ASTVผู้จัดการรายวัน-“ดีเอสไอ”แฉทุจริตครุภัณฑ์ 5,300 ล้าน โยงอดีตรมต. พรรค.ปชป. สั่งสอบปากคำ 15 พ.ย.นี้ ด้าน “ชินวรณ์” ลั่นพร้อมชี้แจง ยันไม่มีเอี่ยว ขณะที่ “ พงศ์เทพ “ มอบปลัด ศธ.ศึกษาข้อกฎหมาย ศธ.มีอำนาจพักราชการ 2 ขรก.ประจำพัวพันทุจริตหรือไม่
วานนี้ ( 12 พ.ย. ) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงผลสรุปเบื้องต้นคดีทุจริตโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา (เอสพี 2 ) ภายใต้โครงการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ในวงเงินงบประมาณ 5,300 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ว่า ผลสอบสวนพบมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตจำนวน 4 ราย คือ นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ อดีตรมว.ศึกษาธิการ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีตรมช.ศึกษาธิการ นายเจี่ยง วงศ์สวัสดิ์สุริยะ ผอ.สำนักนโยบายและแผนการอาชีวศึกษา และนายบำรุง อร่ามเรือง ผอ.วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทั้งหมดร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำให้สอศ. กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับความเสียหาย ทางดีเอสไอจึงต้องส่งสำนวนคดีนี้ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อไต่สวนต่อไป
“ดีเอสไอส่งสำนวนให้ป.ป.ช. แล้ว แต่ตามพ.ร.บ. การสอบสวนคดีพิเศษฉบับแก้ไขเพิ่มเติมได้กำหนดให้ดีเอสไอยังสามารถสอบสวนต่อไปอีกได้ จนกว่า ป.ป.ช. จะมีมติอย่างอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องสอบขยายผลไปยังบุคคลอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในเบื้องต้นพบว่า 4 คนเป็นหัวขบวนสำคัญ จึงต้องเชิญตัวมาให้ปากคำในฐานะผู้ถูกกล่าวหาในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ได้ทำหนังสือแจ้งเจ้าตัวให้รับทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะมาหรือไม่” นายธาริต กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีความเชื่อมโยงถึงน.ส.ศศิธารา พิชัยชาญรณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะอดีตเลขาธิการ สอศ. หรือไม่นั้น เบื้องต้นดีเอสไอยังกันไว้พยาน เนื่องจากก่อนหน้านี้น.ส.ศศิธารา ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมพร้อมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ซึ่งดีเอสไอยังไม่ได้ตัดประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของผู้ใด รวมถึงไม่ตัดสิทธิ์ที่ป.ป.ช.จะไต่สวนขยายผลไปยังบุคคลอื่นเพิ่มเติมด้วย
ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.ประชาธิปัตย์ และอดีต รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับหนังสือจาก ดีเอสไอ แต่ยืนยันว่า พร้อมไปชี้แจ้งเพราะตนไม่ได้มีส่วนกับการทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา จริงอยู่ว่าผมเป็น รมว.ศึกษาธิการ ในช่วงที่มีการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา แต่ได้มอบให้น.ส.นริศรา เป็นผู้กำกับดูแลสอศ. การจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษานั้น ตามกระบวนการถือเป็นเรื่องของ สอศ. มี เลขาธิการสอศ.เป็นคนดูแลและขึ้นตรงกับ รมช.ศึกษาธิการ ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเพราะถือว่า รมช.ศึกษาธิการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน แค่ติดตามการดำเนินการเป็นระยะ ๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่นั้น การร้องเรียนยังไม่มีเข้ามา เพราะการจัดซื้อจัดยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น ทั้งนี้ ตนยืนยัน ว่าพร้อมไปชี้แจ้ง และมั่นใจว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ด้าน นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อดีเอสไอแถลงผลสอบเบื้องต้นออกมาว่ามี ข้าราชการประจำ 2 ราย คือ นายเจี่ยง วงศ์สวัสดิ์สุริยะ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการอาชีวศึกษา และนายบำรุง อร่ามเรือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตการขัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ดังนั้น ก็จะต้องมาดูว่า ทั้ง 2 ราย ถูกตั้งกรรมการสอบสวนแล้วหรือยัง หากยังไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวน ก็จะต้องตั้งขึ้นมาและให้การสอบสวนดำเนินการไปตามขั้นตอน เริ่มจากการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามด้วยการตั้งกรรรมการสอบวินัยในกรณีที่พบว่าผลการสอบมีมูล โดยต้องนำเอาผลสอบของดีเอสไอมาร่วมพิจารณาด้วย แต่ไม่ใช่ว่า ผลสอบดีเอสไอเป็นอย่างไร ผลการสอบของ ศธ.ก็จะต้องออกมาเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนตามจริง
ด้าน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ได้สอบถามตนว่า เมื่อ ดีเอสไอ แถลงผลสอบเบื้องต้นมาเช่นนี้แล้ว ในส่วนของข้าราชการประจำ2 รายนั้น ศธ.หรือ สอศ.มีอำนาจตามกฎหมาย สั่งทั้ง 2 รายให้พักราชการก่อน ในระหว่างการสอบสวนหรือไม่ ซึ่งตนกำลังทางฝ่ายนิติกรตรวจสอบดูอยู่ แต่ที่ผ่านมา จะใช้วิธีสั่งย้ายให้คนผิดออกจากตำแหน่งเดิม เพื่อป้องกันเจ้าตัวใช้อำนาจหน้าที่ ทำลายหลักฐาน ยังไม่เคยพบกรณีให้พักราชการไว้ก่อน
