xs
xsm
sm
md
lg

“ไวต์ลาย-ประชานิยม” ทำพิษ นักธุรกิจโอดปีหน้าลำบาก “มาร์ค” แนะ ปชช.จับตา รบ.ใช้เงินภาษี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

(แฟ้มภาพ)
“บุญชัย” รับนักธุรกิจอึดอัด รบ.โกหกสีขาว-ประชานิยมเหลว ข้องใจต่างชาติย้ายหนีแต่ตัวเลขผู้ลงทุนยังสูง ชูไทยมีดีหลายด้านขาดประชาสัมพันธ์ รับไม่ได้สังคมยอมรับการโกง แฉใช้แบรนด์ “ซื่อสัตย์” เสนอราชการกลับถูกเมิน เหตุจี้ใจดำ ด้าน “อภิสิทธิ์” แจงต่างชาติมองอาเซียนโตสุดในโลก ไทยเป็นศูนย์กลางจึงมีนักลงทุนอยู่ ชี้ รบ.มีเสียงข้างมากเดินหน้าสบาย แต่ชะงักเหตุแก้ รธน.เพื่อนายใหญ่ วอนยุติ ติงสื่อเชลียร์รัฐทำสังคมเสื่อม มองความดี เป็นวาทกรรม เสียงแยะทำไม่ผิด ชี้ความผูกพันปราบโกง ให้ ปชช.เห็นค่าภาษี รบ.ผลาญไม่ได้ “สุรัสวดี” ย้ำสังคมช่วยกัน อย่าพึ่งแต่รัฐ รับ ปชช.มีปัญหาความเชื่อกับความจริง

วันนี้ (26 ธ.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านฯ เข้าร่วมงานเสวนา “โอกาสประเทศไทยปี 2556” โดยมีผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายบุญชัย โชควัฒนา ส.ว.วรรหา และประธานกรรมการสหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) และ น.ส.สุรัสวดี เชื้อชาติ (แหม่ม มาม่าบลูส์) ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาอิสระ และรองศาสตราจารย์ ดร.วรากรณ์ สามโกเศศ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ โดยมี ดร.วิทย์ สิทธิเวคิน เป็นพิธีกร

นายบุญชัยกล่าวถึงดัชนีทางเศรษฐกิจภาพรวมในปี 2554 ว่า ทั้งปีธุรกิจอึดอัดเพราะสถานการณ์มีปัญหาและกำลังซื้อในตลาดไม่ค่อยดี เพราะส่วนหนึ่งประชาชนหรือผู้บริโภคไม่มั่นใจในสิ่งแวดล้อม การเมือง ของแพง น้ำท่วม ทำให้ใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง กำลังซื้อจึงตกไป การจะบอกว่าปีหน้าเป็นอย่างไรจึงยาก เพราะประชาชนมีความรู้สึกไม่มั่นใจ เนื่องจากปีที่ผ่านมามีเหตุการณ์ที่คาดไม่ถึง ในปีหน้าถ้ายังเป็นรูปแบบเดิมกำลังซื้อในตลาดก็จะเหมือนเดิม แม้ตัวเลขจะค่อนข้างออกมาเป็นบวก แต่สำหรับผู้ประกอบการคิดว่าปีหน้าเป็นปีที่เราต้องลำบากเต็มๆ

ทั้งนี้ ตัวเลขเศรษฐกิจที่รัฐบาลชี้แจงนั้นไม่มีความมั่นใจได้ว่าเป็นตัวเลขจริงหรือไม่ เพราะมีความขัดแย้งในเรื่องข้อมูลมาก เช่น กรณีการส่งออกเคยบอก 15% ต่อมาไม่ใช่กลายเป็นโกหกสีขาว นักธุรกิจไม่สบายใจมีการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จ อีกทั้งตลอดเวลาที่ผ่านมาการทำประชานิยมของรัฐบาลมิได้เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง เป็นเรื่องใช้ไม่ได้ผิดรูปแบบไปหมด เช่น จำนำข้าวขัดแย้งกลไกตลาด และยังมีปัญหาที่จะเกิดขึ้นคือการทุจริตภาคธุรกิจมองออก รวมถึงการขึ้นค่าแรง 300 เราก็มีผลกระทบมาก ใน 7 จังหวัดแรก ธุรกิจหลายอย่างก็ได้รับผลกระทบต่อต้นทุนสูงขึ้นทำให้การแข่งขันในการส่งออกทำได้ยากขึ้น เสียตลาดให้เวียดนาม กัมพูชา และพม่า ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจในสิ่งแวดล้อมปัจจัยในเรื่องต้นทุนก็ไม่มีอารมณ์จะลงทุนในประเทศไทยเท่าไหร่ แต่ไม่เข้าใจว่าตัวเลขผู้ลงทุนเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวได้อย่างไร

