“มาร์ค” แนะนำงบฯ แจกชาวนาได้ประโยชน์กว่าจำนำข้าว ซัดผลาญงบ 1.5 แสนล้านถึงแค่ชาวนา 30% ชี้ศาล รธน.ไม่ระงับไม่ใช่ว่าดี อัด “ปู-โต้ง” เอาไงแน่หลังปรับส่งออกจากปีนี้เป็นปีหน้า เย้ยดีจริงคงไม่เอาค่ายทหารทำโกดัง แถมไม่ชัดจีทูจี จี้เผยข้าว 8 ล้านตันได้เงินเมื่อไร ขณะ ธ.ก.ส.ยังกระทบ ยกผลโพล ปชช.ยังหน่าย แนะ “ปลอดประสพ” คุย “คุณชาย” อย่าโวยผ่านสื่อ ขอเลิกเกมการเมือง แจงน้ำท่วมคนด่า กทม.จะโยนผิด กบอ.เพื่อ ชี้ กยอ.ยังหนุนวางกระสอบ ถาม “ปลอดประสพ” ใช้อำนาจอะไรรื้อ
วันนี้ (10 ต.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับคำร้องกรณีโครงการรับจำนำข้าวขัดรัฐธรรมนูญไว้พิจารณาว่า ยังไม่เห็นรายละเอียดแต่เคยบอกแล้วว่าการยื่นเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหม่เพราะเป็นหมวดเกี่ยวกับนโยบาย แต่ความสำคัญไม่ได้อยู่ที่ว่าศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องหรือไม่ แต่อยู่ที่เราจะเดินหน้าโครงการที่สร้างความเสียหายต่อเนื่องแค่ไหน เพราะการให้สัมภาษณ์ของทั้งนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์มีแต่ความไม่ชัดเจน จากที่บอกว่ามีสัญญาส่งออกข้าวปีนี้แต่ตอนนี้พูดว่าเป็นสิ้นปีหน้า และถ้าโครงการไม่มีปัญหาจริงตนไม่เชื่อที่จะมีความคิดเอาค่ายทหาร ดอนเมืองมาเป็นโกดังเก็บข้าว อีกทั้งการดำเนินการแบบจีทูจีก็ไม่ใช่เรื่องลับสุดยอดอย่างที่รัฐบาลพยายามจะอ้าง และการส่งออกถ้ามีจริงก็ต้องพิสูจน์ได้เพราะถ้าขายข้าวได้จริงเงินต้องย้อนกลับคืนมา ซึ่งต้องถามว่า 8 ล้านตันที่บอกจะขายได้จะได้เงินเมื่อไหร่ นอกจากนี้ ทั้งเรื่องการขาดสภาพคล่องของ ธ.ก.ส.และการไม่มีที่เก็บข้าวก็เป็นตัวฟ้องอยู่แล้วว่าโครงการกำลังมีปัญหา
“ผมยืนยันว่าถ้าแต่ละปีเราจะต้องเสียเงิน 1.5 แสนล้านช่วยชาวนา ผมอยากให้ใช้วิธีเอาเงินจำนวนนี้แจกเฉลี่ยให้ชาวนาไปเลยจะได้ไม่สร้างความเสียหายให้กับประเทศในด้านอื่น ผมขอถามรัฐบาลว่าถ้ายืนยันว่ารักชาวนา รักเกษตรกร พร้อมจะสูญเงิน 1.5 แสนล้านทำไมไม่ใช้วิธีเอาเงินจำนวนนี้แจกให้เกษตรกรชาวนาไปเลยเพราะที่ทำอยู่ทุกวันนี้ 1.5 แสนล้านชาวนาได้ไม่ถึงครึ่ง เท่ากับรัฐบาลกำลังทำโครงการให้คนอื่นที่ไม่ใช่ชาวนาได้ประโยชน์มากกว่าครึ่งด้วยซ้ำ แต่ถ้ายังทำแบบนี้เท่ากับเอาชาวนามาบังหน้าเพื่อแสวงหาประโยชน์ ดังนั้นหากต้องการช่วยชาวนาจริงก็ทำอย่างที่ผมเสนออย่าเอาเงินงบประมาณไปให้คนอื่นเกินครึ่งแล้วให้ชาวนาเพียงไม่ถึงครึ่งแต่ตกหล่น 60-70% แล้วถึงมือชาวนาแค่ 30%” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายอภิสิทธิ์ยังเสนอด้วยว่า ให้รัฐบาลไปถามเกษตรกรว่าระหว่างการจำนำข้าวกับการได้รับเงินตรง ซึ่งเท่าที่ตนคำนวณจากยอด 1.5 แสนล้านก็จะทำให้ชาวนาได้เงิน 6,000-7,000 บาทต่อตันจากราคาที่ขายได้ ก็ต้องถามว่าชาวนาอยากได้แบบไหน ซึ่งต้องช่วยกันให้ความรู้ในเรื่องความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ เพราะผลการสำรวจความเห็นประชาชนก็ระบุชัดว่าการรับจำนำข้าวมีปัญหาเรื่องการทุจริต และยังมีปัญหาสวมสิทธิด้วย
หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนได้สอบถาม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.แล้วเรื่องกระสอบทราย ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.ยืนยันว่าสิ่งที่ กทม.ทำเป็นเรื่องทางเทคนิคในการปิดล้อมพื้นที่เพื่อสูบน้ำออกเป็นประโยชน์แก่ชาว กทม. และไม่เข้าใจว่าทำไมจึงจะห้ามไม่ให้ดำเนินการ ซึ่งตนต้องถามไปยังนายปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทย์ และประธาน กบอ.ว่า แทนที่จะโวยวายทะเลาะผ่านสื่อทำไมไม่คุยกันว่าเทคนิคเป็นอย่างไรเพื่อหาข้อยุติและตัดสินใจ แต่ถ้าทำแบบนี้ก็เท่ากับเล่นการเมือง เท่าที่ได้พบกับนายปลอดประสพสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ยังได้บอกว่าหยุดเล่นการเมืองได้หรือยัง ควรจะคุยกันทำงานด้วยกัน เพราะคนกรุงเทพฯ เครียดอยู่แล้ว แค่ฟ้าร้องฝนตกก็เครียดยังต้องมาเครียดกับการทะเลาะเบาะแว้งของผู้ใหญ่อีก การที่จะกล่าวหาว่า กทม.กลั่นแกล้ง กบอ.นั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะน้ำท่วมคนก็ด่า กทม. นอกจากนี้ ระบบที่ กทม.ทำแม้แต่นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน ก็ยืนยันว่าเป็นเทคนิคที่มีการดำเนินการโดยทั่วไป แต่ก็ต้องไปถามนายปลอดประสพว่าจะเชื่อนายปราโมทย์หรือไม่
ส่วนที่นายปลอดประสพขีดเส้นตายให้ กทม.เอากระสอบทรายออกทุกจุดภายใน 15 วันไม่เช่นนั้นจะดำเนินการตามกฎหมายนั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า จะใช้อำนาจอะไรเพราะผู้ว่าฯ กทม.ใช้อำนาจตามกฎหมาย แล้วประธาน กบอ.ใช้อำนาจอะไร และที่กล่าวหาว่า กทม.อิจฉา กบอ.นั้นตนยืนยันว่าไม่มีใครแถวนี้อิจฉานายปลอดประสพแม้แต่คนเดียว