ประธาน ส.ส.กทม.ปชป. จี้รองนายกฯ และมท.1 โชว์สปิริตไม่ให้เป็นภาระรัฐ ชี้นั่งรักษาการนายกฯ ประชุม ครม.ส่อกระทบมติในอนาคตได้ เตือน รมต.ระวังผิด ม.157 โต้เพื่อไทย ยันพรรคบู๊หวังบรรทัดฐานทางการเมือง สับ อ.ก.พ.มหาดไทยเอาสีข้างถู ด้าน “ราเมศ” ซัด “เหลิม-ธาริต” บิดเบือนคำสั่งคดีแท็กซี่แดง ส่อบีบ “อภิสิทธิ์-สุเทพ” รับนิรโทษกรรม
วันนี้ (24 ก.ย.) นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ประธาน ส.ส.กทม. กล่าวถึงกรณีที่ อ.ก.พ.มหาดไทย อุ้มนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยให้อยู่ในตำแหน่งต่อไปว่า ประเด็นนี้มีเรื่องข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำรงตำแหน่งรองนายกฯ และรมว.มหาดไทยต่อไปได้หรือไม่ ซึ่งอาจจะนำไปสู่ปัญหาการบริหารราชการแผ่นดินทั้งของนายยงยุทธ และรัฐบาล พรรคจึงอยากเรียกร้องให้นายยงยุทธ แสดงสปิริตว่าในฐานะที่เป็นบุคคลที่มีส่วนก่อให้เกิดปัญหาต่อการบริหารราชการแผ่นดิน และรัฐบาลควรกำหนดสปิริตอย่างไรไม่ให้เป็นภาระของรัฐบาล เพราะนายยงยุทธยังรักษาการนายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะประชุม ครม.ซึ่งจะต้องมีมติเห็นชอบหรืออนุมัติเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการบริหารราชการแผ่นดิน หากยังทำหน้าที่ต่อไปอาจส่งผลกระทบถึงงานที่ออกมา มติ ครม.จะมีปัญหาต่อไปในอนาคต วิธีที่ง่ายที่สุดไม่เป็นภาระต่อรัฐบาลควรแสดงสปิริต อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่แสดงสปิริตก็อยากให้ ครม.ที่ต้องร่วมพิจารณาในวันพรุ่งนี้คำนึงถึงการปฏิบัติราชการที่อาจเข้าข่ายมาตรา 157 ตนเชื่อว่ารัฐมนตรีคนอื่นคงไม่อยากเอาตัวเองเข้ามาได้รับผลกระทบในเรื่องนี้ เพราะถ้านายยงยุทธแสดงสปิริตปัญหาก็จบ
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกมาระบุว่าการที่พรรคประชาธิปัตย์ติดตามเรื่องนี้เป็นเกมการเมืองนั้น นายองอาจกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่พรรคเปิดประเด็นขึ้นมา แต่เป็นเรื่องที่ ป.ป.ช.พิจารณาชี้มูล พรรคเพียงแค่ตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและต้องการให้เป็นบรรทัดฐานในอนาคต เพราะเรื่องนี้มีความสลับซับซ้อน มีสิ่งที่ไม่น่าเป็นไปได้หลายเรื่อง เช่น มติ อ.ก.พ.ให้ย้อนหลังไปในวันที่ 30 ก.ย. 2545 ใช้ พ.ร.บ.ล้างมลทินอุ้มนายยงยุทธ เพื่อให้ดำรงตำแหน่งต่อไป โดยใช้ข้ออ้างกฤษฎีกาและ กพ.มาสร้างความชอบธรรม ทั้งที่ข้ออ้างดังกล่าวไม่ใช่บรรทัดฐานทางกฎหมาย เพราะข้อเสนอแนะและความเห็นของกฤษฎีกากับ ก.พ.เป็นเพียงเรื่องของหน่วยงานเท่านั้นไม่ใช่ข้อยุติ อ.ก.พ.มหาดไทยพิจารณาว่าเห็นพ้องกับ ป.ป.ช.เสียงข้างน้อยสามเสียงว่า นายยงยุทธไม่ผิด จึงถามว่าทำไมไม่เอาเสียงข้างมากของ ป.ป.ช.มาพิจารณา