นายบุญชัยกล่าวถึงโอกาสในปี 2556 ว่า ประเทศไทยมีอะไรดีๆ เยอะที่ไม่ค่อยมีใครพูดถึง เช่น กทม.เป็นเมืองที่น่าเที่ยวที่สุดก็ไม่ค่อยมีการนำเสนอเท่าไหร่ คนไทยอ่อนน้อมถ่อมตน เมืองไทยมีค่าใช้จ่ายถูกที่สุด ถูกกว่าพม่าที่เป็นประเทศเปิดใหม่ รวมถึงศิลปะและวัฒนธรรม แต่สิ่งที่ไม่ดีก็คือ ช่วงเวลาที่ผ่านมาซึ่งต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลงประเทศจึงจะดีขึ้น ถ้าผู้มีอำนาจเห็นจุดอ่อนระบบการบริหารงานที่ผ่านมาและตัดสินใจแก้ไขคิดว่าประเทศไทยรุ่งโรจน์แน่นอน ส่วนเสถียรภาพทางการเมืองของประเทศนั้น ตนคิดว่าเราต้องไม่ชินกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง เช่น คนรุ่นใหม่ชินกับการคอร์รัปชัน เป็นเรื่องที่อันตรายสำหรับประเทศ ตนไม่ยอมรับเรื่องเหล่านี้ เดี๋ยวนี้เราไม่ได้ยินคำว่า ซื่อสัตย์ ท่องศีล 5 ไม่ได้ จึงทำสินค้าใช้ชื่อว่า “ซื่อสัตย์” ไม่มีผงชูรส เน้นเอาสินค้าดีๆ ให้ผู้บริโภคและทุกชิ้นของสินค้าจะมีคำสอนว่าคนดีเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ตนเคยเอาสินค้าซื่อสัตย์ไปให้หน่วยงานราชการหนึ่งแต่เขาส่งคืนหมดเพราะตะขิดตะขวงใจกับคำว่า “ซื่อสัตย์” ทั้งที่เป็นเรื่องสำคัญมาก หากสังคมยังเป็นอย่างนี้ประเทศชาติไม่เจริญ อันดับการทุจริตก็แย่ลงเรื่อย ๆ ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์ในสังคม ไม่ว่าจะเป็นเอกชน การเมือง ข้าราชการ ประเทศไทยไม่มีทางเจริญ

ด้านนายอภิสิทธิ์กล่าวว่า สังคมไทยคนไทยมีจุดแข็งมากที่ทั่วโลกยอมรับหลายอย่างเป็นต้นทุน แม้การจัดอันดับหลายเรื่องจะแย่ลง จึงอยากบอกว่าชีวิตของคนไทยสภาวะแวดล้อมที่เกิดในไทยจะปี 2555 หรือ 2556 คงไม่จมอยู่กับปัญหาการเมืองหรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลเสมอไปยังมีโอกาสการริเริ่มแสวงหาโอกาสได้เพื่อให้ชีวิตและสังคมเดินไปข้างหน้า ทั้งนี้ 2556 เป็นปีที่ไทยใกล้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของประชาคมอาเซียนมากขึ้น เราเป็นศูนย์กลางของอาเซียนและประเทศที่กำลังจะเป็นสมาชิกใหม่เราก็ยังทำตัวเป็นศูนย์กลางได้ ด้วยการเพิ่มความพร้อมในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ระบบราง การปรับปรุงถนน ทำให้การติดต่อไปมาค้าขายสะดวกขึ้น ก็เป็นโอกาสมหาศาลทั้งเศรษฐกิจและสังคม ตัวเลขที่ยังมีการลงทุนในไทยเพราะมองว่าภูมิภาคนี้เติบโตมากที่สุดในโลกและไทยยังเป็นศูนย์กลางได้

