ศักราชใหม่ 2556 เริ่มแล้ว นี่เป็นวลาที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร บริหารประเทศไทยมาแล้วจะปีครึ่งในอีกไม่กี่วัน และเธอยังมีทีท่าว่าจะอยู่จนครบเทอม ยังสนุกสนานกับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่เธอได้มาง่ายๆ ต่างกับนักการเมืองคนอื่นๆ ในอดีต บ้างต้องใช้วิธีการปฏิวัติรัฐประหาร บ้างต้องเดินทางเป็นหมื่นเป็นแสนไมล์พบปะประชาชน บ้างต้องศึกษาเคี่ยวกรำสนใจการเมืองตั้งแต่วัยเด็ก วัยหนุ่ม
แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ เพียงแต่มาตามคำสั่งของพี่ชายของเธอ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้นก็พอที่จะทำให้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นของเธออย่างสะดวกสบาย แถมยังมีเสถียรภาพที่มั่นคงอีกต่างหาก ไม่ต้องย้อนไปไกล นายบรรหาร ศิลปอาชา ทำงานการเมืองมาครึ่งค่อนชีวิต เป็นนายกรัฐมนตรีได้เพียงปีเดียวต้องยุบสภา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เคยเป็นผู้จัดการรัฐบาลให้กับ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เมื่อกระโดดเข้าสู่การเมืองโดยมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเป้าหมาย กว่าจะได้มาเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่เมื่อได้มาก็อยู่ไม่ถึงปี
เทียบกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วนับว่าไกลกันนัก
เพราะเธอมีพี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร เป็นปราการหลังที่เข้มแข็งด้วยกำลังเงินอันมหาศาลซึ่งนักการเมืองคนอื่นไม่มี มีแนวร่วมคือคนเสื้อแดงที่พร้อมยอมตายถวายชีวิตในทุกเรื่อง ทุกกรณีที่เป็นความต้องการของทักษิณ มีพรรคการเมืองที่รวมนักการเมือง นักธุรกิจการเมือง นักแสวงโชคทางการเมือง พร้อมที่จะทำงานการเมืองรับใช้ทักษิณ ชนิดที่ยอมรับว่าเป็น “ขี้ข้าทักษิณมานานแล้ว” อย่างเต็มปากเต็มคำ
นอกเหนือจากนี้ยังมีสื่อมวลชน ทั้งของรัฐของเอกชนคอยทำหน้าที่ปกป้อง คุ้มครองถนอมรักเธออีกต่างหาก การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด การทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจไม่เป็นธรรม การบริหารราชการที่ไม่เป็นไปตามตัวบทกฎหมายของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จึงไม่ค่อยจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ประชาชนต่างสับสน ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริง ไม่รู้ว่าสภาพที่แท้จริงของประเทศเป็นอย่างไร
ชาวนาพออกพอใจกับนโยบายประชานิยม รับจำนำข้าวด้วยราคาที่สูงกว่าตลาด รู้แต่ว่าขายข้าวได้ราคาดีขึ้นบ้าง แต่ไม่รู้ว่าเงินที่นำมาซื้อข้าวนั้นเป็นเงินงบประมาณที่มาจากภาษีของคนทั้งประเทศ ไม่รู้ว่าการซื้อข้าวของชาวนาเพื่อเอาใจชาวนานั้นทำให้ประเทศต้องขาดทุนปีละเป็นแสนล้านบาท ซ้ำยังเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตตั้งแต่นักการเมืองระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด ระดับประเทศ
ใครวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวนี้ก็จะถูกกระแสสังคมที่รัฐบาลกุมไว้ว่า เป็นพวกที่ไม่รักชาวนา เป็นพวกที่อิจฉาชาวนา ไม่เห็นใจคนยากคนจน จะปล่อยให้คนยากคนจน จนต่อไปหรืออย่างไร นักวิชาการบางสำนักถูกมวลชนเสื้อแดงยกขบวนไปด่าว่าอย่างสาดเสียเทเสีย
ทั้งหลายทั้งปวงก็ปกป้องคุ้มครองนโยบายรับจำนำข้าวเอาไว้เพื่อให้พวกเขาได้แสวงหาประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ได้ทุจริตคอร์รัปชันกันอย่างอิ่มหมีพีมัน
การใช้เงินไปกับพืชผลการเกษตรอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน กล่าวได้ว่าแตะตรงไหนต้องพบกับความเน่าเสียเหม็นโฉ่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ปาล์มน้ำมัน หอมแดง ฯลฯ
นอกจากได้ทำมาหากินกับพืชผลทางการเกษตรแล้ว รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังโชคดีจากภัยธรรมชาติทำให้มีโอกาสได้บริหารอภิมหาโปรเจกต์ด้วยงบประมาณมหาศาล 3 แสนล้านบาทที่เรียกกันว่า โครงการป้องกันน้ำท่วม ความเป็นจริงพวกเขาสวาปามกันตั้งแต่ครั้งประชาชนประสบภัยพิบัติช่วงที่น้ำท่วมปลายปี 2554 โน่นแล้วกินกระทั่งส้วม ข้าวห่อ ข้าวของบริจาค เอาของบริจาคมาใส่ชื่อเป็นของตัวสารพัดรูปแบบของการทุจริต และแสวงหาประโยชน์ใส่ตัว
เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็ทำเฉย
เฉยเหมือนกับหนึ่งปีกว่าๆ ที่ผ่านมา รัฐบาลสาละวนอยู่กับการช่วย ทักษิณ ชินวัตร เริ่มตั้งแต่ช่วยให้สามารถเดินทางเข้าประเทศโน้นประเทศนี้ ช่วยให้มีหนังสือเดินทางแถมคาบไปให้ถึงที่ รวมทั้งความพยายามที่จะนิรโทษกรรมบ้าง เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อให้พ้นผิดบ้าง
ที่สำคัญคือความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐธรรมนูญมาตรา 309 ที่ยอมรับอำนาจของ คตส.เอาไว้ แต่ถ้าหากจะเจาะจงแก้มาตรา 309 ก็เกรงว่าจะถูกกระแสคัดค้านดังเช่นที่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดนมาแล้ว จึงทำเป็นว่าจะแก้ไขทั้งหมด เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการรัฐประหารปี 2549 แต่เมื่อถามลงในรายละเอียดว่ามีมาตราใดบ้างของรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน พวกเขาก็ปิดปากเงียบ
ทั้งหลายทั้งปวงนี้นำมาซึ่งความเบื่อหน่ายเอือมระอาต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนเกิดกระแสต่อต้าน
และเมื่อมีคนนำในการต่อต้าน ประชาชนที่ทนไม่ได้จึงเข้าร่วมอย่างมากมายมหาศาล ทำให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ใช้กำลังตำรวจเข้าปราบปรามขัดขวางการชุมนุมในปลายเดือนพฤศจิกายน
ศักราชใหม่ 2556 จึงเป็นปีที่ความขัดแย้งในหมู่ประชาชนที่ทนไม่ได้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะทวีสูงขึ้น ผู้คนจะทนไม่ได้กับความพยายามของนางสาวยิ่งลักษณ์ที่จะต้องช่วยพี่ชายของเธอให้เร็วขึ้น เพราะทอดเวลาต่อไปก็ยิ่งจะยากยิ่งขึ้น ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินโดยที่ไม่มีประสบการณ์ ขาดความรู้ความสามารถ และการปล่อยให้ทุจริตคอร์รัปชันจะหนักขึ้น
ผู้คนก็จะทนไม่ได้ยิ่งขึ้นจนกระทั่งระเบิดออกมาอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต จนทำให้จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร หรือ พล.อ.สุจินดา คราประยูร กระเด็นไปจากอำนาจ
รัฐตำรวจของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และทักษิณ ชินวัตรอย่าได้เหิมเกริมไป
แต่นางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ เพียงแต่มาตามคำสั่งของพี่ชายของเธอ ทักษิณ ชินวัตร เท่านั้นก็พอที่จะทำให้เก้าอี้นายกรัฐมนตรีเป็นของเธออย่างสะดวกสบาย แถมยังมีเสถียรภาพที่มั่นคงอีกต่างหาก ไม่ต้องย้อนไปไกล นายบรรหาร ศิลปอาชา ทำงานการเมืองมาครึ่งค่อนชีวิต เป็นนายกรัฐมนตรีได้เพียงปีเดียวต้องยุบสภา พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เคยเป็นผู้จัดการรัฐบาลให้กับ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เมื่อกระโดดเข้าสู่การเมืองโดยมีตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นเป้าหมาย กว่าจะได้มาเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่เมื่อได้มาก็อยู่ไม่ถึงปี
เทียบกับนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แล้วนับว่าไกลกันนัก
เพราะเธอมีพี่ชาย ทักษิณ ชินวัตร เป็นปราการหลังที่เข้มแข็งด้วยกำลังเงินอันมหาศาลซึ่งนักการเมืองคนอื่นไม่มี มีแนวร่วมคือคนเสื้อแดงที่พร้อมยอมตายถวายชีวิตในทุกเรื่อง ทุกกรณีที่เป็นความต้องการของทักษิณ มีพรรคการเมืองที่รวมนักการเมือง นักธุรกิจการเมือง นักแสวงโชคทางการเมือง พร้อมที่จะทำงานการเมืองรับใช้ทักษิณ ชนิดที่ยอมรับว่าเป็น “ขี้ข้าทักษิณมานานแล้ว” อย่างเต็มปากเต็มคำ
นอกเหนือจากนี้ยังมีสื่อมวลชน ทั้งของรัฐของเอกชนคอยทำหน้าที่ปกป้อง คุ้มครองถนอมรักเธออีกต่างหาก การดำเนินนโยบายที่ผิดพลาด การทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจไม่เป็นธรรม การบริหารราชการที่ไม่เป็นไปตามตัวบทกฎหมายของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จึงไม่ค่อยจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ ประชาชนต่างสับสน ไม่รู้ว่าข้อเท็จจริง ไม่รู้ว่าสภาพที่แท้จริงของประเทศเป็นอย่างไร
ชาวนาพออกพอใจกับนโยบายประชานิยม รับจำนำข้าวด้วยราคาที่สูงกว่าตลาด รู้แต่ว่าขายข้าวได้ราคาดีขึ้นบ้าง แต่ไม่รู้ว่าเงินที่นำมาซื้อข้าวนั้นเป็นเงินงบประมาณที่มาจากภาษีของคนทั้งประเทศ ไม่รู้ว่าการซื้อข้าวของชาวนาเพื่อเอาใจชาวนานั้นทำให้ประเทศต้องขาดทุนปีละเป็นแสนล้านบาท ซ้ำยังเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตตั้งแต่นักการเมืองระดับท้องถิ่น ระดับจังหวัด ระดับประเทศ
ใครวิพากษ์วิจารณ์นโยบายดังกล่าวนี้ก็จะถูกกระแสสังคมที่รัฐบาลกุมไว้ว่า เป็นพวกที่ไม่รักชาวนา เป็นพวกที่อิจฉาชาวนา ไม่เห็นใจคนยากคนจน จะปล่อยให้คนยากคนจน จนต่อไปหรืออย่างไร นักวิชาการบางสำนักถูกมวลชนเสื้อแดงยกขบวนไปด่าว่าอย่างสาดเสียเทเสีย