ส่วนกรณีที่เลขาฯ กฤษฎีกาส่งความเห็นไป อ.ก.พ.มหาดไทยว่า วางหลักเกณฑ์ไว้นานแล้วว่าหากจะลงโทษข้าราชการต้องดำเนินการในขณะรับราชการ หากพ้นหรือเกษียณราชการแล้วจะลงโทษบุคคลนั้นไม่ได้นั้น นายองอาจกล่าวว่า อ.ก.พ.เอาสีข้างเข้าถูลงโทษย้อนหลังไป 10 ปี ในวันที่ 30 กันยายน 2545 ถามว่าเมื่อลงโทษไม่ได้จะล้างมลทินได้อย่างไร เพราะฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ตนคิดว่ารัฐบาลนี้พยายามเอาสีข้างเข้าถูเพื่อช่วยเหลือพวกพ้องให้อยู่ในตำแหน่งต่อไป พรรคไม่ได้อนาทรร้อนใจกับการอยู่ในตำแหน่งของนายยงยุทธ เพราะไม่มีเรื่องโกรธเคืองเป็นการส่วนตัว แต่ที่พรรคกำลังดำเนินการคือ อยากเห็นกระบวนการปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ กระบวนการยุติธรรมเกิดขึ้นในสังคม มากกว่าการเอาสีข้างเข้าถู เพราะไม่เกิดประโยชน์ต่อนายยงยุทธ รัฐบาล แล้วยังส่งผลกระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดินโดยรวมด้วย อยากให้นายยงยุทธพิจารณาอย่างจริงจังเพื่อประโยชน์ของประเทศ
ด้าน นายราเมศร์ รัตนเชวง ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ประเด็นการไต่สวนการชันสูตรพลิกศพกรณีนายพัน คำกอง ซึ่งมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงมุ่งเอาผิดกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยมีการตั้งธงล่วงหน้าเอาผิดเพื่อเป็นเงื่อนไขออกกฎหมายล้างผิดให้คนบางกลุ่ม การออกมาแถลงข่าวของนายธาริตว่าเตรียมตั้งข้อหาฆาตกรรม จึงอยากอธิบายข้อกฎหมายว่า คดีนี้เป็นเพียงการไต่สวนการชันสูตรพลิกศพ กฎหมายอาญามาตรา 150 หลักมีอยู่ว่าศาลไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อให้ทราบผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อไหร่ มีเหตุและพฤติการณ์การตายอย่างไร เป็นสาระสำคัญในการไต่สวน ซึ่งศาลก็มีคำสั่งว่าผู้ตายชื่อนายพัน คำกอง ตายหน้าสำนักงานขายคอนโดมีเนียมไอดีโอ วันที่ 15 พ.ค. 53 เวลากลางคืน เหตุพฤติการณ์แห่งการตายเกิดจากระสุนปืนเจ้าหน้าที่ในขณะปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบปิดล้อมพื้นที่ ไม่มีส่วนไหนชี้ว่านายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เป็นคนสั่งและมีเจตนาฆ่า แต่นายธาริตและ ร.ต.อ.เฉลิม กลับไปขยายผลว่าจะตั้งข้อหาฆาตกรรมกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ เป็นการพูดที่บิดเบือนข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ไม่ใข่วิสัยของพนักงานสอบสวนที่ดี เพราะขณะนี้ยังไม่รู้เลยว่าใครทำผิด แต่ถ้านายธาริตจะตั้งข้อหานายอภิสิทธิ์และนายสุเทพให้เป็นจำเลยเพื่อเป็นเงื่อนไขออกกฎหมายล้างผิดให้คนโกง อยากเตือนนายธาริตว่าต้องอย่าลืมหน้าที่ที่กฎหมายกำหนด อย่าลืมความถูกต้อง อย่าใช้กระบวนการหมาหมู่เอาผิดนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ไม่เช่นนั้นองค์กรจะเสื่อมถอยและนายธาริต เองก็จะล้มละลายทางความน่าเชื่อถือ เพราะหลักที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุขต้องอยู่บนพื้นฐานความถูกต้อง ยึดหลักกฎหมาย พูดความจริง ถ้าไม่ได้รับความเป็นธรรมเชื่อจะเกิดการต่อสู้มากขึ้น ให้เลือกจะเกษียณอายุราชการอย่างมีความสุขหรือมีความทุกข์ การทำตามนโยบายฝ่ายการเมืองต้องยึดหลักกฎหมายและความถูกต้องอย่าหลับหูหลับตารับใช้จนลืมความถูกต้อง