“องอาจ” เฉ่งรัฐบาลใช้วิชามาร สร้างข่าวสกัดมวลชนร่วมชุมนุมกับกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม ท้าหาหลักฐานกลุ่มทุนลงขัน 6 พันล้านล้มรัฐบาล พร้อมเรียกร้อง ผบ.ตร.ดำเนินการเอาคนลงขันมาลงโทษ ก่อนเจอข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่ ขณะเดียวกันแนะรัฐบาลรอบคอบลงนาม TPP ห่วงกระทบ 4 เรื่องใกล้ตัวคนไทย
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามที่มีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงว่า รัฐบาลพยายามจะใช้วิชามารเพื่อสกัดกั้นไม่ให้มีประชาชนเข้ามาร่วมชุมนุม เห็นได้จากก่อนหน้านี้มีคนในรัฐบาลพยายามสร้างข่าวฝ่ายเดียวอยู่ตลอดว่าการชุมนุมจะมีความรุนแรง มีมือที่สามจะเข้ามาสร้างสถานการณ์ รวมไปถึงการปล่อยข่าวว่าการชุมนุมในครั้งนี้มีกลุ่มทุนที่ลงขันกันล้มรัฐบาลกว่า 6 พันล้านบาท มีกลุ่มการพนัน ธุรกิจบ่อนอยู่เบื้องหลัง
ทั้งนี้ ถ้าเรื่องที่รัฐบาลออกมาระบุเป็นความจริง ตนขอเรียกร้องให้รัฐบาลหาหลักฐานมาแสดง หรือถ้ามีกลุ่มทุนที่ลงขันล้มรัฐบาล มีธุรกิจบ่อนอยู่เบื้องหลังจริง ก็ขอให้ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ดำเนินการเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้ เพราะถ้ารู้แล้วและไม่จับกุมจะถือว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่
“รัฐบาลไม่ควรตั้งธงว่าการชุมนุมครั้งนี้จะเกิดเหตุรุนแรง แต่ขอให้รัฐบาลประเมินสถานการณ์ไปตามจริง เพราะจะทำให้มีการปฏิบัติที่เป็นไปตามเหตุการณ์ การคิดไปเองว่าจะเกิดความรุนแรง และเลือกที่จะประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงแต่แรกทั้งที่ยังไม่มีเหตุใดบ่งบอก อาจทำให้ปัญหาบานปลาย และแสดงถึงความต้องการปิดกั้นการใช้สิทธิชุมนุมโดยสงบ”
นายองอาจกล่าวถึงการเดินทางมาเยือนประเทศไทยของนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เพื่อเชิญเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ทีพีพี) ในวันที่ 18 พ.ย.ว่า พรรคประชาธิปัตย์ขอเรียกร้องให้รัฐบาลใช้ความระมัดระวังและรอบคอบคำนึงถึงผลได้ผลเสียในการเข้าร่วมทีพีพี และที่สำคัญต้องคิดถึงผลประโยชน์ต่อสาธารณชนในระยะยาว อย่ามองแต่ผลประโยชน์ที่จะได้รับทางเศรษฐกิจ เพราะจะครอบคลุมไปถึงมิติทางด้านความมั่นคง และจะมีผลกระทบในเรื่องใกล้ตัวต่อคนไทยที่สำคัญๆ 4 เรื่อง คือ 1. สิทธิบัตรยา หากมีข้อตกลงนี้จะทำให้ราคายาแพงขึ้น 2. สิทธิบัตรพันธุ์พืช และพันธุ์สัตว์ ที่จะกระทบต่อภาคการเกษตรของไทย 3. การเปิดเสรีภาพทางการเงิน จะทำให้ต่างชาติถือหุ้นในสถาบันการเงินได้ 100 เปอร์เซ็นต์ และ 4. การค้าการลงทุนในภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมทั่วไป 100 เปอร์เซ็นต์ คือเป็นการค้าเสรี 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถถือครองเป็นเจ้าของได้เช่นกัน จึงเสี่ยงต่อการเสียประโยชน์ของเกษตรกร ผู้ประกอบการด้านต่างๆ ของไทย
นอกจากนี้ รัฐบาลต้องเอาใจใส่มาตรฐานแรงงาน ทรัพย์สินทางปัญญา สิ่งแวดล้อม และโทรคมนาคม เพราะเรื่องเหล่านี้ไทยยังไม่มีความพร้อมตามมาตรฐานของสหรัฐฯ