“สุกำพล” ยก “ยงยุทธ” กล้าหาญ มีสปิริต ไขก๊อกหลังถูกไล่ออกจากราชการ คดีเห็นชอบขายที่ธรณีสงฆ์ ส่วนการปรับ ครม.อยู่ที่นายกฯ จะพิจารณา ยันกองทัพไม่มีปัญหา หากนาซาขอใช้อู่ตะเภา ติงพวกค้านอย่าคิดมาก ทำให้เป็นประเด็น เผยนายกฯ ยิ่งลักษณ์ไปสหรัฐฯ กล่าวขอโทษแล้ว แต่เจอนาซาเหน็บไปดวงจันทร์ง่ายกว่ามาประเทศไทย “ประยุทธ์” บอกอย่าห่วง มีสัญญาชัดเจน บิดพลิ้วไม่ได้
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีการเกรงว่า การลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐนตรีและ รมว.มหาดไทยของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย หลังจากถูกไล่ออกจากราชการคดีรับรองขายที่ธรณีสงฆ์ให้ บ.อัลไพน์จะส่งผลกระทบต่อรัฐบาลว่า นายกรัฐมนตรีตอบหมดแล้ว และมันจบไปแล้ว ถือว่านายยงยุทธมีสปิริต และกล้าหาญที่ทำอย่างนั้น ท่านให้ทุกอย่าง สามารถเดินไปได้ และท่านรับไว้เองคนเดียว ส่วนการพิสูจน์เรื่องคดีนั้นต้องว่ากันอีกทีหนึ่ง คิดว่า รัฐบาลไม่มีปัญหา
สำหรับข่าวที่ว่านายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคนเสื้อแดงจะมานั่งเป็น รมช.มหาดไทยนั้น ตนไม่ตอบ และไม่ทราบ เพราะไม่ใช่หน้าที่ของตน สำหรับแนวโน้มการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น นายกรัฐมนตรีตอบไปแล้ว ท่านรู้ดีที่สุด ตนตอบไปก็ฝอยไปเปล่าๆ ตนไม่รู้
ส่วนกรณีที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ขอใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภา เพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศนั้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า กองทัพไม่มีปัญหาอะไร ตนทำหน้าที่ดูแลเรื่องความมั่นคงก็ไม่เห็นมีปัญหาอะไร ที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี ได้ประชุมเรื่องดังกล่าวนี้แล้ว ขอร้องว่าอย่าทำให้มีประเด็น อย่าไปพูดซ้ำและอย่าไปคิดโน่นนี่ให้มากเรื่อง เพราะไม่มีอะไร หากเราพยายามผูกโยงกันจะเป็นการถ่วงประเทศ
ส่วนที่ฝ่ายค้านอยากดูเอกสารที่นาซาให้มาแผ่นเดียวนั้น รมว.กลาโหมกล่าวว่า เป็นรายละเอียดที่เหมือนเดิม ไม่ได้มีรายละเอียดใหม่ เพียงแต่คราวที่แล้วเราไม่ได้ให้ทางนาซาเข้ามาดำเนินการในพื้นที่ เพราะเรามีปัญหากันมาก เราอายเขา
“คิดว่าประชาชนเข้าใจกันหมด มีแต่สื่อมวลชนที่ไม่เข้าใจ เพราะที่ผ่านมามีการอธิบายไปมาก ขอให้ลงข่าวให้ตรง อย่าไปเขียนคาดว่า หรือเขียนว่าจะต้องไปแลกกับอะไร หากฟังเพียงนิดเดียวแล้วไปเต้นหมดก็ไม่ไหว ทั้งนี้รัฐบาล กระทรวง หรือผู้ที่เกี่ยวข้องพูด ขอให้เชื่อบ้าง หากพูดแล้วดำเนินการไม่ตรงอย่างที่พูดค่อยมาฟาดฟันกัน ทางนาซาจะเข้ามาสำรวจชั้นบรรยากาศและเมฆเพื่อให้การพยากรณ์อากาศแม่นย้ำขึ้นในอนาคต