นายกฯ แถลงนาซาใช้อู่ตะเภา ยันเป็นโครงการสานต่อรัฐ “มาร์ค” เป็นความร่วมมือสำรวจชั้นบรรยากาศ ระบุ ครม.ยังไม่เห็นชอบ ชูกองทัพคอนเฟิร์มประโยชน์ชาติ ยกกฤษฎีกาตีความชัดไม่เข้า ม.190 อ้างเจอข้อหาแรงจึงกลไกรัฐสภาเป็นเวทีชี้แจง โอดอาจเสียโอกาสพัฒนาพยากรณ์อากาศหากเลิกแผน โยน รมว.กต.คุยมะกัน เชื่อคงเข้าใจ แต่รับถ้าเปิดสมัยวิสามัญไม่ทันแน่เหตุสหรัฐบอกรอได้แค่สิ้นเดือน
วันนี้ (26 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อเวลา 12.45 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีกรณีการพิจารณาองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา หรือองค์การนาซา ขอเข้าใช้พื้นที่สนามบินอู่ตะเภาเพื่อสำรวจชั้นบรรยากาศว่า ขอนุญาตสื่อมวลชนชี้แจงในประเด็นที่อยู่ในความสนใจเกี่ยวกับความร่วมมือกับนาซา โดยขอเรียนถึงความเป็นมา ซึ่งจริงๆ แล้วโครงการนี้สืบเนื่องมาจากรัฐบาลที่แล้ว โดยทางหน่วยงานสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิศาสตร์สารสนเทศ (จิสดา) ภายใต้กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้ลงนามกับองค์การนาซา เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 53 ซึ่งเป็นหนังสือแสดงเจตจำนงความร่วมมือด้านกิจกรรมพลเรือนทางการบินและอวกาศ ถือเป็นระบบความร่วมมือในการสำรวจชั้นบรรยากาศไว้อย่างกว้างๆ จากวันนั้นจนถึงขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ ที่เป็นข้อผูกมัดทางกฎหมาย โดยที่คณะรัฐมนตรียังไม่ได้ให้ความเห็นชอบ
นายกฯ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการนี้ขอเรียนว่าเป็นความร่วมมือทางวิชาการที่จะเป็นการสำรวจโดยใช้เทคโนโลยีระดับสูงในการที่จะสำรวจชั้นบรรยากาศที่มีห่วงเวลาเฉพาะฤดูมรสุม ถือว่ามีช่วงของเวลาด้วย ในชั้นบรรยากาศของประเทศไทยเราไม่มีเทคโนโลยีตรงนี้ ถามว่าโครงการนี้แนวทางนี้เป็นประโยชน์ที่เราจะได้รับข้อมูลในเชิงรายละเอียดในสภาพภูมิอากาศ เพื่อใช้ประกอบพยากรณ์อากาศที่จะรองรับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งจากความเห็นของหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง แม้กระทั่งกองทัพยืนยันแล้วว่า เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ รัฐบาลโดยสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกายืนยันว่า ไม่เข้าองค์ประกอบมาตรา 190 วรรค 2
“แต่ในข้อเท็จจริงรัฐบาลได้ให้ทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องได้พยายามชี้แจงทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนในทุกช่องทาง แต่ก็ยังมีข้อทักท้วง ข้อคิดเห็นต่างๆ ที่ขัดแย้ง ทั้งจากหน่วยงานที่ตรวจสอบ หรือแม้กระทั้งฝ่ายค้านในเรื่องเกี่ยวกับผลประโยชน์ของชาติ หรือความมั่นคงของชาติ ถือว่าเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรง เพื่อที่จะให้เกิดความโปร่งใส และเกิดกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า จากที่ถูกข้อโต้แย้งต่างๆ หรือข้อสงสัยนั้น เป็นไปตามที่กล่าวหาหรือไม่ คณะรัฐมนตรีมีความเห็นว่าจะใช้กลไกรัฐสภาตรวจสอบผลประโยชน์ของชาติ กระบวนการตรวจสอบที่ล่าช้าก็อาจเป็นเหตุให้องค์การนาซ่ายกเลิกโครงการในห่วงเวลาของสภาพภูมิอากาศเป็นข้อจำกัดว่า เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ และเสียโอกาสในการพัฒนาขีดความสามารถในการพยากรณ์อากาศก็จะทำให้เราได้ข้อมูลได้แม่นยำขึ้น อย่างไรก็ตาม รัฐบาลยืนยันว่ารัฐบาลจะหาช่องทางหลายๆ ช่องทางในการวิเคราะห์ประมวลข้อมูลต่างๆ ให้เต็มที่ และถือโอกาสนี้ขอบคุณนักวิชาการหลายๆ ท่านที่ออกมาให้ข้อมูล ข้อคิดเห็น และผลประโยชน์ของประเทศชาติที่จะได้รับในความร่วมมือครั้งนี้ แต่ก็ยืนยันว่า รัฐบาลยังให้ความสำคัญกับการศึกษาทางด้านวิจัยวิทยาศาสตร์ และจะพยายามในการสนับสนุนทุกวิถีทางในการได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ประเทศชาติ และยืนยันรัฐบาลทำเต็มที่ที่จะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติเป็นหลัก” นายกฯ กล่าว
