xs
xsm
sm
md
lg

ศาลตัดสินคดี “แท็กซี่เสื้อแดง” ตาย เกิดจากกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ!

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ศาลมีคำสั่งผลชันสูตรสาเหตุการตายของ “นายพัน คำกอง” โชเฟอร์แท็กซี่ นปช.ช่วงระหว่างชุมนุมปี 2553 เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ ช่วงกระชับพื้นที่



วันนี้ (17 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณา 704 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำสั่งคดีหมายเลขดำที่ อช.2/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 9 ผู้ร้อง และนางหนูชิด คำกอง ภรรยาผู้ตาย ผู้ร้องร่วม ยื่นคำร้องขอให้ศาลชันสูตรสาเหตุการตาย ของนายพัน คำกอง ชาวจ.ยโสธร อาชีพขับรถแท็กซี่ กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่เสียชีวิตหน้าคอนโดมิเนียม ใกล้สถานีรถไฟแอร์พอร์ลิงค์สถานีราชปรารภ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 ระหว่างเหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มนปช.และเจ้านห้าที่ทหารได้ทำการกระชับพื้นที่บริเวณแยกราชประสงค์

คำร้องระบุว่า เมื่อวันที่ 12 มีนาคม – 19 พฤษภาคม 2553 มีการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาอยู่ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศและบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ต่อมานายกรัฐมนตรีได้ออกประกาศ พ.ร.ก.บริหารสถานราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง เพื่อควบคุมผู้ชุมนุมและมีการตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และแต่งตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ ต่อมามีการประกาศห้ามใช้ถนนถนนราชปรารภตั้งแต่สี่แยกประตูน้ำถึงสี่แยกมักกะสัน โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมพื้นที่ พร้อมติดป้ายเขตใช้กระสุนจริง เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 นายสมร ไหมทอง ขับรถยนต์ตู้กลับบ้านพักผ่านถนนราชปรารภ เจ้าหน้าที่ทหารประกาศให้หยุดรถ แต่นายสมร ขับรถไปต่อถึงบริเวณสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ทลิ้งค์ ถูกเจ้าหน้าที่ทหารใช้อาวุธยิงหลายนัด อันเป็นการปฎิบัติหน้าที่ ทำให้นายสมร ถูกยิงได้รับบาดที่ลำตัวด้านหลัง และนายพัน ถูกกระสุนยิงตายหน้าสำนักงานขายคอนโดมิเนียมไอดีโอ อันเป็นการตายที่เกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานที่อ้างว่าปฎิบัติหน้าที่ ขอให้ศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายเป็น ตายที่ให้ ตายเมื่อไร สาเหตุและพฤติการณ์ตายเกิดจากอะไร ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.150

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ระหว่างวันที่ 12 มีนาคม 2553 – 19 พฤษภาคม 2553 มีการชุมนุมทางการเมืองของประชาชนที่ใช้ชื่อว่า “กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ” หรือ นปช. เรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ประกาศยุบสภาอยู่ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศและบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ระหว่างมีการชุมนุมนายกรัฐมนตรีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงเพื่อควบคุมสถานการณ์ชุมนุม มีการจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แล้วแต่งตั้งนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นผู้อำนวยการ ต่อมาศูนย์อำนวยการดังกล่าวประกาศห้ามใช้เส้นทางคมนาคมหรือใช้ยานพาหนะใดๆเข้าออกในเส้นทางที่กำหนดเว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานเจ้าหน้าที่บริเวณถนนราชปรารภตั้งแต่สี่แยกประตูน้ำถึงสี่แยกมักกะสัน โดยมีเจ้าพนักงานทหารจากทหารปืนใหญ่ที่ 31 และกองพันทหารราบที่ 3 ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมเส้นทางการคมนาคมในบริเวณดังกล่าว มีการปิดแผ่นป้ายข้อความว่า “เขตใช้กระสุนจริง”

จากพยานหลักฐานของผู้ร้องและผู้ร้องร่วมอันประกอบด้วยประจักษ์พยาน พยานแวดล้อมกรณีเจ้าพนักงานทหารผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องต่างๆ และพนักงานสอบสวน รวมถึงภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหวเหตุการณ์ได้ความว่า พ.ท.วรกานต์ ฮุ่นตระกูล ผู้บังคับการกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 31 รักษาพระองค์ เบิกความว่า หลังเวลา 20.00 น. ของวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 มีคนร้ายยิงลูกระเบิดแบบเอ็ม 79 เข้าไปบริเวณที่ พ.ท.วรกานต์ รับผิดชอบ และมีวิทยุเครือข่ายทหารแจ้งว่าให้ระวังรถยนต์ตู้สีขาวอาจมีการทำคาร์บอร์มหรือขนอาวุธสงครามใช้ทำร้ายทหาร