โดยประเทศไทยไม่มีขีดความสามารถที่จะดำเนินการได้ ซึ่งเราก็ได้ประโยชน์ในส่วนนี้ เมื่อตอนที่นายกฯ เดินทางไปสหรัฐอเมริกาได้ขอโทษกับทางสหรัฐฯ แล้วในเรื่องการขอใช้พื้นที่ เขาบอกว่านาซาจะไปดวงจันทร์ง่ายกว่ามาประเทศไทยเสียอีก ดังนั้นขออย่าให้มีปัญหากันเลยในเรื่องเล็กน้อยแบบนี้ อย่างไรก็ตามเรื่องนี้มีแต่ประโยชน์ ควรจะเลิกวิจารณ์กันได้แล้ว”
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวเรื่องเดียวกันว่า ขณะนี้ทางนาซายังไม่ได้ทำเรื่องขอมา แต่เป็นเรื่องเดิม ทางสภาฯจึงได้มีการพูดคุยกัน ขออย่าห่วงใยเรื่องนี้กันมากนัก เพราะสื่อเขียนอะไรออกมาอาจเสียหาย และถ้าเขียนไม่ดีจะเสียทุกประเทศ และเสียมิตรทุกประเทศ การคบค้าสมาคมกับประเทศใดก็ตามต้องดูผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายเป็นสำคัญ และไม่มีผลกระทบต่อประเทศอื่น ซึ่งถือเป็นหลักการของความเท่าเทียม ความไว้วางใจซึ่งกันและกันที่มีผลประโยชน์ร่วมกัน ดังนั้นหากเราจะพูดกับประเทศไหนต้องใช้หลักการเหล่านี้ ซึ่งกองทัพบก กระทรวงการต่างประเทศ และรัฐบาลยึดถือแนวทางเหล่านี้ อะไรที่ยังไม่เกิดก็อยู่ในขั้นตอนการหารือ
“ถ้าเราเป็นห่วงอะไรก็มาพูดคุยกัน ทุกอย่างแก้ไขด้วยสัญญา ข้อกำหนด ข้อตกลงได้ก็น่าจะจบแล้ว การทำสัญญาไม่น่าจะปกปิดได้ เพราะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และมีหน่วยตรวจสอบ หากไม่เป็นไปตามสัญญาและข้อตกลงจะมีกลไกตรวจสอบ และคงไม่ให้ทำต่อ เมื่อประเทศหนึ่งทะเลาะกับประเทศหนึ่งเป็นเรื่องของเขา แต่ประเทศไทยต้องแสวงผลประโยชน์จากทุกประเทศ ไม่ใช่ว่า เขาทะเลาะกัน แล้วเราจะต้องคบหรือไม่คบประเทศนี้ คนละเรื่องกัน ดินแดนของใคร ใครอยากคบประเทศไทยก็มาคบ ดังนั้นขอร้องอย่าเขียนอะไรให้เสียหาย เพราะสุดท้ายประเทศเราจะไม่ได้อะไรเลย รู้ว่า สื่อมวลชนหวังดีต่อประเทศชาติ แต่ต้องระวัง”
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวถึงกรณีที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเษ(ดีเอสไอ) ได้ทำหนังสือถึงกองทัพเพื่อขอนำตัว ผบ.ร้อย กับ ผบ.พันไปสอบสวนเกี่ยวกับเหตุการณ์การสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ว่า ยังไม่เห็นหนังสือ หากจะทำหนังสือก็มา ตนจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะทำอย่างไร ซึ่งเมื่อทำหนังสือมาเราก็พิจารณา เพราะมีกฎหมาย กติกาอยู่ ต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย อะไรที่พูดคุยกันได้ต้องมาพูดคุยกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจกัน และต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่ในการทำงานที่ไม่คาดหวังให้ใครบาดเจ็บล้มตาย ซึ่งต้องมาหาข้อเท็จจริงกัน