เมื่อถามว่า คิดว่าเวลานี้การเมืองกำลังทำให้ประเทศชาติเสียโอกาส เสียผลประโยชน์หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า คงได้ชี้แจงไปทั้งหมดแล้ว เชื่อว่าเราถึงใช้กลไกของรัฐสภาในการชี้แจงข้อมูลทั้งหมด ก็เปิดโอกาสให้กลไกของรัฐสภาตรวจสอบและซักถามรัฐบาลได้อย่างเต็มที่ ความจริงเราได้มีการชี้แจงต่อสื่อมวลชนถึงรายละเอียดไปหลายครั้งแล้ว คิดว่ากลไกรัฐสภาจะได้มีการตรวจสอบ เมื่อถามว่าจะชี้แจงกับสหรัฐฯ อย่างไร และจะกระทบต่อความสัมพันธ์หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ครม.ได้มอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปชี้แจงกับทางสหรัฐฯ เชื่อว่าสหรัฐฯ จะเข้าใจและเคารพการตัดสินใจของเรา
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเป็นไปได้หรือไม่ เมื่อผ่านมาตรา 179 แล้ว จะขอให้สหรัฐฯมาดำเนินการตามคำขอ นายกฯ กล่าวว่า ก็ต้องขึ้นอยู่กับว่า เมื่อได้มีการชี้แจงต่อรัฐสภาแล้ว ที่ประชุม สื่อมวลชน และประชาชนจะเห็นเป็นอย่างไร เนื่องจากหัวข้อนี้เป็นผลประโยชน์ของชาติ ถ้าคิดว่าไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรก็มาสรุปกัน เรียนไว้อย่างนี้ ในขั้นตอนต่างๆ เรียนว่ารัฐบาลจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายผ่านการเห็นของ ครม.ขึ้นไปเช่นกัน เมื่อถามว่า แสดงว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่มั่นใจในเรื่องของข้อกฎหมายถึงได้ส่งไปรัฐสภา นายกฯ กล่าวปฏิเสธว่าไม่ใช่ ในข้อกฎหมายทางคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ชี้แจงแล้วว่า ไม่ได้เข้ามาตรา 190 อย่างไรก็ตาม ยังมีหลายท่านที่มองว่าเป็นเรื่องคิดเห็น ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องของผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก เราเองก็อยากให้กลไกนี้ในการตรวจสอบได้ สอบถาม ที่ผ่านมามีข้อกล่าวหาที่รุนแรงอย่างนี้ คงไม่มีใครบอกว่ารีบเดินหน้าโดยไม่ฟังข้อคิดเห็น ก็เพื่อที่จะยืนยันว่ารัฐบาลถือผลประโยชน์ของชาติเป็นหลัก และพร้อมที่จะใช้กลไกของรัฐสภาในการตรวจสอบความถูกต้อง และประโยชน์ของชาติ
เมื่อถามว่า ทำไมไม่เปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ นายกฯ กล่าวว่า หากเปิดสภาฯ สมัยวิสามัญก็ยังไม่ทัน เพราะโครงการนี้มีเงื่อนเวลา ซึ่งสหรัฐฯ ให้ไทยให้คำตอบวันนี้เป็นวันสุดท้าย และสามารถรอได้แค่สิ้นเดือน แม้จะเปิดวิสามัญก็คงไม่ทัน เราเองคงต้องทำหน้าที่อย่างดีที่สุดในการหาข้อมูลจากแหล่งอื่นๆ มาใช้ เมื่อถามต่อว่า ถ้าสภาฯ ตรวจสอบแล้วเรื่องนี้ไม่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ฝ่ายค้านจะต้องรับผิดชอบอย่างไรหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อันนี้ต้องขอให้ประชาชนเป็นผู้พิจารณาจะดีกว่า เราคงไม่อยากให้ความเห็นตรงนั้น และขอชี้แจงรายละเอียดให้สื่อมวลชนต่างๆ ทราบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่ประชุม ครม.ได้ออกเป็นมติอย่างไรกับเรื่องนี้ นายกฯ กล่าวว่า มติครม.เห็นชอบเสนอต่อสภาฯ ในการชี้แจงข้อเท็จจริง เมื่อถามว่า เรื่องนี่จะกลายเป็นบรรทัดฐานในเรื่องอื่นที่นาซ่าขอความร่วมมือไทยหรือไม่ ว่าต้องเข้าการพิจารณาของสภาฯ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆ ต้องบอกว่า ในแง่มาตรา 190 วรรค 2 มีขอบข่ายอยู่แล้ว ซึ่งจะเน้นในเรื่องของความมั่นคง รวมถึงความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจและสังคมด้วย และความมั่นคง เรื่องการเสียดินแดนไม่ได้อยู่ในข่ายนี้ ทางกฤษฎีกาก็ได้ชี้แจงแล้ว