ปชป.เฉ่ง “นช.แม้ว” ชักใย “ปู” ลุยจำนำข้าวเปิดทางทุจริต ทำประเทศหายนะ

“ชวนนท์” ระบุ “นช.แม้ว” นักโทษหนีคดีชักใยรัฐบาลปู เดินหน้าจำนำข้าวหวังเปิดทางให้มีการทุจริตมหาศาล ไม่สนใจทำประเทศหายนะ ชี้สุดอันตราย แค่ 3 ฤดูกาลงบฯ พุ่งกว่า 9 แสนล้านบาท บี้พาณิชย์แจงตัวเลขสต๊อกข้าวการระบายแบบจีทูจี หลังพบโกหกสีดำมั่วตัวเลขส่งออก เตือนระบบเศรษฐกิจพังคามือ “ยิ่งลักษณ์” มุ่งก่อหนี้อีก 2 ล้านล้านบาท แต่ไร้ปัญญาสร้างรายได้ แถมรีดภาษีคนจน แต่ลดภาษีนายทุน เผยสัญญาณอันตราย รายได้พลาดเป้าเกือบ 2 หมื่นล้าน ห่วงหนี้สาธารณะพุ่งคุมไม่อยู่ ประชาชนอ่วม

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี ยืนยันว่ารัฐบาลจะทำโครงการจำนำข้าวต่อไปโดยอ้างว่าจำเป็นเพราะเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร พร้อมกับให้เหตุผลว่าโครงการดังกล่าวช่วยยกระดับราคาข้าวและพัฒนาความเป็นอยู่ของชาวนา เป็นการยืนยันว่าผู้กำหนดนโยบายของรัฐบาลไทยไม่ได้อยู่ในประเทศไทย แต่ผู้ที่กำหนดทิศทางการทำงานของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี คือพี่ชายที่ชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ

ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังได้โกหกหลายเรื่อง เช่น ระบุว่าจะยกระดับราคาขายแบบจีทูจี และพัฒนาคุณภาพชีวิตขาวนา แต่โครงการนี้ผลาญงบประมาณแผ่นดินแล้วประมาณ 5 แสนล้านบาท ซึ่งในฤดูกาลที่จะถึงนี้ต้องใช้งบประมาณถึง 4 แสนล้าน รวมแล้วต้องใช้งบประมาณเกือบล้านล้านบาทภายในสามฤดูกาล ชี้ให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ประเมินถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประเทศ เพราะสิ่งที่อ้างว่าเป็นประโยชน์ก็ไม่จริง ทั้งที่อ้างว่ายกระดับราคาข้าวก็ไม่ได้สูงตามที่กล่าวอ้าง ส่วนที่บอกว่าส่งออกไปต่างประเทศแบบจีทูจีกระทรวงพาณิชย์ก็โกหก เนื่องจากมีคำยืนยันจากวงการค้าข้าวไม่พบเห็นการส่งออกข้าว 7 ล้านตันตามที่มีการกล่าวอ้างแม้แต่กิโลเดียว เพราะฉะนั้นข้าวในสต๊อคของรัฐบาลมีจำนวนมหาศาลโดยที่รัฐบาลไม่เปิดเผยความจริง

“ขอเรียกร้องให้กระทรวงพาณิชย์เปิดเผยข้อเท็จจริงว่าสต๊อคข้าวมีอยู่เท่าไหร่ ขายใคร จำนวนเท่าไหร่ ไม่เช่นนั้นนี่คือโกหกสีดำกับประชาชนอย่างรุนแรงเพราะสร้างความเสียหายต่ออุตสาหกรรมข้าวทั้งระบบ แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่คำนึงถึงความเสียหายเนื่องจากมีผลประโยชน์จากการทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างมหาศาล”

นายชวนนท์กล่าวว่า แม้แต่หน่วยงานภาครัฐ และภาควิชาการก็ไม่เห็นด้วย โดยก่อนหน้านี้ก็มีการคัดค้านใน ครม.ทั้งในส่วนของสภาพัฒน์ สำนักงบประมาณและสำนักเลขาธิการ ครม. แต่รัฐบาลก็ไม่ฟังเนื่องจากต้องการแสวงหาประโยชน์จากความเสียหายของประเทศ สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่ารัฐบาลไม่มีการคำนึงถึงวินัยการเงินการคลัง ซึ่งการดำเนินนโยบายเช่นนี้เชื่อมโยงมาถึงการจัดเก็บภาษีที่ต่ำกว่าประมาณการในเดือนสิงหาคม 2555 ถึง 33,322 ล้านบาท และต่ำกว่าเป้าหมายในรอบ 11 เดือนถึง 19,837 ล้านบาท

ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้การจัดเก็บภาษีลดลงคือรายได้นิติบุคคลซึ่งเกิดจากนโยบายลดภาษีรายได้นิติบุคคลจาก 30% เป็น 23% ของรัฐบาล แต่ภาษีที่เก็บได้มากขึ้นคือ ภาษีบุคคลธรรมดา เท่ากับว่ารัฐบาลรีดภาษีผู้ประกอบการรายย่อย หรือพ่อค้า แม่ค้า เพื่อชดเชยส่วนที่เสียไป กับการลดภาษีให้นายทุน จึงอยากให้รัฐบาลต้องระมัดระวังอย่าให้คนคิดว่ารัฐบาลที่อ้างว่าตัวเองเป็นรัฐบาลคนจนแต่กลับยกเว้นภาษีให้กับคนรวย แล้วไปรีดภาษีคนจนผู้ประกอบการรายเล็กๆ ทั้งนี้เห็นว่าแนวทางที่รัฐบาลกำลังทำอยู่นั้นมีความอันตรายและความเปราะบางในเรื่องโครงสร้างภาษี

“เมื่อเก็บภาษีได้ไม่ตรงเป้าการขาดดุลงบประมาณก็เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว เพราะต้องมีการกู้มาชดเชย จะทำให้ระดับหนี้สาธารณะเพิ่มสูงขึ้น และรัฐบาลยังมีแนวโน้มที่จะเก็บรายได้ลดลงอีกเพราะมีนโยบายลดภาษีรายได้นิติบุคคลลงเหลือ 20% ในปี 2556 ซึ่งรัฐบาลยังมีแนวคิดที่จะกู้เงินอีก 2 ล้านล้านโดยอ้างว่าเพื่อปรับโครงสร้างของประเทศ โดยไม่ได้มีแนวคิดว่าจะหารายได้มาชดเชยในส่วนที่ทำเสียหายไปจากนโยบายจำนำข้าว และการเก็บภาษีนิติบุคคลลดลงอย่างไร ผมคิดว่าระบบเศรษฐกิจกำลังจะล่มสลายในมือของรัฐบาลชุดนี้ เพราะรัฐบาลคิดแต่จะสร้างหนี้โดยไม่มีแผนหารายได้มารองรับรายจ่ายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต”