xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ทบ.แนะไทยเขียนข้อตกลงร่วมมะกันใช้อู่ตะเภาให้ชัด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (แฟ้มภาพ)
“ผู้บัญชาการทหารบก” โบ้ยทัพเรือดูนาซา ยันฝ่ายมั่นคงไม่เข้าข้างใครเน้นชาติเป็นหลัก ต้องดูข้อตกลงร่วมจะได้ประโยชน์แค่ไหน แนะเขียนให้ชัด เชื่อพวกค้านหวังดีแต่คงไม่เข้าใจ

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้สัมภาษณ์" 

วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) เมื่อเวลา 15.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่สหรัฐอเมริกาขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อทำการสำรวจชั้นบรรยากาศว่า กองทัพบกไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง สนามบินอู่ตะเภาเป็นพื้นที่ของกองทัพเรือ ทั้งนี้ คณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นโดยกระทรวงกลาโหมได้ส่งผู้แทนเข้าไปร่วมในคณะทำงาน ตั้งแต่ที่ได้มีการประชุมครั้งแรกเพื่อหารายละเอียดว่า ควรหรือไม่อย่างไร และควรทำอย่างไร ซึ่งวันนั้นฝ่ายความมั่นคงทุกหน่วยได้เสนอความคิดเห็นหมด เพียงแต่หลังจากพูดคุยต้องมีการดำเนินการในขั้นตอนต่อไป หากเห็นว่ามีส่วนดีอยู่ก็เสนอต่อไปว่าจะเข้า ครม.หรือจะเข้ามาตรา 190 ต่อไปก็เป็นเรื่องการตั้งคณะทำงานศึกษารายละเอียดเพื่อทำข้อตกลงร่วมกับสหรัฐฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไรให้เกิดความโปร่งใสให้มากที่สุด ซึ่งระหว่างนี้ต้องทำความเข้าใจต่อสังคม และเราก็ไปศึกษารายละเอียดจากประเทศที่ทำอย่างนี้อยู่ว่าเขาทำอย่างไร เรื่องบางเรื่อง ฝ่ายความมั่นคงเข้าข้างใครไม่ได้อยู่แล้ว เพราะเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบที่เราถูกปลูกฝังให้ดูแลแผ่นดิน แต่ต้องดูแลภายในกติกาที่มีอยู่ ไม่ใช่ดูแลตามใจชอบ ต้องมีหลักการ ซึ่งคิดว่า ที่ทำไปทั้งหมดมีหลักการทั้งสิ้น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า สิ่งที่ทำในวันนี้มีข้อควรระมัดระวังอยู่ คือ เรื่องความผูกพันกับประเทศเพื่อนบ้านหรือประเทศที่เป็นมิตรต่อกันที่ต้องมีการเปิดเผย และเราต้องฟัง ตรวจสอบข้อมูลให้ดี จะไปฟังทั่วไป หรือสื่อโน้นสื่อนี้ไม่ได้ เพราะประเทศคบกันด้วยรัฐบาลกับรัฐบาล ไม่ใช่รัฐบาลสั่งแล้วไปอ้างอันโน้นอันนี้มาสู้ หรือตอบโต้ มันคนละเรื่องกัน รัฐบาลคือรัฐบาล ส่วนฝ่ายความมั่นคงเป็นฝ่ายให้ข้อมูลและทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่รัฐบาลต้องไปดำเนินการต่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย อย่าเอาตนไปเข้าข้างคนโน้นคนนี้ ประเทศชาติต้องเป็นหลัก คิดว่าทุกคนน่าจะเข้าใจ ทั้งนี้การดำเนินการทั้งหมดต้องเป็นการชั่วคราวไม่ใช่เข้ามาอยู่เลย ถ้าตกลงได้ก็จบแต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องกำหนดห้วงเวลาเมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่ และระหว่างดำเนินการเราต้องรู้ทุกขั้นตอน

“ถ้ามันดีจริง ประเทศเราจะได้ประโยชน์ช้าไป และเสียโอกาส เริ่มต้นใหม่ก็ช้าไปอีก ถ้าเราทำไม่ดีก็เกิดความไม่ไว้วางใจซึ่งกันและกัน แต่ถ้ามันไม่ดีก็ต้องทบทวนหรือแก้ไขกัน ซึ่งทุกอย่างจะทำอะไรกับประเทศไหน มันอยู่ที่ข้อตกลงร่วมว่าจะขึ้นลงอย่างไร แล้วใครไปด้วย ข้อมูลได้มาจะนำไปทำประโยชน์อย่างไร ต้องเขียนให้หมด ข้อห่วงใยของทั้ง 3 เหล่าทัพต้องระบุไว้ในนั้นว่า ต้องระมัดระวังอะไรอย่างไร เพราะเครื่องบินไม่ใช่รถที่จะขับมาจอดแล้วก็ไป เครื่องบินจะขึ้นหรือลงก็ต้องแจ้งเข้าหอบังคับการบิน ถ้าไม่ปฏิบัติตามกติกาก็ไม่ให้ขึ้น หรือการจะบินข้ามประเทศก็ต้องประสานแผนกับประเทศนั้นๆ และในการบินก็ต้องมีคนของเราขึ้นไปด้วย ซึ่งทั้งหมดจะอยู่ในข้อตกลงร่วม ส่วนกฎหมายของแต่ละประเทศที่มีความขัดแย้งกัน ระหว่างเรากับ ประเทศอาเชียน และประเทศอื่นๆ ดังนั้นต้องมีระเบียบปฏิบัติร่วมกันในการบิน ถ้ามีโอกาสก็มีจะการฝึกร่วม ส่วนเรื่องจัดตั้งศูนย์บรรเทาสาธารณภัยในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (HADR) มันคนละเรื่องกัน ถ้าสองเรื่องมาเจอกัน ก็คงจะใช้เวลาอีกนาน และต่อไปประเทศไทยจะคบใครไม่ได้ คงไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น ดังนั้นต้องเอาโอกาสมา แล้วหาวิธีการปฏิบัติว่าทำอย่างไรเราจะตอบคำถามสังคมให้ได้ และสังคมต้องให้ความเป็นธรรม รวมถึงต้องได้รับการยอมรับจากอาเซียน และอเมริกาทุกฝ่ายต้องได้รับประโยชน์เท่าเทียมกันหมด” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ที่บางฝ่ายพยายามเบี่ยงเบนประเด็นในเรื่องนี้ ผบ.ทบ.กล่าวว่า คงไม่มีใครที่ไม่หวังดี ทุกฝ่ายหวังดีหมด จึงอยากแสดงความคิดเห็นกัน ตนไม่เข้าข้างใคร แต่ตนพูดในข้อเท็จจริง บางคนอาจจะพูดมาพร้อมกับความไม่เข้าใจ แต่เป็นห่วงประเทศชาติ ตนคิดว่า ก็ดีที่มีคนเป็นห่วงประเทศชาติ แต่ทั้งหมดต้องหาทางออก ไม่ใช่ตีกันจนหงายท้องจนไม่มีอะไรดีขึ้นมา ทุกคนมีข้อเท็จจริงมีข้อมูลอยู่แล้วต้องใจเย็นๆ คิดว่ารัฐบาลก็พยายามเต็มที่ ถ้าไปได้เขาก็ทำ ถ้าไม่ได้ก็หยุด อย่าไปพูดว่าล่าถอยเสียหน้าเพราะไม่เกิดประโยชน์ ที่ตนพูดมา ตนพูดดีไหม วันนี้ตนอารมณ์ดีนะ
กำลังโหลดความคิดเห็น