xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” จี้รัฐเปิดข้อมูลนาซาใช้อู่ตะเภา อย่ามัวโบ้ยการเมือง ชี้มะกันไม่ได้ใช้ก็ไม่เสียหาย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (แฟ้มภาพ)
“หัวหน้าประชาธิปัตย์” ชูสื่อมะกันเสนอข่าวนาซาใช้อู่ตะเภาตรงกับข้อมูลฝ่ายค้าน สวนเอแบคโพลล์สำรวจคนรู้จริงหรือเปล่า จี้รัฐเปิดข้อมูลโปร่งใส พูดให้ชัดใช้อะไรเพื่ออะไร แนะระวังไม่ให้เสียสมดุลระหว่างสองมหาอำนาจ อย่าเอาเงื่อนไขเวลาสหรัฐฯ มาเป็นข้ออ้างตัดสินใจ งงแทนที่จะตอบคำถามกลับโบ้ยการเมืองหาเรื่อง ยันต่างชาติไม่ได้ใช้ก็ไม่เสียหาย

วันนี้ (25 มิ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงผลการสำรวจที่ระบุว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการให้นาซาเข้าใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อสำรวจสภาพอากาศว่า ถ้ามีการตั้งคำถามว่าเห็นด้วยว่าจะให้นาซาสำรวจชั้นบรรยากาศหรือไม่ คนส่วนใหญ่เห็นด้วย แต่ประเด็นอยู่ที่ว่า เมื่อพูดว่าเห็นด้วยหรือไม่ ต้องทราบข้อเท็จจริงทั้งหมดก่อน เพราะแม้แต่สื่อมวลชนของสหรัฐฯ ก็เสนอข่าวในทางที่ตรงกับสิ่งฝ่ายค้านและอีกหลายภาคส่วนแสดงความห่วงใยว่ามีอะไรมากกว่าการศึกษาสภาวะอากาศ จึงต้องดูภาพรวมว่าหากโครงการเป็นประโยชน์แต่สร้างผลเสียในแง่ความมั่นคงจะคุ้มค่าหรือไม่

วิธีการแก้ปัญหาที่ดีสุด คือ การเปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส ซึ่งรัฐบาลยังไม่ทำ ทั้งที่มีประเด็นที่ต้องตอบคำถาม เช่น ความรู้สึกหรือแนวทางจุดยืนของประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลไทยได้ตรวจสอบแค่ไหน หรือฟังแต่ที่สหรัฐฯ บอกว่าไม่มีปัญหาแล้วคิดว่าไม่มีปัญหาเหมือนที่สหรัฐฯ พูด โดยรัฐบาลต้องให้คำตอบกับประชาชนว่าอุปกรณ์ที่ใช้ เจ้าหน้าที่ที่จะเข้าไปมีส่วนร่วม ผลการศึกษาจะใช้ทำอะไร ประเด็นเทคนิคเหล่านี้ต้องกระจ่าง และต้องตรวจสอบผลกระทบระดับภูมิภาคว่า ทำไมโครงการนี้มีไทย กัมพูชา และสิงคโปร์ให้ความร่วมมือแล้ว จีน มาเลเซีย เวียดนาม และประเทศเพื่อนบ้านอื่นว่าอย่างไร ต้องมีแนวทางที่ชัดเจน

นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังเป็นที่รับรู้โดยทั่วไปว่าสหรัฐฯ มีเป้าหมายด้านการทหารในภูมิภาคเอเชียเพิ่มขึ้น รัฐบาลก็ต้องพิจารณาประกอบกัน เพราะกระทรวงการต่างประเทศก็ย่อมทราบดีว่าในขณะนี้มีโครงการเดียวหรือหลายโครงการที่เชื่อมโยงกัน และผลกระทบต่อภาพรวมจะเป็นอย่างไร เพราะรัฐบาลต้องระวังไม่ให้เสียสมดุลในการวางดุลยภาพด้านการต่างประเทศระหว่างสองมหาอำนาจระหว่างจีนและสหรัฐฯ เพราะทั้งสองประเทศต่างก็เป็นมิตรประเทศของไทย จะต้องไม่ให้เกิดความเข้าใจผิด หรือเกิดความคลางแคลงใจต่อท่าทีของรัฐบาลไทยในแง่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์และพันธมิตรระหว่างกัน เพราะถ้าไม่ระวังนอกจากจะกระทบจนทำให้เกิดความหวาดระแวงแล้วยังดึงความขัดแย้งเข้ามาสู่ประเทศโดยไม่จำเป็นด้วย

