xs
xsm
sm
md
lg

ใกล้ปากเหวทุกทีแล้ว

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

ผ่านการชุมนุมของประชาชนที่ทนไม่ได้ ทนไม่ไหวแล้ว ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคประชาธิปัตย์ ได้คะแนนเสียงไว้วางใจท่วมท้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ตอบไม่ตรงคำถาม (หรืออาจจะเป็นความผิดของฝ่ายค้านที่ถามไม่ตรงกับคำตอบที่นางสาวยิ่งลักษณ์เตรียมมา) ดูเหมือนว่าเสถียรภาพของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์จะมั่นคงอยู่จนครบวาระ และอาจจะได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 ที่ 3 ก็อาจจะเป็นไปได้ นั่นขึ้นอยู่กับว่า ประเทศไทยจะเหลืออะไรไว้ให้เธอบริหารหรือไม่

เพราะยิ่งนานวันเธอก็พาประเทศเสี่ยงอันตราย เสี่ยงต่อความหายนะทุกเมื่อ ใครเตือนก็ไม่ฟัง แถมประชาชนที่สนับสนุนเธอจะพอใจให้เป็นอย่างนั้น

เป็นที่แน่ชัดว่า นโยบายรับจำนำข้าวสร้างความสูญเสียงบประมาณแผ่นดินเป็นแสนล้านบาท รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ยังเดินหน้าต่อ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเสียงข้างมากที่สนับสนุนรัฐบาลก็ยังหลับหูหลับตาสนับสนุน แม้ว่าฝ่ายค้านจะได้อภิปรายในสภาให้เห็นว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์โกหกเรื่องการขายข้าวระหว่างรัฐต่อรัฐ นายกรัฐมนตรีโกหกที่บอกต่อสังคมว่า เห็นสัญญาการซื้อขาย ทั้งที่พรรคฝ่ายค้านแสดงหลักฐานให้เห็นว่า รัฐขายข้าวให้เอกชนคนไทยที่ใกล้ชิดกับทักษิณ ชินวัตร มีหลักฐานว่ามีนักการเมือง คนใกล้ชิดนักการเมืองที่เป็นมือเป็นตีนให้ทักษิณกลายเป็นตัวแทนการค้า บริษัทค้าข้าวที่เคยทำมาหากินกับรัฐในช่วงที่ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี และบริษัทก็ล้มละลายไปแล้ว กลายเป็นคู่ค้ากับรัฐในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์

หลักฐานเหล่านี้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านพูด และแสดงหลักฐานชัดเจนจนนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีตอบไม่ได้ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ไม่มีปัญญาชี้แจงเพราะเรื่องง่ายๆ อย่างนี้ กล่าวคือ ถ้าหากมีการซื้อขายระหว่างรัฐต่อรัฐ ไม่ว่ากับจีน หรือกับประเทศใดก็ตาม รัฐบาลก็เพียงเอาสัญญาการซื้อขาย เอาหลักฐานการส่งออก เอาหลักฐานการชำระเงินมาแสดงต่อสภา ฝ่ายค้านก็หน้าแหกไปแล้ว

สื่อมวลชนทั้งหลายที่เก่งด้านการค้นคว้าหาข้อมูลต่างก็นิ่งเฉย แทนที่จะใช้ความสามารถที่มีอยู่ แสวงหาความจริงให้ประชาชนรู้ว่า ความจริงของการจำนำข้าวคืออะไร ใครได้ ใครเสีย ต้องใช้งบประมาณไปกับการณ์นี้สักเท่าไหร่?

รออยู่อย่างเดียวให้หายนะมาถึง

ทุกวันนี้เราต้องมานั่งถกกันว่า หนี้สาธารณะหรือหนี้ของประเทศควรจะเป็นเท่าไร 40 เปอร์เซ็นต์ หรือจะปล่อยให้หนี้ท่วมประเทศถึง 60 เปอร์เซ็นต์

บางคนบอกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ก็พอได้อยู่ แต่ต้องกู้เงินในประเทศ