วานนี้ ( 12 พ.ย. ) ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ แถลงผลสรุปเบื้องต้นคดีทุจริตโครงการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา (เอสพี 2 ) ภายใต้โครงการแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง ในวงเงินงบประมาณ 5,300 ล้านบาท ของสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ.) ว่า ผลสอบสวนพบมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตจำนวน 4 ราย คือ นายชินวรณ์ บุญยเกียรติ อดีตรมว.ศึกษาธิการ น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ อดีตรมช.ศึกษาธิการ นายเจี่ยง วงศ์สวัสดิ์สุริยะ ผอ.สำนักนโยบายและแผนการอาชีวศึกษา และนายบำรุง อร่ามเรือง ผอ.วิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทั้งหมดร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต ทำให้สอศ. กระทรวงศึกษาธิการ ได้รับความเสียหาย ทางดีเอสไอจึงต้องส่งสำนวนคดีนี้ให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อไต่สวนต่อไป
“ดีเอสไอส่งสำนวนให้ป.ป.ช. แล้ว แต่ตามพ.ร.บ. การสอบสวนคดีพิเศษฉบับแก้ไขเพิ่มเติมได้กำหนดให้ดีเอสไอยังสามารถสอบสวนต่อไปอีกได้ จนกว่า ป.ป.ช. จะมีมติอย่างอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังนั้นจึงต้องสอบขยายผลไปยังบุคคลอื่นๆที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในเบื้องต้นพบว่า 4 คนเป็นหัวขบวนสำคัญ จึงต้องเชิญตัวมาให้ปากคำในฐานะผู้ถูกกล่าวหาในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ได้ทำหนังสือแจ้งเจ้าตัวให้รับทราบแล้ว แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะมาหรือไม่” นายธาริต กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีความเชื่อมโยงถึงน.ส.ศศิธารา พิชัยชาญรณรงค์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะอดีตเลขาธิการ สอศ. หรือไม่นั้น เบื้องต้นดีเอสไอยังกันไว้พยาน เนื่องจากก่อนหน้านี้น.ส.ศศิธารา ได้ทำหนังสือร้องขอความเป็นธรรมพร้อมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการสืบสวน ซึ่งดีเอสไอยังไม่ได้ตัดประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดของผู้ใด รวมถึงไม่ตัดสิทธิ์ที่ป.ป.ช.จะไต่สวนขยายผลไปยังบุคคลอื่นเพิ่มเติมด้วย
ด้านนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.ประชาธิปัตย์ และอดีต รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ตนยังไม่ได้รับหนังสือจาก ดีเอสไอ แต่ยืนยันว่า พร้อมไปชี้แจ้งเพราะตนไม่ได้มีส่วนกับการทุจริตจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา จริงอยู่ว่าผมเป็น รมว.ศึกษาธิการ ในช่วงที่มีการจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา แต่ได้มอบให้น.ส.นริศรา เป็นผู้กำกับดูแลสอศ. การจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษานั้น ตามกระบวนการถือเป็นเรื่องของ สอศ. มี เลขาธิการสอศ.เป็นคนดูแลและขึ้นตรงกับ รมช.ศึกษาธิการ ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเพราะถือว่า รมช.ศึกษาธิการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน แค่ติดตามการดำเนินการเป็นระยะ ๆ เท่านั้น อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งอยู่นั้น การร้องเรียนยังไม่มีเข้ามา เพราะการจัดซื้อจัดยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น ทั้งนี้ ตนยืนยัน ว่าพร้อมไปชี้แจ้ง และมั่นใจว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไร เพราะตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
ด้าน นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า เมื่อดีเอสไอแถลงผลสอบเบื้องต้นออกมาว่ามี ข้าราชการประจำ 2 ราย คือ นายเจี่ยง วงศ์สวัสดิ์สุริยะ ผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนการอาชีวศึกษา และนายบำรุง อร่ามเรือง ผู้อำนวยการวิทยาลัยเทคนิคพระนครศรีอยุธยา เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริตการขัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวศึกษา ดังนั้น ก็จะต้องมาดูว่า ทั้ง 2 ราย ถูกตั้งกรรมการสอบสวนแล้วหรือยัง หากยังไม่มีการตั้งกรรมการสอบสวน ก็จะต้องตั้งขึ้นมาและให้การสอบสวนดำเนินการไปตามขั้นตอน เริ่มจากการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ตามด้วยการตั้งกรรรมการสอบวินัยในกรณีที่พบว่าผลการสอบมีมูล โดยต้องนำเอาผลสอบของดีเอสไอมาร่วมพิจารณาด้วย แต่ไม่ใช่ว่า ผลสอบดีเอสไอเป็นอย่างไร ผลการสอบของ ศธ.ก็จะต้องออกมาเหมือนกัน ขึ้นอยู่กับผลการสอบสวนตามจริง
ด้าน นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ ได้สอบถามตนว่า เมื่อ ดีเอสไอ แถลงผลสอบเบื้องต้นมาเช่นนี้แล้ว ในส่วนของข้าราชการประจำ2 รายนั้น ศธ.หรือ สอศ.มีอำนาจตามกฎหมาย สั่งทั้ง 2 รายให้พักราชการก่อน ในระหว่างการสอบสวนหรือไม่ ซึ่งตนกำลังทางฝ่ายนิติกรตรวจสอบดูอยู่ แต่ที่ผ่านมา จะใช้วิธีสั่งย้ายให้คนผิดออกจากตำแหน่งเดิม เพื่อป้องกันเจ้าตัวใช้อำนาจหน้าที่ ทำลายหลักฐาน ยังไม่เคยพบกรณีให้พักราชการไว้ก่อน