ทั้งหลายทั้งปวงก็ปกป้องคุ้มครองนโยบายรับจำนำข้าวเอาไว้เพื่อให้พวกเขาได้แสวงหาประโยชน์จากนโยบายดังกล่าว ได้ทุจริตคอร์รัปชันกันอย่างอิ่มหมีพีมัน
การใช้เงินไปกับพืชผลการเกษตรอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน กล่าวได้ว่าแตะตรงไหนต้องพบกับความเน่าเสียเหม็นโฉ่ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นยางพารา ปาล์มน้ำมัน หอมแดง ฯลฯ
นอกจากได้ทำมาหากินกับพืชผลทางการเกษตรแล้ว รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยังโชคดีจากภัยธรรมชาติทำให้มีโอกาสได้บริหารอภิมหาโปรเจกต์ด้วยงบประมาณมหาศาล 3 แสนล้านบาทที่เรียกกันว่า โครงการป้องกันน้ำท่วม ความเป็นจริงพวกเขาสวาปามกันตั้งแต่ครั้งประชาชนประสบภัยพิบัติช่วงที่น้ำท่วมปลายปี 2554 โน่นแล้วกินกระทั่งส้วม ข้าวห่อ ข้าวของบริจาค เอาของบริจาคมาใส่ชื่อเป็นของตัวสารพัดรูปแบบของการทุจริต และแสวงหาประโยชน์ใส่ตัว
เมื่อมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์นางสาวยิ่งลักษณ์ ก็ทำเฉย
เฉยเหมือนกับหนึ่งปีกว่าๆ ที่ผ่านมา รัฐบาลสาละวนอยู่กับการช่วย ทักษิณ ชินวัตร เริ่มตั้งแต่ช่วยให้สามารถเดินทางเข้าประเทศโน้นประเทศนี้ ช่วยให้มีหนังสือเดินทางแถมคาบไปให้ถึงที่ รวมทั้งความพยายามที่จะนิรโทษกรรมบ้าง เสนอร่าง พ.ร.บ.ปรองดองเพื่อให้พ้นผิดบ้าง
ที่สำคัญคือความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รัฐธรรมนูญมาตรา 309 ที่ยอมรับอำนาจของ คตส.เอาไว้ แต่ถ้าหากจะเจาะจงแก้มาตรา 309 ก็เกรงว่าจะถูกกระแสคัดค้านดังเช่นที่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ โดนมาแล้ว จึงทำเป็นว่าจะแก้ไขทั้งหมด เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการรัฐประหารปี 2549 แต่เมื่อถามลงในรายละเอียดว่ามีมาตราใดบ้างของรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นอุปสรรคต่อการบริหารราชการแผ่นดิน พวกเขาก็ปิดปากเงียบ
ทั้งหลายทั้งปวงนี้นำมาซึ่งความเบื่อหน่ายเอือมระอาต่อรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จนเกิดกระแสต่อต้าน
และเมื่อมีคนนำในการต่อต้าน ประชาชนที่ทนไม่ได้จึงเข้าร่วมอย่างมากมายมหาศาล ทำให้รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ใช้กำลังตำรวจเข้าปราบปรามขัดขวางการชุมนุมในปลายเดือนพฤศจิกายน
ศักราชใหม่ 2556 จึงเป็นปีที่ความขัดแย้งในหมู่ประชาชนที่ทนไม่ได้กับรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะทวีสูงขึ้น ผู้คนจะทนไม่ได้กับความพยายามของนางสาวยิ่งลักษณ์ที่จะต้องช่วยพี่ชายของเธอให้เร็วขึ้น เพราะทอดเวลาต่อไปก็ยิ่งจะยากยิ่งขึ้น ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดินโดยที่ไม่มีประสบการณ์ ขาดความรู้ความสามารถ และการปล่อยให้ทุจริตคอร์รัปชันจะหนักขึ้น
ผู้คนก็จะทนไม่ได้ยิ่งขึ้นจนกระทั่งระเบิดออกมาอย่างที่เคยเกิดขึ้นในอดีต จนทำให้จอมพลถนอม กิตติขจร จอมพลประภาส จารุเสถียร หรือ พล.อ.สุจินดา คราประยูร กระเด็นไปจากอำนาจ
รัฐตำรวจของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และทักษิณ ชินวัตรอย่าได้เหิมเกริมไป
