“พานทองแท้” เร่งตีปี๊บจำนำข้าวดีเลิศ เย้ย ปชป.ประกันข้าวยังไงชาวนาก็ได้ไม่ถึง 15,000 สู้ รบ.ปูนิ่มไม่ได้จ่ายทันที 15,000 ชาวนาได้ประโยชน์เต็มๆ ลืมตาอ้าปากได้ ส่วนผลกระทบขาดทุนมากน้อยเท่าไร รบ.จะเป็นผู้รับผิดชอบเอง พร้อมชวนฝันหากขายได้เกิน 15,000 รัฐแทบไม่ต้องควักงบฯ เลย โอ่สมัยพ่อเป็นนายกฯ ใช้ได้ผลกับราคายางมาแล้ว กระโดดจาก 20บาทไปเป็นร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และผู้ต้องหาหนีคดีอาญาแผ่นดิน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra ตีปี๊บชูโรงนโยบายจำนำข้าว ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร สุดวิเศษอีกรอบ หลังยิงปืนนัดเดียวได้ทั้งซื้อใจชาวนา แถมไม่ต้องควักเงินเองสักบาทว่า “จำนำข้าว กับ ประกันราคาข้าว อธิบายกันง่ายๆ สไตล์นายห้างตรา (ดู)ไบห่อ อีกครั้งครับ ประกันราคาข้าว ถ้าราคาโรงสีรับซื้อ 8,000บาท
ประกันที่ 10,000 บ. ต้องเอาภาษีของราษฎรมาจ่าย 2,000 บ.
ประกันที่ 12,000 บ. ต้องเอาภาษีของราษฎรมาจ่าย 4,000 บ.
ประกันที่ 15,000 บ. ต้องเอาภาษีของราษฎรมาจ่าย 7,000 บ.
โรงสีกดราคาเท่าไหร่ รัฐบาลจ่ายส่วนต่างเพิ่มเท่านั้น และไม่มีกลไกในการที่จะทำให้ชาวนาขายข้าวได้ราคาเพิ่มขึ้นเลย มีแต่รัฐนำเงินภาษีไปจ่ายชดเชยให้เท่านั้น และเมื่อกดเครื่องคิดเลขคร่าวๆ ก็ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่การประกันราคาข้าวจะได้สูงถึง 15,000 บาท เพราะรัฐจะต้องเสียเงินภาษีร่วม 2 แสนล้านบาทไปฟรีๆ โดยที่ราคาข้าวไม่ได้เพิ่มขึ้นจริง เพราะฉะนั้นการประกันราคา ชาวนาไม่มีทางจะขายข้าวได้ในราคาที่สามารถจะ “ลืมตาอ้าปาก” ได้
ส่วนการรับจำนำข้าว คือ การที่รัฐกำหนดราคาเอาไว้ว่า ถ้าจะขายต่ำกว่า 15,000 บาท ไม่ต้องขายให้เอามาจำนำไว้กับรัฐ แล้วเอาเงินไป 15,000 บ. ถ้าจะขายได้ดีกว่านี้ก็มาไถ่ถอนไป ถ้าไม่ได้ รัฐก็จะระบายออกให้เอง
พ่อค้าคนกลางที่เคย “ซื้อกดราคาถูกจากชาวนา แล้วมาขายแพงกับผู้บริโภค” ก็จะหาซื้อข้าวแบบกดราคาไม่ได้ เพราะถ้าขอซื้อต่ำกว่า 15,000 บ. ชาวนาก็เอาข้าวมาจำนำกับรัฐดีกว่า
