“อภิสิทธิ์” กังขารัฐบาลโหมกระแสม็อบ “เสธ.อ้าย” เกินจริง หวังเบี่ยงเบนความสนใจศึกซักฟอก เย้ยนายกฯ เดินสายสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างประเทศ แต่ตัวเองกลับมาสร้างความตรึงเครียดในประเทศเอง แนะเจรจา “โอบามา” ให้รอบคอบ ห่วงกระทบสัมพันธ์จีน
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ซึ่งมี พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เป็นประธาน ที่ตรงกับวันอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลว่า ตนไม่ทราบว่าการที่ข่าวการชุมนุมออกมาจากรัฐบาลฝ่ายเดียว ทำให้สถานการณ์ดูน่าหวาดกลัวเกินสถานการณ์จริงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าการอภิปรายเป็นเรื่องสำคัญมาก ดังนั้น อย่าให้สังคมถูกเบี่ยงเบนความสนใจไปจากการบริหารประเทศ และปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินที่มีผลกระทบต่อประชาชนจริงๆ
ทั้งนี้ เนื้อหาของการอภิปรายจะเป็นเรื่องของการทุจริตที่เกิดขึ้น ความล้มเหลวในการบริหารงานด้านเศรษฐกิจ ด้านการเกษตร หรือด้านอื่นๆ ซึ่งประเด็นเหล่านี้ถ้าสังคมให้ความสนใจก็จะเป็นประโยชน์ เพื่อการตรวจสอบรัฐบาล และรัฐบาลเองก็ต้องการการตรวจสอบและแก้ไขการทำงานไปด้วย อย่าเบี่ยงเบนความสนใจประชาชนจากการทำหน้าที่ของฝ่ายค้านที่จะมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในช่วงเวลาเดียวกัน
ส่วนกรณีที่รัฐบาลเตรียมประกาศใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคงภายในควบคุมการชุมนุมนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้หน่วยงานของรัฐเองยังมีความเห็นไม่ตรงกันในเรื่องการใช้ พ.ร.บ.รักษาความมั่นคง เพราะมีหลายฝ่ายออกมาพูดว่ายังไม่ถึงเวลาและเงื่อนไข ความจำเป็นที่จะใช้ ซึ่งตนได้ประเมินการชุมนุมในครั้งที่แล้วที่มีผู้ชุมนุมเข้ามามากพอสมควร แต่ก็เห็นว่าเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และผู้จัดการชุมนุมไม่มีใครประกาศเหมือนกับสมัยที่ตนเป็นรัฐบาลว่าจะทำสงคราม ทำให้เกิดความวุ่นวาย ข่มขู่ต่างๆ นานา
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยืนยันว่าทุกคนก็ต้องเคารพกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายผู้ชุมนุม หรือฝ่ายรัฐบาล ในขณะนี้ทางรัฐบาลพยายามไปสร้างความเชื่อมั่นในเวทีต่างประเทศ แต่สุดท้ายในประเทศเองรัฐบาลไม่ควรกลับมาสร้างความตรึงเครียด มิเช่นนั้นความเชื่อมั่นที่ไปสร้างก็จะไม่ได้ผล
“รัฐบาลควรไปเจรจากับผู้ชุมนุม และไม่ปลุกระดมมวลชนเสื้อแดง เพื่อลดความตึงเครียดในสังคม ลดเงื่อนไขการเผชิญหน้า ควรจะยุติการกล่าวหาว่ามีพรรคการเมืองอยู่เบื้องหลัง ซึ่งยืนยันว่าพรรคพวกผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน เพราะใช้เวลาในการเตรียมข้อมูลการอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นหลัก ส่วนแนวคิดแช่แข็งประเทศของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ผมไม่เข้าใจเจตนา เพราะไม่ว่าใครเข้ามาบริหารประเทศถือว่าเป็นการเมืองเช่นกัน และตราบใดที่รัฐบาลไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในประเทศได้ ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในต่างประเทศได้”
นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงการเดินทางมาเยือนไทยของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพื่อเชิญเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) ว่า ตนคิดว่าสหรัฐฯ กับไทยเป็นมิตรกันยาวนาน และการที่ขยายความร่วมมือเป็นสิ่งจำเป็น แต่ในขณะเดียวกันตนมองว่ารัฐบาลไทยก็ต้องเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบันด้วย เพราะต้องยอมรับว่าสหรัฐฯและจีน มีลักษณะของการช่วงชิงการนำอยู่ในภูมิภาค และประเทศจีนเป็นมิตรกับเราอีกเช่นเดียวกัน ดังนั้นจะทำอะไรก็ให้ทำอย่างรอบคอบ โดยไทยต้องถ่วงดุลความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ และจีนให้ดี ที่หากการลงนามใดๆ กับสหรัฐฯ ก็ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ และคำนึงถึงความสัมพันธ์กับจีนด้วยเพราะทั้ง 2 ประเทศเป็นพันธมิตรกับไทยมายาวนาน
