“ดร.เฉลิม” เรียก ป.ป.ท.ส่งหลักฐานโกงเยียวยาน้ำท่วมกับมือ ลั่นใครเอี่ยวฟันหมด ยัน “ดุษฎี” ไม่ถูกเด้ง รับเสียดาย ปชป.ปัดถกไฟใต้ อ้อนขออำนาจดูแลเอง ผุดไอเดียให้เลือกผู้ว่าฯ ใน จว.ชายแดนใต้รวมภูเก็ต ขอเป็นเขตปกครองพิเศษ เล็งเสนอที่ประชุมพรรคหา ส.ส.หนุนออก พ.ร.บ. ปัดซ้ำรอยแนวทางปลุกรัฐปัตตานี
วันนี้ (7 ก.ย.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พ.ต.อ.ดุษฎี อารยวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เตรียมนำหลักฐานเกี่ยวกับการทุจริตเงินเยียวยาน้ำท่วมมามอบให้ว่า มีนัดหมายกันช่วงเวลา 17.00 น.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งเบื้องต้น พ.ต.อ.ดุษฎียืนยันว่ามีหลักฐานการทุจริตเงินเยียวยาน้ำท่วม แต่ยังไม่บอกรายละเอียด ตนจึงขอให้นำหลักฐานมามอบให้เพื่อดำเนินการต่อ และทาง ป.ป.ท.จะได้ไม่เหนื่อยเปล่า เพราะ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ตนประสานกับ ป.ป.ท.เพื่อนำข้อมูลมาบูรณาการกับคณะทำงานที่นายกฯ ตั้งไว้ ยืนยันไม่มีปัญหาไม่มีการลูบหน้าปะจมูก ตรวจพบหลักฐานถึงใครจับหมด แม้แต่คนในรัฐบาลก็ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยไปรัฐบาลก็พัง
เมื่อถามว่า มีการเมืองในฝ่ายรัฐบาลเกี่ยวข้องกับการโยกย้าย พ.ต.อ.ดุษฎีหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวปฏิเสธว่าการโยกย้าย พ.ต.อ.ดุษฎีไม่ถือเป็นการเด้ง เพราะได้ขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม โดยตนได้หารือคุยกับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม แล้วว่าจะให้ พ.ต.อ.ดุษฎีดูแล ป.ป.ท.และงานด้านปราบปรามยาเสพติด ยืนยันว่า พ.ต.อ.ดุษฎีเป็นคนดีและตนไว้ใจมาช้านาน อีกทั้งยังเป็นลูกน้อง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร. ซึ่งชอบพอกับตนอยู่
“งานนี้ผมบอกตั้งแต่ต้นแล้วว่า ถ้ารัฐบาลไม่ทุจริตอยู่ครบ 4 ปีแน่นอน และถ้ามีคนในรัฐบาลไปทุจริตแล้วไปปกป้อง มันก็อยู่ไม่ได้ ผมไม่ยอมเป็นตำบลกระสุนตก เพราะผมไม่เคยทุจริต ตรงมาตรงไป” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ส่วนกรณีที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธเข้าร่วมประชุมแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ร่วมกับรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เสียดายที่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มาร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลใดก็ตาม ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ได้ทำหนังสือแจ้งตนว่า จะขอแสดงความเห็นในที่ประชุมรัฐสภา อย่างไรก็ตาม เรื่องการเชิญหารือนั้นตนไม่ได้เป็นคนเชิญเอง แต่เป็นนายกฯที่มีบัญชาให้เชิญมาหารือ เพราะเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์มีแนวทางในการแก้ปัญหา ซึ่งรัฐบาลก็พร้อมรับฟัง โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์ระบุไว้ด้วยว่า หากพรรคประชาธิปัตย์มีข้อเสนอใด ก็ให้รับมาทั้งหมด สิ่งใดทำได้ให้ทำทันที โดยไม่รังเกียจเดียดฉันท์ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้เครดิตจากสังคม แต่เมื่อไม่มาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
