“ปลัดกลาโหม” เผย ครม.ไม่พิจารณาสหรัฐฯ ขอใช้สนามบินอู่ตะเภา เพราะมีปัจจัยภายนอกกดดัน แถมมีประเด็นที่ต้องพิจารณาอีกหลายเรื่อง ร่วมทั้งยังเข้าข่าย รธน.มาตรา 190 (1) เชื่อมะกันเข้าใจ ด้าน “พล.ท.อุดมเดช” เชื่อรัฐบาล-ผบ.เหล่าทัพคงไม่ยอมให้สหรัฐฯ แฝงภารกิจทหหาร
วันนี้ (20 มิ.ย.) พล.อ.เสถียร เพิ่มทองอินทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (องค์การนาซา) ขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อศึกษาชั้นบรรยากาศและเมฆว่า ทางกระทรวงกลาโหมได้ส่งตัวแทนร่วมเป็นคณะทำงานพิจารณาเรื่องดังกล่าวตามที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง ซึ่งเข้าใจว่าการที่เรื่องดังกล่าวยังไม่เข้าที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา เพราะมีปัจจัยภายนอกกดดัน และมีเรื่องต้องให้พิจารณาอีกหลายเรื่อง รวมทั้งจะเข้าข่ายรัฐธรรมนูญมาตรา 190 หรือไม่ แต่จากที่ได้คุยกันเบื้องต้นเห็นว่าเข้าข่ายมาตรา 190 (1) เท่านั้น ดังนั้นต้องให้กฤษฎีกาตีความอีกครั้ง ทั้งนี้เชื่อว่าทางสหรัฐฯ คงเข้าใจ
ด้าน พล.ท.อุดมเดช สีตบุตร แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า คงต้องให้ทางผู้บังคับบัญชาระดับสูงพิจารณาอย่างรอบคอบ และดูความเหมาะสม ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่าจะมีภารกิจทางทหารเข้ามาแอบแฝงนั้นคิดว่าคงไม่มี ตนมั่นใจว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงทั้งในส่วนของรัฐบาลและของทางทหารต้องระมัดระวังเรื่องนี้อยู่แล้ว คงต้องทำกันอย่างรอบคอบ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในวันที่ 22 มิ.ย.เวลา 14.30 น. ที่กองบัญชาการกองทัพบก Gen. jing Zinyang ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการทหารปืนใหญ่ที่ 2 ของจีนจะเดินทางเข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือข้อราชการกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เพื่อกระชับความสัมพันธ์ของระหว่างกองทัพบกสองประเทศ ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการเยือนของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของจีนในรอบ 10 ปี โดยจะมีหารือเกี่ยวกับการขยายขอบเขตการฝึกศึกษา วิจัย และ ขยายขอบเขตความร่วมมือด้านการทหารอื่นๆ ซึ่งที่ผ่านมาหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษของสองประเทศมีความร่วมมือในการฝึกร่วมกันมาแล้ว และจีนก็พร้อมให้การสนับสนุนในการพัฒนาการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาจรวดหลายลำกล้องที่ไทยได้วิจัยและผลิตออกมาแล้ว แต่ในการหารือเป็นเพียงการคุยกันในหลักการ ส่วนรายละเอียดจะมีการคุยกันในโอกาสต่อไป