xs
xsm
sm
md
lg

“ประสงค์” ชี้วิกฤตปีนี้ “ต้มยำปูอาบฟอร์มาลินตราดูไบ” ยันแก้ รธน.รายมาตราได้แต่ต้องชัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


อดีต ปธ.กมธ.ยกร่าง รธน.50 ชี้ “วิกฤตต้มยำปูอาบฟอร์มาลินตราดูไบ” ใช้กฎหมายทำตามอำเภอใจ เอาประชานิยมมอมเมาประชาชน ระบุค่าแรง 300 พิษร้ายทำชาวบ้านตกงานหลายแสน ชี้ช่องแก้รายมาตราได้แต่ต้องบอกให้ชัด ยันล้มทั้งฉบับไม่ได้ ระบุประชามติหัวข้อต้องไม่ขัด กม.สูงสุด แต่เชื่อนักการเมืองแก้เพื่อนักโทษหนีคุกแน่ รับสถานการณ์สุกงอมก่อม็อบได้แล้ว ลั่นชาวบ้านมีสิทธิ์ไล่ลูกจ้างการเมืองได้ คาดปีนี้ป่วน แนะอย่าห่วงภาพต่างชาติ

วันนี้ (6 ม.ค.) ที่ รร.เจ้าพระยาปาร์ค น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 ปาฐกถาในหัวข้อ “เหลียวหลังปี 55 มองหน้าปี 56” โดยกล่าวว่าปัญหาทางการเมืองเกิดจากนักการเมือง นักการเมืองบ้านเราทำให้เกิดปัญหามากมาย ผู้ที่เอาอำนาจประชาชนไปใช้ต้องมีจิตสำนึกโดยยึดหลักนิติธรรม เมื่อมีข้อบกพร่องก็จะมีการใช้เสียงข้างมากแม้จะเป็นหลักเกณฑ์ปฏิบัติ แต่หากเป็นทรราชที่มีเสียงข้างมากก็จะทำให้ผิดพลาด เช่นกรณี พระ 2 รูป กับโจร 10 คน ที่เมื่อออกเสียงพระก็แพ้ ยิ่งด้วยนักการเมืองที่ชอบตะแบงตีความด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ ความวิกฤตที่เมื่อรัฐบาลนี้เกิดมาขอเรียกว่าเป็นวิกฤตต้มยำปู ในช่วงที่ผ่านมามีการใช้กฎหมายตามอำเภอใจ มอมเมาประชาชนด้วยนโยบายประชานิยมที่มาจากผู้พี่และที่ก่อพิษร้ายแรง คือ นโยบาย 300 บาท ที่เริ่มมีคนตกงานจากนโยบายนี้แล้วหลายแสนคนทั้งที่เพิ่งใช้มาไม่กี่วัน อนาคตเชื่อว่าจะเก็บภาษีการหายใจหากคนพวกนี้อยู่ พร้อมกันนี้รับทราบมาว่าในวันที่ 7 ม.ค.รัฐบาลชุดนี้จะออกมาตรการกู้เงินกว่า 2.2 ล้านบาท โดยมีข้ออ้างเพื่อสร้างสาธารณูปโภคต่างๆ

ส่วนกรณีที่รัฐบาลเร่งเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น น.ต.ประสงค์กล่าวว่า โดยรัฐธรรมนูญเปิดโอกาสให้มีการแก้ไขได้ แต่ต้องแก้ไขเป็นรายมาตราและผู้ที่มีอำนาจในการแก้ไขจะมีอยู่ 4 พวก คือ 1. คณะรัฐมนตรี (ครม.) 2. สภาผู้แทนราษฎร 3. สภาผู้แทนราษฎรผสมวุฒิสภา 4. ประชาชนลงชื่อ 5 หมื่นชื่อ ซึ่งจะแก้ไขในมาตราไหนนั้นจะมีบัญญัติไว้ในมาตรา 291 และต้องบอกให้ชัดว่าจะแก้ไขมาตราไหน อย่างไร ซึ่งหากจะแก้ไขเพื่อประโยชน์ส่วนรวมก็สามารถแก้ไขได้เลย แต่ยกเลิกทั้งฉบับไม่ได้ โดยเฉพาะมาตรา 165 ที่ระบุว่า ในการทำประชามติใด หากเป็นเรื่องที่ขัดแย้ง ไม่ถูกต้องตามแนวทางรัฐธรรมนูญที่กำหนดไว้ จะกระทำมิได้ ฉะนั้น เรื่องที่จะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา หรือจะทำประชามติเพื่อแก้ไขทั้งฉบับนั้นก็ยังมีปัญหาอยู่ และการทำประชามติ ตรงนี้อยากให้บุคคลที่จะทำต้องระมัดระวังว่าสิ่งที่เสนอไปนั้นจะขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญมาตรา 165 หรือไม่ รวมถึงการตั้งคำถามในการทำประชามติ จะต้องไม่ขัดแย้งกับบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ทั้งการทำประชามติจะต้องมีการกำหนดวันให้แน่นอน และต้องทำให้เสร็จภายในวันเดียว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะทำให้เกิดความขัดแย้ง และจะเป็นปัญหาให้กับสังคมหรือไม่ น.ต.ประสงค์กล่าวว่า การแก้ไขของนักการเมือง น้ำหนักส่วนใหญ่เป็นการแก้ไขเพื่อผลประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้อง โดยเฉพาะการช่วยเหลือนักโทษหนีคุกที่จะกลับบ้านอย่างไร้มลทิน ซึ่งหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 309 ได้ตามต้องการแล้ว ก็จะมีการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมต่อไป รวมถึงการแก้ไขอีกหลายประเด็น เช่น การแก้ไขมาตรา 237 เรื่องการยุบพรรค ที่เกี่ยวกับกรรมการบริหารพรรค