ร.ต.อ.เฉลิมยังได้เปิดเผยข้อมูลเชิงลึกด้วยว่า ได้มีคนนำเอกสารหลักฐานมาให้ เป็นเอกสารที่ระบุว่าคดีหรือเหตุการณ์ไหนใครเป็นผู้รับผิดชอบ เป็นข้อมูลตั้งแต่สมัย พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็น รมว.มหาดไทย ที่มีการเผาโรงเรียน 35 แห่ง
“ข้อมูลที่ว่ามีคำอธิบายเสร็จสรรพว่าอำเภอนี้ใครหรือกลุ่มไหนเป็นผู้เผา แต่เปิดเผยไม่ได้ เพราะพอข่าวออกไปมันหมิ่นประมาท ตอนนี้ข้อมูลอยู่ในกระเป๋าผม แล้วเดี๋ยวจะเชิญ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.มาเพราะท่านอยู่ภาคใต้มานาน มาวิเคราะห์กันว่าข้อมูลที่ได้มาเป็นไปได้หรือไม่ หรือว่าเป็นการใส่ร้ายกัน” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวต่อว่า หากรัฐบาลให้ตนมีอำนาจในระดับตัดสินใจได้บ้าง จะปรับแนวทางในปัจจุบัน เหมือนสมัยที่ตนเป็น รมว.มหาดไทย ได้นำรูปแบบเมืองซีเจียง ประเทศจีน ซึ่งเป็นเมืองที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่มาก โดยเขาจะให้เลือกตั้งและปกครองกันเอง และมีรัฐบาลกลางควบคุม เหมือนกับเขตปกครองพิเศษเมืองพัทยาหรือกรุงเทพมหานคร หรือการเลือก อบต.และ อบจ. ถ้ามีโอกาสตัดสินใจจะใช้แนวทางนี้คือ การเลือกผู้ว่าราชการจังหวัดใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยืนยันว่าไม่มีการแบ่งแยกดินแดนเพราะรัฐบาลกลางคุมอยู่
“ที่พูดวันนี้ ใครไม่เห็นด้วยอย่าโกรธ และจะนำเรื่องนี้ไปคุยกับ ส.ส.ในพรรคเพื่อไทยเพราะต้องออกเป็นพระราชบัญญัติ แต่จะยังไม่เสนอนายกฯ โดยตรง เพียงแค่คุยกับพรรคพวกในพรรคว่าจะเห็นด้วยหรือไม่” ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว
เมื่อถามว่าแนวคิดนี้จะแก้ปัญหาได้อย่างไร ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ถ้าเขามีผู้ทำที่มาจากการเลือกตั้งที่มีความเข้าใจกันดี รู้วัฒนธรรมความเป็นมา ซึ่งข้าราชการบางคนนั้นมีความเป็นศักดินา ยศถาบรรดาศักดิ์ แต่ก็เป็นเพียงแนวคิดที่ตนเสนอ ใครไม่เอาด้วยอย่าด่า ส่วนเรื่องของการสร้างอิทธิพลในพื้นที่นั้นตนเชื่อว่าไม่มีเพราะเขาต้องระมัดระวัง ถ้ามีอิทธิพลในพื้นที่ต่อไปก็ไม่ได้รับการเลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า แนวคิดนี้คล้ายกับที่ พล.อ.ชวลิตเคยเสนอหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า อันนั้นเป็นแนวคิดนครรัฐปัตตานี แต่ของตนเสนอเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดใน 3 จังหวัดรวมถึงภูเก็ตด้วย เชื่อว่ามันน่าจะดีขึ้น ร.ต.อ.เฉลิมได้กล่าวย้อนถึงกรณีที่เคยระบุว่ามีผู้ร่วมก่อการเสนอมอบตัว 42 คนด้วยว่า บางรายถูกจับตามกฎประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ป.วิอาญา) มีคดีที่รับไม่ได้ เช่น ฆ่าคนตายหรือพยายามฆ่า ซึ่งญาติผู้เสียหายเขาไม่ยอม ถ้าถูกจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ อาจจะได้ แต่จำนวนนี้มีแต่ ป.วิอาญาเท่านั้น