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้เห็นชัดถึงความเคลื่อนไหวทั้งสหรัฐฯ และจีนในการเข้าพบ รมว.กลาโหมในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน แสดงว่าทั้งสองระเทศมีความกังวลต่ออิทธิพลต่ออีกประเทศหนึ่งในภูมิภาคนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลจึงวางท่าทีเป็นมิตรต่อสองประเทศอย่างชัดเจน เพราะไทยก็ผูกพันกับจีนเหมือนพี่น้องกัน ส่วนสหรัฐฯ ก็เป็นพันธมิตรเก่าแก่มีคววามสัมพันธ์ยาวนานกว่า 200 ปี อย่าให้เสียดุลว่าเราสามารถเป็นมิตรกับมหาอำนาจสองประเทศได้

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวอีกว่า หน้าที่ของรัฐบาลคือการตรวจสอบรายละเอียด แต่ตอนนี้สิ่งที่ปรากฏต่อสาธารณะเหมือนกับว่าสหรัฐฯ เสนอมา แล้วรัฐบาลก็ยอมรับทุกอย่าง ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (26 มิ.ย.) ที่ ครม.จะพิจารณา ก็ต้องตอบคำถามทั้งหมดที่ตนตั้งข้อสังเกตให้ได้ก่อน ไม่ใช่เอาเงื่อนไขที่สหรัฐฯ หรือนาซา ขีดเส้นว่าต้องได้คำตอบวันที่ 26 มิ.ย.มาเป็นบทสรุปในการตัดสินใจ เพราะโดยข้อเท็จจริงสิ่งที่อ้างถึงเงื่อนเวลาก็ผูกพันเฉพาะเรื่องการขนอุปกรณ์กับฤดูกาลที่พูดว่าจะต้องสำรวจในหน้ามรสุม แต่ตนไม่คิดว่าพอสิ้นเดือน ก.ย.เข้าเดือน ต.ค.แล้ว หน้ามรสุมจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สหรัฐฯ ก็ต้องเคารพประเทศไทยเกี่ยวกับกระบวนการภายในที่ต้องดำเนินการด้วย และการตัดสินใจที่จะเป็นเรื่องกระทบต่อประเทศต้องอยู่บนเงื่อนไขโดยยึดหลักประโยชน์ของประเทศเรา อาศัยความร่วมมือให้เป็นประโยชน์ต่อไทยและภูมิภาค ควรจะแสวงหาจุดที่เป็นประโยชน์ร่วมเพื่อหลีกเลี่ยงความ ขัดแย้งแต่ถ้ารัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนเช่นนี้จะยิ่งเป็นปัญหา เพราะแทนที่รัฐบาลจะตอบข้อซักถามกลับพยายามโยงทุกอย่างเป็นการเมืองว่ามีการคัดค้าน ทั้งๆ ที่คนที่ออกมาท้วงติงต้องการให้เกิดความรอบคอบและความโปร่งใสเท่านั้น

“เราไม่ได้ต่อต้าน แต่ต้องการให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลเพื่อพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะคำท้วงติงก็ไม่ได้คิดกันเอง แต่มีปัจจัยที่ทำให้เห็นว่าอาจเกิดปัญหา มีอะไรมากกว่าที่รัฐบาลบอกกับประชาชน ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือการตอบคำถามไม่ใช่สร้างประเด็นการเมืองเพิ่ม” นายอภิสิทธิ์กล่าว

นาอภิสิทธิ์กล่าวว่า หากนาซาไม่ได้เข้ามาตามที่เขากำหนด ไม่ใช่เรื่องที่ประเทศชาติเสียหาย เพราะโครงการเหล่านี้สามารถพูดคุยกันได้ต่อเนื่อง เพราะหากทำอย่างโปร่งใสก็ไม่มีปัญหา แต่รัฐบาลกลับไม่ให้ความจริงกับประชาชน ทั้งที่ยอมรับว่าได้ติดต่อกันมาตั้งแต่ต้นปี ทำไม่ไม่ทำให้โปร่งใส กลับมาเร่งทำในช่วงสุดท้ายจนถูกบีบด้วยกรอบเวลา
กำลังโหลดความคิดเห็น