“นายกฯ ยิ่งลักษณ์” จัดรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์ พบประชาชน” อ้างต่างชาติต้องการลงทุน และทำการค้ากับไทย แต่ต้องมีกลไกการค้าเสรี พร้อมดัน FTA และข้อตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจ เรียกร้องผู้ประกอบการปรับตัว และเตรียมความพร้อม ย้ำประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง มีปัญหาควรใช้กลไกสภาตรวจสอบ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ “รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบประชาชน” เช้าวันนี้ (24 พ.ย.) ว่า ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้นำจากประเทศต่างๆ อย่างสหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน มาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการซึ่งเป็นสิ่งที่ได้แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากนานาประเทศ ซึ่งการที่ตนเดินทางไปเยือนต่างประเทศนั้นก็เป็นการเดินทางไปเพื่อดูช่องทางการค้าขายกับต่างประเทศ โดยเฉพาะขณะนี้ หลายประเทศต้องการมาลงทุนกับประเทศไทย ซึ่งผู้ประกอบการประเทศต่างๆ ที่จะมาลงทุนในประเทศไทยนั้นก็จะมองว่า ประเทศได้ให้ผลตอบแทนดีหรือไม่ มีความมั่นคง และเสถียรภาพของประเทศแค่ไหน จึงบอกว่า เสถียรภาพทางการเมือง และเสถียรภาพของประเทศนั้นเป็นการสร้างรากฐานทางเศรษฐกิจ ซึ่งต่างประเทศที่จะมาค้าขายนั้นจะมองเรื่องความเป็นประชาธิปไตย มองเรื่องการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย และกฎหมายต่างๆ ที่ให้ความเป็นธรรม และต้องมีกลไกทางการค้า การค้าเสรี หรือเครื่องมืออย่างเอฟทีเอ หรือความตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอื่นๆ ซึ่งรัฐบาลพยายามประคองทั้ง 2 อย่างให้ได้ดีที่สุด
“หากประเทศอยู่ประเทศเดียวเราก็คงต้องขายประเทศเดียวก่อน แต่พอวันหนึ่งเราเริ่มขายให้แก่ประเทศเพื่อนบ้าน อาเซียน หรือภูมิภาค ประเทศอื่นๆ ก็ต้องถามหากติกาที่ทุกคนยอมรับ และกติการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งผู้ประกอบการต่างๆ ก็ต้องปรับตัวเพื่อให้เราสามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้ เพราะเราจะต้องแข่งขันกับประเทศอื่นๆ อย่างเสรี ดังนั้น ถ้าคนซื้อที่ถือเงินเข้ามาแล้ว แต่มองว่าประเทศเรายังไม่พร้อมค้าขายเขาก็อาจจะถือเงินเดินไปประเทศอื่นๆ ดังนั้น เราต้องเตรียมการให้พร้อม โดยรัฐบาลก็จะมีบทบาทในการเสริมสร้างวิตามินเสริมให้แก่ภาคเอกชนให้มีความพร้อมบนผลประโยชน์ของประเทศสูงสุด”
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า นอกจากผู้ประกอบการรายใหญ่แล้วที่จะต้องเตรียมความพร้อม แต่ผู้ประกอบการรายย่อย (เอสเอ็มอี) และสินค้าโอทอปต่างๆ รัฐบาลก็ส่งเสริมให้มีความพร้อม โดยมีหน่วยงานต่างๆ เข้าไปเสริม และกองทุนต่างๆ ที่คอยช่วยเหลือเรื่องการพัฒนาสินค้า และช่วยเหลือเรื่องช่องทางการค้าขายต่างๆ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า สำหรับการชุมนุมของกลุ่มประชาชนในช่วงปลายสัปดาห์นั้น รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร พ.ศ.2551 ซึ่งเป็นการประกาศเพื่อเตรียมการป้องกันไม่ให้เกิดเป็นปัญหาขึ้นระหว่างสถานการณ์ โดยเฉพาะความรุนแรง ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนให้มีการชุมนุมโดยสันติอยู่แล้ว โดยเฉพาะการชุมนุมของประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนต่างๆ แต่สำหรับการชุมนุมที่อาจจะมีผลกระทบต่อเรื่องความมั่นคงของประเทศนั้นก็อาจจะต้องมีการขอร้องกัน เพราะวันนี้ประเทศไทยได้รับการยอมรับจากต่างประเทศ และได้สั่งการไปยังนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้ทำความเข้าใจกับเอกอัครราชทูตทุกประเทศว่าการประกาศพระราชบัญญัติความมั่นคงนั้นเป็นเพียงการป้องกันเหตุที่จะเกิดเท่านั้น
“ได้เน้นย้ำไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ว่าให้ดูแลประชาชนที่มาชุมนุมด้วยความสันติ และปราศจากอาวุธ แต่ก็ต้องบอกว่าในระบอบประชาธิปไตย มีกลไกตรวจสอบรัฐบาลผ่านรัฐสภา ด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจอยู่แล้ว”
ส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการจับตัวนายกรัฐมนตรีนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า สำหรับตัวเองนั้นไม่ได้คิดอะไร เพราะเราตั้งใจมาทำงานด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่เป็นห่วงไม่อยากให้สถานการณ์บานปลาย จนกระทบกับความมั่นใจของนานาประเทศต่อประเทศไทย จึงมีการขอความร่วมมือกับประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการตรวจสอบอาวุธ
allowTransparency="true">