป พรรคเพื่อไทยจึงอยากเห็นอำนาจนี้กลับคืนสู่ประชาชน ให้มีการถ่วงดุลอำนาจ มีการตรวจสอบกลไกต่างๆ เพื่อให้เกิดความเสมอภาคและเท่าเทียมกัน ทั้งความเสมอภาคทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำในด้านต่างๆ
“การแก้ปัญหาที่มีความยุ่งยาก เพราะหลายเรื่องพบว่าเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างเช่น ระบอบประชาธิปไตย วันนี้จึงถอยกลับมาคุยให้เข้าใจตรงกันในเรื่องที่มาของสาเหตุแต่ไม่ใช่ค้นหา เพื่อให้เกิดความแตกแยกไม่อย่างนั้นประเทศก็วนไปแบบนี้ไม่มีทางจบ การเดินหน้าก็ไปไม่ได้ จึงต้องเหลียวหลังและมองหน้าควบคู่กันไป วันนี้เศรษฐกิจเริ่มพลิกฟื้นในไตรมาสที่ 3 และ 4 ก็คาดว่าปลายปีนี้ เศรษฐกิจน่าจะโตเฉลี่ย 5.5 เปอร์เซนต์ นโยบายของพรรคเพื่อไทยไม่ว่ากี่ปีจะยึดหลักสามข้อ คือสร้างรายได้ ลดค่าใช้จ่าย ขยายโอกาส ต้องสร้างรายได้เพื่อให้เกิดการกระตุ้นหมุนเวียนไม่ใช่การแจกเงิน อย่างโครงการรับจำนำข้าว ค่าแรง 300 บาทคือการยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน หลายท่านอาจมองว่าทำไมจึงเสนอนโยบายนี้ก็ขอบอกว่าเพื่อทำให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น ในเดือนพ.ย. หลังผ่านครึ่งปีจะเห็นได้ว่า หลายอย่างดีขึ้นที่บอกตัวเลขส่งออกลดลง แต่ในเดือนพ.ย.จะเห็นได้ว่า หลายอย่างตัวเลขการส่งออกดีขึ้นเช่นอุตสาหกรรมฮาร์ดดิสก์ วันนี้กลับฟื้นตัวหมดแล้วจะส่งผลให้เศรษฐกิจไตรมาส 1 และ 2 น่าจะดี ส่วนนโยบายรถยนต์ครั้งแรกเราอยากเห็นวงจรของเศรษฐกิจทั้งระบบมีการขับเคลื่อนตั้งแต่การนำเข้า การนำอุปกรณ์ไปผลิต สิ่งที่ได้รับแน่ๆ คือคุณภาพชีวิตดีขึ้น ด้วยจำนวนรถที่จองในโครงการ 1.2 ล้านคัน ส่งมอบไปแล้ว 35 เปอร์เซนต์ เศรษฐกิจจะเริ่มกลับมาแต่ก็ต้องมีการปรับโครงสร้างพื้นฐานเรื่องการแก้ปัญหาจราจรต้องทำทั้งระบบไม่ได้มองแค่กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล”นายกรัฐมนตรีกล่าว
นางสาวยิ่งลักษณ์ ย้ำว่า ตอนนี้พบว่าการลงทุนของภาคเอกชนก็ดีขึ้นเพิ่มสูงขึ้น กำลังซื้อเริ่มกลับมา ประชาชนเริ่มลืมตาอ้าปากได้และต่อไปจะต้องมีการปรับสมดุลของประเทศหลายอย่างเช่น สมดุลเศรษฐกิจ วันนี้ตัวเลขการว่างงานไม่สูงมากส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาจบใหม่ ที่ไม่ใช่พวกสายอาชีวะที่ตลาดแรงงานต้องการแต่ขาดแคลน
“เรื่อง 300 บาท รัฐบาลก็มีมาตรการดูแลช่วยเหลือเอสเอ็มอี ต่อไปนี้รัฐบาลจะบูรณาการดูแลประชาชนกันตั้งแต่ครรถ์มารดาจนถึงผู้สูงอายุ โดยการบูรณาการกันทำงานของหลายหน่วยงานที่จะเป็นด่านหน้าในการช่วยเหลือประชาชนที่ต้องการการดูแล ซึ่งการทำต้องลงไปถึงระดับจังหวัด จะมีการพูดคุยกับจังหวัดมากขึ้น เน้นการเชื่อมโลจิกติกส์ จะทำเป็นยุทธศาสตร์จังหวัด ไประดับภาคและระดับประเทศ”นายกรัฐมนตรีกล่าว
ตอนท้าย นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ปีนี้เป็นการปรับสมดุลเพื่อตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ประเทศ ที่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ในปี 2556 ดูเหมือนงานจะเข้าที่ แต่ภาระรัฐบาลยังคงเดิม คือการแก้ปัญหาที่มีอยู่ โดยเฉพาะการวางโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เพื่อหาทางออกให้ประเทศเพื่อจะได้บันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าพรรคเพื่อไทยได้ร่วมกันปรับปรุงระเบียบต่างๆ ให้นโยบายต่างๆ ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น คิดว่าทุกเสาหลักต่างคนต่างต้องทำงานกันแต่ต้องมีการถ่วงดุลกัน เราถือว่าเราเป็นกลไกหนึ่งที่จะสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะการฟังความเห็นจากประชาชน