ส่วนในทางการเมืองจะเดินไปข้างหน้าได้หรือไม่นั้น ตนเห็นว่าไม่ใช่เรื่องยาก เพราะความจริงปีที่ผ่านมาก็สามารถก้าวพ้นหลายเรื่องได้ เนื่องจากรัฐบาลมีเสถียรภาพเพราะมีเสียงข้างมาก ถ้าเดินหน้าผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าด้วยการเสริมโอกาสให้ประเทศก้าวให้พ้นความขัดแย้งทางการเมือง และดึงพลังคนไทยในช่วงน้ำท่วม แต่สุดท้ายการเมืองติดหล่มในเรื่องเดิมคือ ปัญหารัฐธรรมนูญ นิรโทษกรรม และความขัดแย้งเรื่องการเลือกปฏิบัติ มีการกลั่นแกล้ง ทั้งที่ก้าวพ้นได้ แต่คนที่มีอำนาจไม่ตัดสินใจ เราผ่านวันสิ้นโลกมาแล้วน่าจะตั้งต้นกันใหม่ จึงเห็นว่าในปีหน้านายกฯจะตัดสินใจจบเรื่อง รัฐธรรมนูญและกฎหมายล้างผิด หันมาแสวงหาประโยชน์ให้ประเทศที่กำลังเข้าเป็นประชาคมอาเซียน ร่วมมือกับธุรกิจสะสางปัญหาการทุจริต และสร้างพลังทางสังคมให้เกิดการเติบโตในจุดใหม่ๆ ส่วนนโยบายที่สัญญาไว้เมื่อมีปัญหาก็ต้องทบทวนนโยบายว่าจะทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร เช่นจำนำข้าวใช้สองแสนล้านถึงมือชาวนาแสนล้าน จะทำอย่างไรที่จะลดส่วนต่างที่สูญเสียลง รวมถึงค่าแรง 300 บาท ก็ต้องมีมาตรการเยียวยาชดเชยในช่วงระยะเปลี่ยนผ่าน เพื่อก้าวข้ามปัญหาเดินไปข้างหน้า จึงขอเรียกร้องไปยังรัฐบาลด้วยเพราะเป็นผู้มีอำนาจที่สามารถชี้อนาคตประเทศไทยได้ว่าจะให้ปี 2556 เป็นอย่างไร

นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อว่า โอกาสสำคัญของประเทศคือ ต้องทำให้การนำประเทศเอื้อต่อการสร้างโอกาสจะไปไกลได้มากกว่านี้ จึงต้องจุดประกายความคิด คือ 1. ที่มีการพูดว่าความดีไม่ใช่เรื่องต้องพูดนั้น ตนไม่แปลกใจเพราะมีกระบวนการบิดเบือน เช่น มติชน ข่าวสด ทำให้คำว่าความดีเป็นเพียงแค่วาทกรรม เสียงข้างมากมีสิทธิทำอะไรก็ได้ ซึ่งเป็นความคิดที่ใช้ไม่ได้ ตนไม่ปฏิเสธว่าเราไม่ควรเอาคุณค่าหรือความคิดของคนคนหนึ่งไปยัดเยียดให้อีกคนหนึ่งและยอมรับกติกา ปชต.เคารพเสียงข้างมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าเสียงข้างมากลบความดี ความจริง ความยุติธรรมได้ เป็นคนละประเด็นกัน ต้องไม่ทำลายสังคมด้วยการสร้างวาทกรรมเพื่อให้สอดคล้องกับวาระของตัวเอง ซึ่งตนจะสู้ถึงที่สุดเพราะความดีไม่ใช่วาทกรรมแต่แยกแยะได้ เรื่องนี้เป็นขบวนการที่น่ากลัวทำทุกอย่างเพื่อรับใช้เป้าหมายทางการเมือง ประเทศจะมีความแตกแยก 2. การยอมรับการคอร์รัปชัน ตนไม่คิดว่าเป็นปัญหาเฉพาะคนไทย แต่ในประเทศอื่นก็มีการทดลองเรื่องความซื่อสัตย์ พบว่าคนที่ไม่ซื่อสัตย์เพราะคิดว่าไม่ได้สร้างความเสียหายให้ใคร แต่ถ้ามีความผูกพันกันก็จะไม่โกง จึงเป็นเรื่องที่ต้องมาช่วยกัน ที่นักศึกษาตอบว่ารับคอร์รัปชันได้เพราะไม่เห็นความเสียหาย แต่ถ้าเด็กถูกโกง พ่อแม่ถูกโกงจะยอมรับได้หรือไม่ ตนเชื่อว่าไม่ยอมรับ หัวใจต้องมาทำในสิ่งที่ทำน้อยเกินไปคือ ทำให้คนมองเห็นว่าการทุจริตเป็นความเสียหายที่เกิดขึ้นกับทุกคนจริงๆ ดังนั้นการจะสร้างสังคมที่ดีนั้นต้องคิดถึงส่วนรวมคนมีหน้ที่ปกป้องสังคมอย่คิดเพียงแค่ว่าเป็นคน ๆ หนึ่งในสังคมนั้น การจะต่อต้านการทุจริตนั้นจึงอยากปลุกระดมว่าทุกคนเสียภาษี ถ้ารัฐบาลทำเงินหายไปแสนล้านก็เท่ากับประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของเงินต้องเรียกร้องได้ว่ารัฐบาลอย่าทำเงินประชาชนหาย แต่ถ้าประชาชนมองไม่เห็นความเสียหายจะกัดกร่อนประเทศไปเรื่อยๆ จนเป็นอันตรายต่อประเทศในที่สุด

