xs
xsm
sm
md
lg

“เหลิม” ดึงคุยในมุ้งแก้ รธน.เร่งเขียน 9 ข้อชง โยน “ปู” เปลี่ยนใจ? ป้อง “แจ๊ด” ไม่คิดเล็กคิดน้อย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี (แฟ้มภาพ)
“เฉลิม” แนะคุยแก้รัฐธรรมนูญในพรรคก่อน ชี้สิ่งใดที่รู้แล้วว่าทำไม่สำเร็จจะเสียเวลา พร้อมเร่งเขียนแก้ 9 ประเด็นชง พร้อมแจงประชามติเปรียบเทียบเลือกตั้งไม่ได้ ถามจะได้หรือ 24.6 ล้านเสียง ย้ำจูงคนมาใช้สิทธิยาก โยนถามนายกฯ เปลี่ยนใจหรือไม่ รับสุดงงคดี “ราเมศ” ลั่นไม่เคยพูดไม่ใช่เรื่องการเมือง ป้อง “คำรณวิทย์” นักเลงไม่คิดเล็กคิดน้อย จ่อไปเชียงรายคุมด่านจับยาบ้า เผยพวกค้าเริ่มเข้าอีสานแทน

วันนี้ (20 ธ.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานรัฐสภา ออกมาแสดงความเห็นด้วยต่อการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตราว่า ได้พูดเรื่องนี้มาหลายวันติดต่อกันจึงไม่ขอแสดงความคิดเห็น อยากให้นำเรื่องนี้ไปหารือในพรรคเพื่อไทยเท่านั้น โดยตนได้เตรียมคำอธิบายไว้เรียบร้อยแล้ว เรื่องนี้ไม่อยากให้เข้าใจผิดว่าภายในพรรคคุยกันรู้เรื่อง เพียงแต่มีคนเก่งหลายคนก็พูดกันไป แต่ตนก็มีความคิดว่าสิ่งใดที่ทำแล้วสำเร็จก็ควรทำ หากทำแล้วรู้ว่าไม่สำเร็จเกรงจะเกิดปัญหา ทำให้เสียเวลาการทำงาน สำหรับความคิดเห็นของตนก็ได้รับการสนับสนุนจาก ส.ส.ในพรรคหลายคน โดยมีแนวทางแก้ไขรายมาตราอยู่ 9 ประเด็น จะเร่งเขียนให้เสร็จเพื่อนำไปพูดกับคนในพรรค

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องการทำประชามติบางคนไปรีบพูด หากไปดูรัฐธรรมนูญมาตรา 165 และพอมาดูมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ. 2552 ในวรรคหลัง ไม่ได้ดูวรรคแรก ซึ่งวรรคแรกระบุไว้ว่าต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง ส่วนวรรคสองระบุไว้ว่าเมื่อผู้มีสิทธิมาออกเสียงเกินกึ่งหนึ่งแล้วก็ต้องได้เกินกึ่งหนึ่งของผู้มาออกเสียง องค์ประกอบอันแรกหากเสียงไม่ถึง คือไม่มีคนมาใช้สิทธิเกินกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิก็จบแล้ว

“ผมจะอธิบายให้ฟังว่า 1. การใช้สิทธิแบบนี้ คนไม่มาใช้สิทธิก็ไม่เสียสิทธิ 2. ไม่มีการกระตุ้นเตือน เพราะไม่ใช่การสมัครผู้แทนฯ 3. ไม่มีการลงคะแนนล่วงหน้า คนก็ไม่มาใช้สิทธิ อยู่ กทม.ก็ไม่กลับบ้าน 4. เรื่องนี้เปรียบเทียบกับการเลือกตั้งไม่ได้ เพราะการเลือกตั้งประชาชนอยากเห็นรัฐบาลเปลี่ยนแปลง และ 5. เรื่องรัฐธรรมนูญพี่น้องส่วนหนึ่งมองเป็นเรื่องไกลตัว องค์ประกอบทั้งหมดนี้มาคิดดูแล้วจะได้หรือ 24.6 ล้านเสียง” ร.ต.อ.เฉลิมระบุ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากทำประชามติไม่ผ่านรัฐบาลจะต้องแสดงความรับผิดชอบหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยกล่าวเพียงว่าเหตุการณ์ยังมาไม่ถึง ส่วนรัฐบาลจะเปลี่ยนใจไม่ทำประชามติหรือไม่นั้นต้องไปถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ส่วนตนอธิบายได้เพียงหลักการ อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำว่าการจูงใจให้คนมาลงประชามติถือเป็นเรื่องยาก และการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ก็ไม่เกี่ยวกับการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะคดีความได้มีการตัดสินไปแล้ว