เมื่อข้าวส่วนใหญ่มาอยู่กับรัฐ ไม่สามารถซื้อราคาถูกจากชาวนาได้ พ่อค้า(ทั่วโลก)ก็ต้องมาหาซื้อจากรัฐบาล จะกดราคาจากรัฐบาลโดยซื้อข้าวราคาเดิม 7-8,000 บ. รัฐบาลก็ไม่ยอมขายให้ เพราะรัฐสามารถ ขายให้กับผู้รับซื้อได้หลากหลายทั่วโลก (ต่างจากชาวนาที่ต้องขายให้กับผู้รับซื้อใกล้บ้าน) บวกกับกลไกในการซื้อขาย ดีมานด์-ซัพพลาย ธรรมดาๆ ข้าวไทยย่อมราคาดีขึ้น
ส่วนราคาจะเพิ่มขึ้นเป็น 10,000, 12,000 หรือ 15,000 ก็จะเป็นตัวเงินที่รัฐจะได้รับกลับ จะขาดทุนมากน้อย ก็ถือเป็นการช่วยชาวนาให้ได้เงินมากขึ้น (เดิมประกันราคา รัฐขาดทุนปีละ5หมื่นล้าน) แต่ถ้าราคาข้าวขึ้นเกิน 15,000 บาทเมื่อไหร่ ก็เป็นบุญกับชาวนาไทยโดยที่รัฐ แทบจะไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเลย
ส่วนเรื่องทุจริต จะประกัน หรือจำนำ ถ้าคนมันจะโกง แบบไหนมันก็โกงได้ทั้งนั้นแหละครับ ยิ่งการประกันราคายิ่งโกงง่าย แจ้งพื้นที่เพาะปลูกเกินจริง ไม่ต้องมีข้าวมาโชว์ ขยิบตากับโรงสีหน่อยเดียว ได้เงินหลวงไปแบ่งกันสบายๆ
สมัย พ.ต.ท.ทักษิณฯเป็นนายกฯ เคยใช้กลไกลักษณะคล้ายการจำนำข้าวนี้ ทำราคายางกระโดดจาก 20 บาท ไปเป็นร้อยมาแล้ว ผู้ที่ได้ประโยชน์คือชาวสวนยางล้วนๆ ถ้ารัฐบาลจะใช้กลไกนี้กับชาวนา ที่เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศบ้าง ก็น่าจะเป็นผลดี ถ้าเดิมชาวนาขายข้าวได้กำไรตันละ 1,000 บาท รับจำนำเขาจะได้เพิ่มอีกตันละ5,000เป็น6,000บาท กำไรเพิ่มขึ้นเห็นๆอีก5เท่า รัฐอาจจะขาดทุนบ้าง แต่ประโยชน์ตกอยู่กับชาวนาเต็มๆ
พวกเราคนในเมืองหลวง ประกอบอาชีพต่างๆ ทำงานหาเงินร่ำรวยกันไป บ้างก็เป็นครูบาอาจารย์ ลูกศิษย์ลูกหามากมาย ชาวนาไทยก็ยังจนอยู่เหมือนเดิม รัฐบาลจะให้โอกาสกับชาวนาให้เขาได้ลืมตาอ้าปากกันได้บ้าง ก็ขอให้ถือว่าเป็นการทดแทนบุญคุณให้กับกระดูกสันหลังของชาติ ที่เสียสละปลูกข้าวให้เรากินกันมา ตั้งแต่เด็กจนโตแล้วกันนะครับ อย่าไปปิดกั้นโอกาสเขาเลย
ส่วนทางการเมือง ถ้าใครได้ขึ้นชื่อว่าเป็นฝ่ายค้านมืออาชีพแล้ว จะผิดถูกอย่างไรก็เห็นเขาค้านตลอดครับ จะให้มาเห็นสอดคล้องกับรัฐบาลคงเป็นไปได้ยาก ดังนั้นการเลือกตั้งใน3ปีข้างหน้า ชาวบ้านโดยเฉพาะชาวนาไทย ตัดสินใจง่ายเลยครับ เพราะแบ่งขั้วเลือกข้างกันชัดเจน
ใครชอบประกันราคาข้าวเลือกพรรคประชาธิปัตย์
ใครชอบจำนำข้าวเลือกพรรคเพื่อไทย
ส่วนพรรคฯอื่น ถ้ายังไม่มีทีท่าชัดเจน ท่านชอบแบบไหน ก็ร่วมรัฐบาลกับฝ่ายนั้นแล้วกันครับ”