ขณะที่ น.ส.สุรัสวดีมองว่า โอกาสของประเทศไทยในปี 2556 ต้องดูว่าโอกาสหมายถึงอะไรและเราเปิดโอกาสให้กับตัวเองแค่ไหนก่อนที่จะเปิดโอกาสให้ประเทศไทย ตนทำหนังโฆษณาหลอกลวงมาครึ่งชีวิต จนกระทั่งรู้สึกไม่ไหวจึงออกมาทำงานส่งเสริมสังคมมากขึ้น ทำให้รู้จักคำว่า “คน” มากขึ้น เป็นโอกาสที่ต้องเริ่มจากตัวเราไปก่อนจึงจะนำประเทศได้ โดยเห็นว่าการช่วยเหลือซึ่งกันและกันในสังคมมีความสำคัญมาก ส่วนในภาคของนายทุนกับชนรากหญ้านั้น เมื่อสังคมรวมกลุ่มมากขึ้นในการเกื้อกูลกันที่จะทำให้เกิดโอกาสในประเทศชาติ ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นจะต้องยอมรับตนเองให้ได้ว่าเกิดเพราะอะไร และเริ่มที่ตัวเองก่อนว่าจะแก้ไขอย่างไร ฐานรากของประเทศคือคนที่ต้องให้โอกาสกับตัวเองรู้สิทธิของตัวเองบนเส้นทางประชาธิปไตย ไม่ให้ใครมาลิดรอนสิทธิของตัวเอง ต้องรู้เจตนารมณ์ของผู้นำรัฐบาล และสามารถทวงสิทธิของตัวเองได้ แต่ถ้าไม่ยอมรับข้อเสียประเทศไม่มีทางพัฒนา ดังนั้น การสร้างเครือข่ายจากฐานรากคือคนไทยทวงสิทธิของตัวเองเพื่อสร้างสังคมที่เข้มแข็งมากกว่าการพึ่งพาอำนาจรัฐ ซึ่งจะทำให้เกิดความเข้มแข็งในส่วนของภาคประชาชนด้วย

ทั้งนี้ยังเห็นว่า สังคมมีปัญหาในเรื่องความเชื่อและความจริง เพราะมีสื่อที่ไม่น่าเชื่อถือเพิ่มขึ้นและเลือกเสพสื่อที่ตัวเองชอบ แต่คนต้องมีวิจารณญาณในการวินิจฉัยข้อมูลด้วย โดยมองที่ความถูกต้อง จริยธรรม ศีลธรรม อย่างไรก็ตาม มีความพยายามล้างสมองเปลี่ยนแปลงคนไทยด้วยการสร้างชุดความคิดใหม่ หรือสร้างจุดยืนให้ดูตัวเองแตกต่างให้ดูฉลาดกว่าจะชั่วก็ได้ ที่น่าเสียดายคือนักศึกษาเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ยอมรับการโกงได้เมื่อมีการสำรวจความเห็น และคิดว่าประเทศไทยไม่ได้อยู่ในมือใคร แต่อยู่ที่คนไทยทุกคน


กำลังโหลดความคิดเห็น