“ชวนนท์” รับไม่แปลกใจ “ธาริต” เร่งตั้งข้อหาฆ่าเสื้อแดง สองแกนนำพรรค ปชป.หวังไร้เอกสิทธิ์เหตุสภาใกล้ปิด ชี้ตั้งธงตีกินคำสั่งศาล หลังไต่สวนแค่ฝั่งเดียว แถมไม่ระบุชัดใครฆ่า ยันคำสั่ง ศอฉ.ไม่เคยฆ่าใคร ชี้ศาลแค่บอกสาเหตุการตาย ซัดบิดเบือนหวังบีบร่วม พ.ร.บ.ปรองดอง มั่นใจสองแกนนำพรรคพร้อมสู้ เตือนดีเอสไอเชลียร์ รบ.ออกนอกหน้า ความจริงกระจ่างหนีความรับผิดชอบไม่พ้น
วันนี้ (6 ธ.ค.) นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ DSI ออกหมายเรียกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ โดยตั้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเล็งเห็นผลในกรณีการเสียชีวิตของนายพัน คำกองว่าเป็นการใช้อำนาจรัฐในทางที่ผิดเพื่อคุกคามฝ่ายตรงข้าม และตนรู้สึกไม่แปลกใจที่ DSI นั้น ต้องรีบเร่งกระทำการเรื่องดังกล่าว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีวัตถุประสงค์ทางการเมือง และพยายามที่จะทำเรื่องนี้ในช่วงที่ปิดสมัยประชุมสภา เพื่อที่จะให้ทั้ง 2 ท่านไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง
นายชวนนท์กล่าวว่า ตนขอเตือนกรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยเฉพาะนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ว่าในเรื่องนี้สังคมเห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า การกระทำดังกล่าวมีความจงใจที่จะตั้งข้อหาให้ได้ ทั้งในแง่การสืบสวนสอบสวนที่มีการตั้งธงจะเอาผิดผู้ออกคำสั่งในนาม ศอฉ. รวมทั้งการไต่สวนของศาลนั้นก็เป็นการไต่สวนมูลเหตุเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่มีผู้ที่ถูกกล่าวหาหรือผู้ถูกกล่าวหาที่จะไปแก้ต่างให้กับตนเองได้ รวมทั้งคำสั่งของศาลว่าการเสียชีวิตของนายพัน คำกองนั้น เกิดจากฝีมือของเจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเจ้าหน้าที่คนไหน หรือหากจะอ้างว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของ ศอฉ. ตนก็ยืนยันว่าไม่มีคำสั่งของ ศอฉ.ฉบับไหนที่สั่งให้ทหารไปใช้ความรุนแรงกับประชาชน หรือสั่งให้ทหารไปฆ่าประชาชน เพราะมีแต่เพียงคำสั่งที่ให้ทหารออกไปรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองจากกลุ่มผู้ก่อการร้าย หรือชายชุดดำ ดังนั้นจึงเป็นการตีเจตนาว่าเป็นการเล็งเห็นผลนั้นไม่ได้
“การที่จะเอาคำสั่งของศาลมาตีความว่าทั้ง 2 ท่านเป็นผู้ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หรือเล็งเห็นผลนั้นยิ่งเป็นการตีความที่ไม่ได้อยู่บนพื้นฐานของกฎหมาย หรือขัดต่อบทบัญญัติของกฎหมายแทบทั้งสิ้น เพราะคดีที่ศาลมีคำสั่งนั้นเป็นเพียงการไต่สวนว่าผู้ตายเป็นใคร ตายเมื่อไหร่ ตายอย่างไร ตายที่ไหน แต่ไม่มีในคำสั่งศาลเลยที่ชี้ว่า คุณอภิสิทธิ์ หรือคุณสุเทพ เป็นคนสั่งหรือเกี่ยวข้อง ดังนั้นเรื่องดังกล่าวจึงเป็นความพยายามที่จะนำกระบวนการยุติธรรมมาบิดเบือนเพื่อเอาผิดกับบุคคลทั้งสองหวังเพียงเพื่อกดดันฝั่งของพรรคฝ่ายค้านให้ยอมรับกระบวนการปรองดองและการนิรโทษกรรม” นายชวนนท์กล่าว
อย่างไรก็ตาม ตนยืนยันว่าบุคคลทั้งสองพร้อมที่จะต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ถอยหนีไปไหน และพร้อมจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ว่าไม่เคยมีการใช้อำนาจรัฐเกินขอบเขตหรือสั่งให้ทหารทำร้ายประชาชน ดังนั้นเรื่องนี้ผู้ที่ออกคำสั่งหรือตั้งข้อหาโดยมิชอบจะต้องรับผิดชอบและขอเตือนข้าราชการที่ทำงานรับใช้นักการเมืองจนออกนอกหน้า จนทำให้กระบวนการของบ้านเมืองนั้นเสียหายไปเพียงเพื่อต้องการความเจริญก้าวหน้าในอาชีพการงาน ว่าสุดท้ายแล้วคนเหล่านี้ก็จะหนีไม่พ้นความรับผิดชอบ เพราะสุดท้ายความถูกต้องและความจริงก็จะถูกเปิดเผย ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกคุณไม่มีวันเปลี่ยนแปลงได้