อดีตกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ แจงจำนำข้าวนอกจากขาดทุนยังต้องเสียค่าโง่อีกสารพัดรวมแล้วประมาณ 1.23 แสนล้านบาท แถมชาวนากลุ่มที่จนที่สุด 1.25 ล้านครอบครัวเข้าไม่ถึงโครงการ แนะจ่ายเงินให้โดยตรงดีกว่า ใช้งบแค่ 4 หมื่นล้าน ถึงมือชาวนาทุกคนอย่างแท้จริง ซ้ำยังตัดวงจรทุจริตได้ด้วย แต่เชื่อรัฐบาลไม่ทำเพราะโกงไม่ได้
วันที่ 9 ต.ค. นายปราโมทย์ วินิชานันท์ อดีตกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ และที่ปรึกษาสมาคมชาวนาไทย พร้อมด้วย นางสุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี ร่วมสนทนาในรายการ “คนเคาะข่าว” ทางสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ASTV
โดยนายปราโมทย์กล่าวว่า ตัวเลขล่าสุดทั้งนาปี-นาปรัง รวมกันที่เข้าโครงการรับจำนำประมาณ 2.16 ล้านราย เราพบตัวเลขที่น่าตกใจว่าชาวนา ที่ทำนาปีประมาณ 1.25 ล้านครอบครัว ไม่ได้มีโอกาสเข้าโครงการรับจำนำ เพราะเป็นชาวนาที่ทำแค่ 3-5 ไร่ และทำไว้เพื่อบริโภค อยู่นอกเขตชลประทาน ทำนาได้เพียงปีละครั้ง เขาจึงไม่มีข้าวที่จะมาเข้าโครงการจำนำ ซึ่งเป็นกลุ่มชาวนาที่จนที่สุด นี่คือปัญหาที่รัฐบาลไม่ได้มอง คิดแค่หยาบๆ
นายปราโมทย์กล่าวต่อว่า นอกจากขาดทุนจากการรับจำนำ ซึ่งตนคำนวณแบบหยาบๆแค่ปีแรกอยู่ที่ประมาณ 9.3 หมื่นล้านบาท ยังมีค่าโง่ต่างๆตามมาอีกมากมาย ดังนี้
- พอประกาศว่าจะจำนำ 15,000 บาท/ตัน ราคาทุกอย่างแพงหมด ทั้งปุ๋ย สารเคมี ค่าแรง ที่น่าเจ็บปวดคือเดิมเสียค่าเช่าที่นา 500 บาทต่อไร่/ครั้ง แต่วันนี้ขึ้นไป 100 เปอร์เซ็นต์ กลายเป็นว่าเราเอาภาษีประชาชนไปจ่ายให้เจ้าของที่ดิน มันไม่ยุติธรรมต่อผู้เสียภาษี แล้วที่บอกว่าชาวนาได้แต่ต้องจ่ายโน่นนี่ กว่าจะถึงบ้านหมดพอดี
- กระทรวงพาณิชย์แถลงเองว่าการบริหารจัดการโครงการนี้ใช้เงิน 1.1 หมื่นล้าน ตั้งแต่ดอกเบี้ยธกส. ค่าประกันภัย ค่าโกดัง ฯลฯ
- พอบอกว่าต้องใช้กระสอบจำนวนมหาศาล 126 ล้านใบ วันนี้ต้องซื้อกระสอบใบละ 54 บาท คิดเป็นเงิน 6.8 พันล้าน เงินที่ต้องเสียให้ต่างชาติโดยไม่จำเป็น โดยที่ อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ ได้ประโยชน์ โรงสีต้องแห่ไปแย่งกันซื้อ เพราะไม่มีกระสอบจะใส่
- ปกติโรงสี สีข้าวแล้วขายให้ผู้ส่งออก เสียค่าบรรทุกครั้งเดียว แต่ทุกวันนี้โรงสีต้องส่งให้รัฐบาล แล้วคนประมูลข้าวก็ต้องเอารถมาขนอีกครั้งนึง คิดที่ 12 ล้านตัน จะเสียค่าขนส่ง ค่าน้ำมัน อีกประมาณ 3.7 หมื่นล้านบาท
- ค่าจ้างโรงสี ทั้งหมด 21 ล้านตัน คูณด้วย 500 คิดเป็นตัวเลขกลมๆ อยู่ที่ประมาณ 1.05 หมื่นล้านบาท ที่ต้องแปลงข้าวเปลือกเป็นข้าวสาร ซึ่งปกติโรงสีทำอยู่แล้ว แต่วันนี้คุณต้องจ้างเขา
ช่องว่างตรงนี้รวมๆ กันแล้วประมาณ 1.23 แสนล้านบาท ยังไม่รวมทุจริต คำถามคือ ถ้าเราต้องสูญเสียเยอะขนาดนั้น เราหาทางออกด้วยการจ่ายเงินให้ชาวนาจริงๆ โดยตรงเลยดีกว่า คำนวณแล้วประมาณไม่เกิน 4 หมื่นล้านบาท แล้วถึงมือชาวนาโดยตรงทุกครอบครัวแน่ๆ ส่วนชาวนาปีที่จนที่สุดให้คูณสองเลยก็ยังได้ แล้วยังจะช่วยตัดวงจรทุจริต ไม่มีจำนำก็ไม่มีข้าวให้ทุจริต ถ้ารัฐบาลจริงใจกล้าทำ ตนจะกราบงามๆสามครั้งเลย
นายปราโมทย์ยังกล่าวด้วยว่า ที่เจ็บปวดที่สุดคือจำนำข้าวได้สร้างค่านิยมทุจริต เพราะทุจริตแล้วรวย จะปฏิเสธไม่ได้ว่าตอนนี้มันทุจริตทั้งขบวนการ ตัวเลขชาวนา นาปรังที่เข้าโครงการเกินไป 5 แสนกว่าราย ถามว่ามาจากไหน เราได้ข่าวมาว่าคนปลูกมันก็เข้าโครงการข้าว เรากำลังยินยอมให้มีการทุจริต เพราะทำไปก็จับไม่ได้ สังคมก็ยอมรับ เป็นสิ่งที่ประเทศชาติกำลังจะสูญเสียอย่างประเมินค่าไม่ได้
อดีตกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติกล่าวด้วยว่า ถ้าศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่าโครงการจำนำขัดต่อรัฐธรรมนูญ ถือเป็นทางลงที่ดีของรัฐบาล แต่หลังจากนั้นก็ต้องคิดวิธีใหม่เพื่อช่วยชาวนา ซึ่งก็มีวิธีมากมายแต่รัฐบาลไม่ทำ
ยกตัวอย่างนโยบายระบายข้าวตามที่รัฐบาลเคยประกาศไว้ คือ 1. จีทูจี 2. ประมูลขายใน-นอกประเทศ 3. ผ่านตลาดสินค้าล่วงหน้า จนถึงวันนี้แม้แต่ตันเดียวก็ไม่ขาย ที่สำคัญตลาดสินค้าล่วงหน้าไม่มีใต้โต๊ะแม้แต่บาทเดียว นี่ก็จะตอบได้ว่า มีวิธีดีๆ มากมาย แต่รัฐบาลไม่ทำ ก็เพราะโกงกินไม่ได้