xs
xsm
sm
md
lg

อนุฯ กมธ.พัฒนาการเมืองฯ เสนอช่อง 3-พรรคการเมืองแบน “สรยุทธ” จี้ยุติบทบาทสื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา (แฟ้มภาพ)
กมธ.พัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนฯ เห็นชอบรายงาน อนุ กมธ.ฯ “ไร่ส้ม-สรยุทธ” ทุจริตค่าโฆษณาช่อง 9 อสมท เตรียมสรุปเป็นรูปเล่มเสนอทุกหน่วยที่เกี่ยวข้อง ทั้งช่อง 3-พรรคการเมือง ร่วมแบน “สรยุทธ” พร้อมยกจริยธรรม จรรยาบรรณสื่อ จี้ยุติการทำหน้าที่นักเล่าข่าว ช่อง 3 ก่อนพ้นข้อกล่าวหา

วันนี้ (14 พ.ย.) นายศุภชัย ศรีหล้า ส.ส.อุบลราชธานี พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาการเมือง การสื่อมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร์ เปิดเผยว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบกับผลสรุปของอนุกรรมการการพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน เรื่องการพิจารณาการศึกษาการทุจริตเงินค่าโฆษณาระหว่างบริษัท ไร่ส้ม จำกัด กับบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) เป็นเหตุให้รับความเสียหาย โดยจะมีการจัดทำรูปเล่มภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะเสนอให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในส่วนของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 ที่จะให้ดำเนินการตามมาตรฐานจริยธรรมต่อไป รวมไปถึงจะส่งรายงานให้ดังกล่าวให้พรรคการเมืองทุกพรรคเพื่อพิจารณาดำเนินการเช่นกัน

สำหรับรายงานของอนุกรรมาธิการสรุปว่า การที่นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้บริหารบริษัท ไร่ส้ม ไม่มาให้ถ้อยคำ หรือมาชี้แจงต่ออนุ กมธ. แสดงให้เห็นว่านายสรยุทธไม่ให้ความสำคัญต่อกระบวนการพิจารณาสอบสวน อันอยู่ในอำนาจหน้าที่ของรัฐสภา เพื่อประโยชน์ของสังคมโดยรวม ซึ่งที่ประชุมอนุ กมธ.ได้เปิดโอกาสให้นายสรยุทธ เข้าชี้แจงเปิดเผยข้อเท็จจริงสำคัญ ที่ยังไม่ได้ปรากฏข้อเท็จจริงต่อสาธารณะ เพื่อแก้ข้อกล่าวหาของตัวเอง ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด โดยไม่เป็นที่เสียหายต่อรูปคดี

เนื่องจากข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องกับการกระทำของบริษัท ไร่ส้ม และนายสรยุทธได้ถูกเปิดเผยในชั้นไต่สวนของอนุกรรมการของ ป.ป.ช.แล้ว มิได้เป็นความลับอันจะพึงต้องปกปิด ดังนั้นเพื่อให้เกิดความโปร่งใสสามารถตรวจสอบได้ ดังเช่นได้เปิดโอกาสให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง เพื่อให้สังคมได้รับรู้ และร่วมตัดสินใจด้วยวิจารณญาณในการรับฟังอย่างมีเหตุมีผล เสมือนดังที่นายสรยุทธได้ทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของข้าราชการและนักการเมือง และเสนอข่าวสถานการณ์ด้านการทุจริตเพื่อประโยชน์ของสังคมสม่ำเสมอ

นอกจากนี้ ในกรณีที่ผู้ถูกกล่าวหาเป็นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐหรือนักการเมือง ที่ถูกชี้มูลความผิดทางอาญา จากคณะกรรมการ ป.ป.ช.ต้องโทษทางวินัยราชการ หรือออกจากตำแหน่งทางการเมืองที่ดำรงอยู่ในตำแหน่งขณะถูกชี้มูลทางความผิดไปก่อนจนกว่าผลคดีอาญาจะถึงที่สุด ซึ่งในกรณีของนายสรยุทธไม่ได้เป็นข้าราชการ พนักงานของรัฐ หรือนักการเมือง จึงไม่ต้องรับผิดทางวินัยและไม่มีมาตรการใดที่จะบังคับนายสรยุทธที่จะหยุดปฏิบัติหน้าที่ของตนเองได้ แต่ในฐานะสื่อที่ประชาชนจำต้องพบเห็นการทำหน้าที่อยู่ทุกวัน จึงควรมีมาตรฐานทางคุณธรรม จริยธรรมมากกว่าบุคคลอื่น นายสรยุทธจึงควรที่จะต้องแสดงความรับผิดชอบต่อสังคมส่วนร่วม ด้วยการยุติบทบาทในหน้าที่สื่อมวลชนของตัวเอง ก่อนที่จะมีการดำเนินมาตรการทางอาญาเพื่อเป็นบรรทัดฐานและเป็นตัวอย่างสื่อมวลชนที่ดีในสายตาประชาชนต่อไป


กำลังโหลดความคิดเห็น