“อารักษ์” ปลื้มโครงการ “บัตรเครดิตพลังงาน” ยกกำลัง 2 โดนใจกลุ่มแฟนคลับ เผยวันแรก “จยย.รับจ้าง” แห่สมัครกว่า 3 หมื่นราย การันตีเป็นโครงการที่ดีจริง ไม่ทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียอย่างที่หลายฝ่ายเป็นห่วง มั่นใจแก้หนี้นอกระบบได้อยู่หมัด แย้มบัตรชุดใหม่ใช้เพียงใบเดียวก็สุดคุ้ม รับทั้งวงเงินเครดิต และส่วนลดราคา
นายอารักษ์ ชลธาร์นนท์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงโครงการบัตรเครดิตพลังงานยกกำลัง 2 ที่เริ่มเปิดรับสมัครในวันแรกไปแล้วเมื่อวานนี้ (15 ส.ค.) ปรากฏว่ามีกลุ่มมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้ามายื่นใบสมัครแล้วกว่า 3 หมื่นคน และคาดว่าจะมีกลุ่มรถแท็กซี่ รถสามล้อ และรถตู้ร่วม ขสมก.สนใจเข้ามาสมัครเพิ่มอีกในภายหลัง ซึ่งตนมั่นใจว่าโครงการนี้จะไม่ทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียอย่างที่หลายคนเป็นห่วง แต่ในทางกลับกันจะช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบจากการที่กลุ่มผู้ขับขี่รถสาธารณะเหล่านี้ไปกู้ยืมเงินมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานกล่าวเสริมว่า สิทธิประโยชน์ของบัตรเครดิตรุ่นใหม่นอกจากจะให้วงเงินใช้จ่ายรายละ 3,000 บาทเพื่อใช้ชำระค่าน้ำมันและเอ็นจีวีแล้ว กรณีที่เป็นมอเตอร์ไซค์จะได้รับส่วนลดราคาแก๊สโซฮอล์ 95 และแก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 3 บาท ขณะที่รถสาธารณะอื่นที่ใช้เอ็นจีวีจะได้รับส่วนลด 2 บาทต่อกิโลกรัม
“ยืนยันว่าการออกบัตรเครดิตพลังงานครั้งนี้จะไม่ทำให้เกิดหนี้เสียเหมือนกับล็อตแรก ที่เข้าใจผิดว่าเป็นการให้เงินเปล่าไม่ต้องชำระคืน ซึ่งบัตรรูปแบบใหม่มีการอธิบายให้ชัดเจนว่าจะต้องนำเงินมาชำระคืนอย่างไร พร้อมกับเพิ่มช่องทางการชำระเงินด้วย และน่าจะช่วยลดปัญหาหนี้นอกระบบที่กลุ่มผู้ขับรถสาธารณะนิยมไปกู้เงินและถูกเก็บดอกเบี้ยแพง”
ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้พัฒนาระบบการใช้บัตรเครดิตพลังงานเอ็นจีวีให้เกิดความสะดวกมากขึ้น จากเดิมที่ต้องใช้บัตรเติมก๊าซเพื่อรับส่วนลดราคา และบัตรเครดิตเอ็นจีวีคู่กัน แต่บัตรใหม่ใช้บัตรเพียงใบเดียวก็รับทั้งวงเงินเครดิต และส่วนลดราคา โดยจะยกเลิกการใช้บัตรเติมเอ็นจีวีเดิมตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป โดยให้ปรับมาใช้บัตรใหม่แทน
ทั้งนี้ บัตรเครดิตพลังงานยกกำลัง 2 จะนำไปใช้ได้เฉพาะในปั๊ม ปตท.เท่านั้น ในช่วงแรกเริ่มใช้บัตรได้จริงตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2555 เป็นต้นไป ซึ่งจะประสานกับบริษัทน้ำมันอื่นเพื่อให้เข้ามาร่วมโครงการต่อไป
วันนี้ กระทรวงพลังงานจะมีการหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคม และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อหาข้อยุติถึงแนวทางการปรับโครงสร้างราคาเอ็นจีวีร่วมกัน ซึ่งล่าสุดคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ยังคงตรึงราคาไว้ที่ 10.50 บาทต่อกิโลกรัม จนกว่าจะมีผลศึกษาต้นทุนราคาออกมาชัดเจน