ปัญหามีอยู่ว่า นางสาวยิ่งลักษณ์จะอยู่เป็นนายกรัฐมนตรีจนกระทั่งใช้หนี้สาธารณะ หรือหนี้ที่ประเทศแบกรับอยู่ทุกวันนี้จนหมดหรือไม่ หรือเอาเข้าจริงๆ รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ก็ไม่ได้มีสติปัญญาที่จะหาเงิน หารายได้เข้าประเทศมาใช้หนี้ได้ นานวันมีแต่หนี้จะเพิ่มพูน ถึงวันนั้นก็เปิดก้นไปไกลแล้ว ไม่อยู่รับผิดชอบแล้ว

เพราะในความเป็นจริง รายได้ของรัฐก็คือ ภาษี แต่เมื่อรัฐบาลนี้ดำเนินนโยบายประชานิยมมีแต่ที่จะลดหรืองดเว้นภาษี เช่น ไม่เก็บภาษีรถยนต์คันแรก บ้านหลังแรก แบกหนี้เอาไว้ให้รัฐบาลในอนาคตมารับช่วงต่อ รับไม่ได้ รับไม่ไหวก็ล้มละลายไป ต้องขายทรัพยากรในประเทศใช้หนี้เขาไป แต่นักการเมืองรวย คนใกล้ชิดนักการเมืองรวย

ย้อนกลับไปปี 2540 ซึ่งเป็นรัฐบาลพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ที่บอกว่าประเทศจะมั่นคง ประชาชนจะมั่งคั่งนั่นแหละครับ บริหารอยู่เกือบปี ประเทศก็ประสบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ นักธุรกิจล้มละลายกันเป็นแถว ประเทศต้องกู้หนี้ยืมสินกองทุนระหว่างประเทศ 4 ปีต่อมาผ่านรัฐบาลชวน หลีกภัย มาถึงรัฐบาล ทักษิณ เราคุยว่าใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนเวลา มาถึงวันนี้เรามานั่งถกกันว่า หนี้ของประเทศควรจะเป็น 40 เปอร์เซ็นต์หรือ 60 เปอร์เซ็นต์

บ้าไหมครับ?

แทนที่เราจะช่วยกันประหยัด แทนที่เราจะเก็บหอมรอมริบ เรากลับใช้เงินกันอย่างสนุกสนาน ป้ายโฆษณาผลงานรัฐบาลติดอยู่ทั่วประเทศ ทุกจังหวัด ทุกอำเภอยังไม่พอ ต้องมาโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ ในโทรทัศน์อีก กระทรวง ทบวงละหลายสิบหลายร้อยล้านบาท

บ้าไหมครับ?

ปีนี้น้ำท่วมใช้งบประมาณเป็นหมื่นเป็นแสนล้านบาท ลงทุนเพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วม กลับมาเจอภัยแล้ง แก้ปัญหาน้ำท่วมยังไม่เสร็จงบประมาณยังแบ่งกันไม่ลงตัว ต้องมาแก้ปัญหาภัยแล้งอีกแล้ว

สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่ได้มีสติปัญญาที่จะแก้ปัญหาของประเทศเลย นอกจากแก้ปัญหาเฉพาะหน้า และที่สำคัญก็คือ คิดเพียงแต่ว่า แต่ละปัญหานั้นมีงบประมาณที่จะแบ่งสันปันส่วนกันเท่าไหร่

ประเทศจึงมีหนี้เพิ่มขึ้น แต่นักการเมืองร่ำรวยขึ้นเรื่อยๆ ดูบัญชีทรัพย์สินที่พวกมันแสดงต่อ ป.ป.ช.ซิครับ มีกันเป็นสิบล้านร้อยล้านพันล้านกันทั้งนั้น และลองไล่เลียงตรวจสอบดูซิครับว่าที่มาที่ไปของเงินของความมั่งคั่งของพวกมันมาจากไหนกันแน่

รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์อาจจะบริหารจนครบเทอม และจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีกวาระที่ 3 ที่ 3

ปัญหามีอยู่ว่า จะเหลือประเทศไทยให้นายกรัฐมนตรีซึ่งมีสติปัญญาอันจำกัดนี้บริหารหรือไม่ เท่านั้นแหละครับ เพราะทุกวันนี้ก็เข้ารกเข้าพงใกล้ปากเหวเต็มทีแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น