เมื่อถามว่าจะมีการชุมนุมหลังปีใหม่เพื่อกดดันรัฐบาลหรือไม่ น.ต.ประสงค์กล่าวว่า ตรงนี้อยู่ที่ประชาชน เนื่องจากรัฐบาลและนักการเมืองเป็นต้นเหตุจนประชาชนอดทนไม่ได้ ส่วนจะมีการชุมนุมที่ไหนอย่างไร ตนไม่ทราบ แต่หากเป็นการชุมนุมเพื่อให้มีการเปลี่ยนแปลงของบ้านเมือง หรือเพื่อไม่ต้องการให้มีการนักการเมืองเลวๆ ตนขอยืนยันว่าจะไปร่วมชุมนุมด้วย

เมื่อถามว่า ได้ประเมินสิ่งที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ และผลกระทบจากคำตัดสินของศาลโลกคดีเขาพระวิหาร เป็นเหตุผลที่สุกงอมที่จะมีการชุมนุมเพื่อการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลหรือไม่ น.ต.ประสงค์กล่าวว่า สถานการณ์ในขณะนี้ถือว่าครบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นวิกฤตทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมที่ผู้คนแตกแยก ด้านความมั่นคงที่เกี่ยวข้องกับอำนาจอธิปไตย รวมถึงการที่ประชาชนอยู่ท่ามกลางความอึดอัด ในสายตาของตนนั้นสุกงอมเกินกว่าที่ประชาชนจะทนไม่ได้ เพราะนักการเมืองบริหารประเทศเหมือนเป็นบริษัทส่วนตัว ซึ่งความจริงแล้วประเทศเป็นของคนไทยทุกคน นักการเมืองเป็นเพียงลูกจ้างของประชาชนเท่านั้น

“ลูกจ้างมีอยู่ 2 ประเภท ประกอบด้วย 1. ลูกจ้างชั่วคราว คือ พวกนักการเมือง ทั้งฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ 2. ลูกจ้างประจำ คือ ข้าราชการ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจและพลเรือน ซึ่งลูกจ้างทั้ง 2 ประเภทกินเงินเดือนภาษีอากร หากลูกจ้างทำงานให้บริษัทเสียหาย ประชาชนก็มีสิทธิ์ไล่ลูกจ้างออกได้” น.ต.ประสงค์กล่าว

เมื่อถามย้ำว่า หากมีการชุมนุมขึ้นมาอีกจะรับเป็นแกนนำการชุมนุมหรือไม่ น.ต.ประสงค์กล่าวว่า ตรงนี้ให้ประชาชนเป็นคนตัดสินดีกว่า ตนพูดอะไรไม่ได้ ส่วนโครงสร้างการขับเคลื่อนนั้นก็ให้ดูกันต่อไป อย่างกรณีของ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นรุ่นน้องที่มีความตั้งใจ ซื่อสัตย์สุจริตต่อแผ่นดิน สงบเรียบร้อยไม่มีการทุจริต รวมถึงเรื่องการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นอุดมคติของ พล.อ.บุญเลิศ ส่วนตนไปร่วมชุมนุมแค่บางครั้งคราวเท่านั้น แม้ พล.อ.บุญเลิศจะยุติไปแล้ว แต่กลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม (อพส.) ยังดำเนินอยู่เช่นเดิม

เมื่อถามว่า ได้มีการประเมินว่ารัฐบาลจะอยู่ครบ 4 ปีหรือไม่ น.ต.ประสงค์กล่าวว่า ประเทศไทยเคยเกิดวิกฤตเศรษฐกิจต้มยำกุ้งเมื่อปี 2540 ในสมัยรัฐบาลของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ดำรงตำแหน่งเป็นนายกฯ และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนถึงปี 2556 ก็จะเป็นวิกฤตต้มยำปูอาบฟอร์มาลินตราดูไบ และจากการที่ตนวิเคราะห์เชื่อว่าปีนี้จะเกิดเหตุการณ์วุ่นวายปั่นป่วนในบ้านเมืองขึ้นมาอย่างแน่นอน จากการที่ประชาชนไม่ยอมรับการใช้อำนาจของนักการเมือง และจะมีการต่อสู้อย่างเปิดเผยแบบไม่มีใครกลัวใคร ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วง ทั้งนี้ การชุมนุมครั้งต่อไปจะไม่ทำให้เสียภาพลักษณ์ของประเทศ การต่อสู้ของประชาชนจะเป็นภาพที่ดี และคงไม่มีประเทศไหนมาบอกว่าตรงนี้ทำไม่ถูกต้อง รวมถึงแต่ละประเทศมีประชาชนเป็นเจ้าของนั้นอย่าไปห่วงเรื่องต่างประเทศ เราต้องห่วงเรื่องของบ้านเมืองเป็นหลัก ซึ่งการชุมนุมครั้งต่อไปตนเชื่อว่าฝ่ายข้าราชการจะเข้ามาสนับสนุน
กำลังโหลดความคิดเห็น