ร.ต.อ.เฉลิมยังได้กล่าวถึงความคืบหน้าคดีที่นายราเมศ รัตนะเชวง รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ถูกทำร้ายร่างกายว่า ได้รับรายงานว่ามีพยานเห็นคนที่ซ้อนท้ายจักรยานยนต์ลงไปทำร้ายแล้วรีบมานั่งซ้อนท้ายรถตามเดิม ซึ่งปกติคนที่ขับรถก็จะรีบขับรถหนีไป แต่ครั้งนี้กลับกลายเป็นว่าเมื่อคนซ้อนท้ายลงไปทำร้ายโดยใช้ของแข็งฟาดจนสลบไปแล้วขึ้นมานั่งรถต่อ แล้วคนขับรถลงไปกระทืบซ้ำอีก ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทำตนงงเหมือนกัน และยังไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไร มันเป็นไปได้ทั้งนั้น ทั้งการเมือง ส่วนตัว หรือการค้าก็ได้ทั้งนั้น และขอปฏิเสธว่าตนไม่เคยพูดว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องการเมือง อย่างไรก็ตามขณะนี้ผู้เสียหายยังให้การไม่ได้

เมื่อถามถึงกรณีที่มีการพาดพิงถึง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) เนื่องจากครั้งหนึ่งนายราเมศเคยเดินทางไปร้องเรียนต่อผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ให้ตรวจสอบหลังจากให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประดับยศให้ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า เรื่องนั้นเป็นเรื่องเล็ก และนายราเมศก็ไม่ใช่คนตัดสิน นายราเมศไปร้องได้คนอื่นก็ร้องได้ เมื่อถามว่าได้มีการสอบถาม พล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นการส่วนตัวในเรื่องนี้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า “ถาม แจ๊ดเขาคนนักเลง เขาตำรวจบู๊ลิ้ม ไม่คิดเล็กคิดน้อย”

ส่วนข้อเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนตัวนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในการพิจารณาคดีที่เกี่ยวกับการสลายการชุมนุมเมื่อปี 2553 เพราะเกรงว่าจะไม่เป็นธรรมนั้น ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ตราบใดที่ตนรับผิดชอบก็ต้องมีความเป็นธรรม ไม่เป็นธรรมไม่ได้ ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก ไม่ว่าฝ่ายไหนจะไม่ได้รับการยกเว้นทั้งนั้น สำหรับนายธาริตนั้นเป็นอธิบดีซึ่งต้องรับผิดชอบในภาพรวม ดังนั้นคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร

รองนายกรัฐมนตรีเปิดเผยด้วยว่า กำลังเตรียมการสกัดกั้นขบวนการค้ายาเสพติดในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยเร็วๆ นี้ตนจะเดินทางไป จ.เชียงราย เพราะถือว่าเป็นด่านสำคัญหากเราสามารถคุมเข้มที่จุดนี้ได้ก็จะทำให้การลักลอบยาเสพติดยากขึ้น และจากการหารือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ก็เห็นพ้องกันว่าต้องมีมาตรการพิเศษ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเข้มงวด ละเลยไม่ได้ สำหรับกับประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะพม่านั้นให้ความสำคัญในเรื่องการปราบปรามยาเสพติดและเขาบอกว่าอีก 3 ปีที่จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียนเขาจะหยุดยาเสพติดในชนกลุ่มน้อยให้ได้ ซึ่งก็ถือเป็นข่าวดี สำหรับเราคงไม่มีบารมีจะไปกดดัน แต่จีนเขามีบารมีเพราะเขาผูกพันกับพม่า อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่าเราทราบเส้นทางของยาเสพติดประมาณ 90% แต่บางส่วนเริ่มหันไปทางภาคอีสานบ้างแล้วประมาณ 10%

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวถึงการตั้งด่านตรวจสอบในขณะนี้ว่า ปกติมีการตั้งด่านอยู่แล้ว ในอดีตมีการตั้งด่านเฉพาะเส้นทางหลัก แต่สมัยนี้ตนสั่งให้ตั้งด่านในเส้นทางรอง และเพิ่มจุดตรวจด้วย เอาตำรวจตะเวนชายแดนไปช่วย และที่พบว่ามีการจับยาเสพติดได้มากก็เพราะตำรวจมีศักยภาพ ส่วนเครื่องมือเอ็กซ์เรย์นั้นยังไม่เพียงพอ ซึ่งจะซื้อใหม่งบประมาณก็ไม่มี ขอไปทางสำนักงบประมาณก็บอกว่าให้ค่อยเป็นค่อยไป อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่าสถานการณ์ยาเสพติดในปีหน้านั้น หากไม่หมดก็เหลือน้อยแล้วเพราะเจ้าหน้าที่เอาจริง


กำลังโหลดความคิดเห็น