ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ตำรวจเชียงใหม่ตามรวบตัวสองผัวเมียหัวหมออ้างตัวเป็นตำรวจก่อนตระเวนปล้นทรัพย์ เผยพฤติกรรมเล็งเหยื่อล่วงหน้าก่อนขอเข้าตรวจค้นยาเสพติดแล้วจัดการยัดยาก่อนซ้อม-ปล้นทรัพย์สิน ตำรวจเผยก่อเหตุมาแล้วหลายที่-มีสมาชิกอีก 2 กำลังเร่งติดตามจับกุม ด้านผู้ต้องหาอ้างเป็นทหารเก่าลูกน้อง “เสธ.แดง”
วันนี้ (22 ก.ย.55) ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ พล.ต.ท.ชำนาญ รวดเร็ว รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 พร้อมด้วย พ.ต.อ.วีรวุฒิ เนียมน้อย รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดเชียงใหม่ พ.ต.อ.อักษร วงศ์ใหญ่ ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองเชียงใหม่ และคณะ ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วทำการปล้นทรัพย์จากผู้เสียหาย หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวนายวสันต์ ธรรมสืบศักดิ์ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 54/2 หมู่ 2 แขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ และนางสาวกาญจนา ทูลศิริ อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 142/1 หมู่ 5 ต.สระแก้ว อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี ได้ที่บริเวณหน้าบุญส่งคอนโดมีเนียม เลขที่181/1 ซอยเฟื่องสิน แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ที่ผ่านมา
การจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา สภ.เมืองเชียงใหม่ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายจำนวน 4 คน ทำการก่อเหตุปล้นทรัพย์ที่หอพักจีรานันท์ ห้องเอ 4 หมู่ 8 ต.ป่าแดด อ.เมือง จ.เชียงใหม่ โดยมีผู้เสียหายคือนายเจริญ โสภานะ ซึ่งถูกกักขังไว้ในห้องพร้อมกับภรรยาและถูกปล้นทรัพย์สิน ประกอบด้วยเงินสดประมาณ 20,000 บาท สร้อยคอทองคำหนัก 2 สลึง 1 เส้น แหวนทองคำหนัก 1 สลึง 1 วง โทรศัพท์มือถือจำนวน 2 เครื่อง และบัตรประชาชนกับสมุดบัญชีเงินฝากของผู้เสียหาย โดยกลุ่มคนร้ายได้อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจค้นห้องพักของผู้เสียหาย และแจ้งว่าผู้เสียหายมีพฤติการณ์เกี่ยวข้องกับการค้ายาเสพติด พร้อมทั้งนำยาบ้ามาไว้ในที่เกิดเหตุเพื่อใช้เป็นหลักฐานว่าผู้เสียหายค้ายาบ้าจริง จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้ทำร้ายผู้เสียหาย ก่อนจะบังคับเอาทรัพย์สินและขังผู้เสียหายไว้ในห้องแล้วหลบหนีไป
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่พบว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวประกอบด้วยนายวสันต์ นางสาวกาญจนา นางสาววาสนา ศรีคุณ และนายวรวุฒิ ชุ่มชื่น สามีของนางวาสนา โดยพบว่าคนร้ายกลุ่มดังกล่าวได้ก่อคดีในลักษณะเดียวกันนี้ในเขตท้องที่ สภ.สารภีและ สภ.ภูพิงค์ จึงได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐาน จนกระทั่งทราบว่าผู้ต้องหาใช้รถหมายเลขทะเบียน จง 1654 กรุงเทพมหานคร ในการก่อเหตุ โดยรถคันดังกล่าวเป็นของนางสาวกาญจนา ขณะที่นายวสันต์ซึ่งเป็นสามีของนางสาวกาญจนานั้นมีพฤติการณ์แอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจและก่อเหตุปล้นทรัพย์รวม 3 คดีในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรีด้วย จึงได้ติดตามหาตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ราย จนสามารถจับกุมตัวนายวสันต์และนางสาวกาญจนาได้ที่กรุงเทพฯ ส่วนนางสาววาสนาและนายวรวุฒิยังอยู่ในระหว่างการติดตามจับกุม
พล.ต.ต.ชำนาญ รวดเร็ว รอง ผบช.ภ.5 กล่าวว่า ผู้ต้องหากลุ่มนี้ใช้วิธีการอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยจะเลือกเหยื่อที่มีท่าทีต้องสงสัยว่าจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด หรือเหยื่อที่ได้เลือกและติดตามดูพฤติกรรมมาระยะหนึ่งแล้ว โดยในการเข้าปล้นทรัพย์จะอ้างว่าเข้ามาตรวจสอบเรื่องยาเสพติด พร้อมทั้งทำการยัดยาเสพติดเพื่อข่มขู่ผู้เสียหาย ก่อนจะทำการปล้นทรัพย์และทำร้ายร่างกาย ขณะเดียวกันยังพบว่าผู้ต้องหากลุ่มนี้ได้ก่อเหตุในลักษณะดังกล่าวทั้งในพื้นที่ จ.เชียงใหม่และจังหวัดอื่นมาแล้วหลายครั้ง ประกอบด้วยคดีในพื้นที่ สภ.สารภีและคดีในพื้นที่ สภ.เมืองเชียงใหม่เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา คดีในพื้นที่ สภ.ภูพิงค์เมื่อวันที่ 16 ก.ย. รวมถึงคดีในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี 3 ราย และคดีในพื้นที่ สน.บางมดอีก 1 ราย
ทั้งนี้ในระหว่างการแถลงข่าว นางสาวกาญจนา พยายามชี้แจงว่าตนเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว แต่ถูกจับกุมเนื่องจากอยู่กับนายวสันต์ ส่วนนายวสันต์ระบุว่าคดีปล้นทรัพย์เจ้าทุกข์ในหอพักที่ ต.ป่าแดดนั้น ตนไปเป็นเพื่อนนายวรวุฒิเท่านั้น ส่วนการอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเนื่องจากนายวรวุฒิมีเรื่องขัดแย้งกับผู้เสียหาย จึงได้อ้างว่าตนซึ่งเดินทางไปด้วยเป็นนายตำรวจเพื่อให้ผู้เสียหายเกรงกลัว ตนจึงจำเป็นต้องรับว่าเป็นตำรวจตามที่นายวรวุฒิอ้าง
นอกจากนี้นายวสันต์ยังเปิดเผยว่าเดิมตนเองเคยเป็นทหารสังกัดกรมทหาปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ แต่ได้ลาออกมาตั้งแต่ปี 2550 จากนั้นได้ประกอบอาชีพค้าขาย ดูแลวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กับรับจ้างเก็บเงินกู้และติดตามหนี้สิน อีกทั้งยังระบุว่าเคยเป็นลูกน้องของ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง อีกด้วย