ร.อ.เสริมศักดิ์ คำละมูล ผู้บังคับกองร้อยทหารปืนใหญ่ที่ 31 รักษาพระองค์ เบิกความว่า ได้รับแจ้งจากผู้บังคับบัญชาให้สังเกตรถยนต์ตู้ จะมีการขนอาวุธและในวันเกิดเหตุเวลาเที่ยงคืน มีรถยนต์ตู้คันเกิดเหตุขับไปจอดที่หน้าปากซอยราชปรารภ 8 จึงสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาใช้เครื่องขยายเสียงประกาศให้รถยนต์ตู้แล่นกลับไปในทิศทางเดิมหรือเลี้ยวซ้ายไปทางประตูน้ำและต่อจากนั้นได้ใช้เครื่องขยายเสียงขนาดใหญ่ที่ติดตั้งอยู่บนรถประชาสัมพันธ์ประกาศให้ทราบอีกครั้ง รวมเวลาที่รถยนต์ตู้จอดอยู่ประมาณ 30 นาที

นายคมสันติ ทองมาก ผู้สื่อข่าวสำนักงานเนชั่นทีวีเบิกความว่า ได้ยินเสียงประกาศของเจ้าพนักงานทหารและได้ยินเสียงปืนดัง จึงใช้กล้องถ่ายภาพบันทึกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยไม่ตัดต่อ นอกจากนี้นายอเนก ชาติโกฎิ พนักงานรักษาความปลอดภัยของคอนโดมิเนียมไอดีโอ เบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุนายพัน คำกอง ผู้ตายมาขอพักที่สำนักงานขายคอนโดมิเนียม ต่อมาได้ยินเสียงประกาศของเจ้าพนักงานทหาร หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดังที่ละนัด

ศาลเห็นว่า ช่วงระยะเวลาที่ร.อ.เสริมศักดิ์ เบิกความว่าเห็นรถยนต์ตู้จอดอยู่เป็นเวลา 30 นาที ซึ่งเป็นเวลานานพอสมควรที่เจ้าพนักงานทหารที่ควบคุมสถานการณ์ขณะนั้นสามารถดำเนินการบางอย่างเพื่อให้ทราบว่ารถยนต์ตู้ดังกล่าวมีพฤติการณ์ดังที่ ร.อ.เสริมศักดิ์ และ พ.ท.วรกานต์ ได้ข้อมูลหรือไม่ แต่เจ้าพนักงานทหารก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร กลับปล่อยให้รถยนต์ตู้แล่นเลี้ยวขวาไปทางสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ ซึ่งเป็นเขตพื้นที่ควบคุม โดยมีคอนโดมิเนียมไอดีโอตั้งอยู่ริมถนนด้านขวาของรถยนต์ตู้ ร.อ.เสริมศักดิ์ , ส.อ.วรกร ผาสุกหรือผาสุก , ส.อ.ชิตณรงค์ สุดชัย ซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ กลับยืนยันว่าขณะมีการระดมยิงรถตู้ ไม่มีใครเห็นและไม่ทราบว่าใครเป็นคนยิง ทั้งไม่ปรากฏในสรุปสถานการณ์ความเคลื่อนไหวในเอกสารของเจ้าหน้าที่ทหาร ว่าในวันเกิดเหตุจะมีการทำคาร์บอร์มหรือขนอาวุธ จึงเห็นว่าพยานดังกล่าวเบิกความขัดแย้งกับข้อเท็จจริงและเหตุผล

ขณะที่ ร.ต.อ.สากล คำยิ่งยง , ส.อ.ชิตณรงค์ รวมทั้งนายคมสันติ ยืนยันทำนองเดียวกันว่า ช่วงที่เจ้าพนักงานทหารเข้าควบคุมพื้นที่ การเข้าออกต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานทหารก่อน แม้แต่เจ้าพนักงานตำรวจก็ไม่สามารถเข้าออกได้เว้นแต่ได้รับอนุญาต ขณะเกิดเหตุบริเวณดังกล่าวไม่มีประชาชนผู้ชุมนุม ไม่มีผู้ใดเห็นชายชุดดำถืออาวุธปืน มีเพียงผู้สื่อข่าวจากสำนักพิมพ์ต่างๆและเจ้าพนักงานเท่านั้น นอกจากนี้ ร.อ.เกริกเกียรติ เบิกความว่าบริเวณที่เกิดเหตุไม่มีชายชุดดำ และช่วงเกิดเหตุไม่มีใครกล้าเข้ามา แม้นายสมรจะอ้างว่าก่อนถูกระดมยิงไม่ได้ยินเสียงประกาศเตือน และถูกระดมยิงใส่รถยนต์ตู้จากทางด้านหน้าด้านซ้ายและขวา โดยไม่เห็นคนยิงนั้น ปรากฏว่านายอเนก เบิกความว่า เวลาประมาณ 24.00 น.นายอเนกนั่งเล่นหมากฮอตกับผู้ตายอยู่ในสำนักงานขายคอนโดมิเนียม ได้ยินเสียงประกาศของเจ้าพนักงานทหารให้รถยนต์หยุดแล่นเข้าไปในเขตพื้นที่ควบคุม ถ้าไม่หยุดจะยิง ต่อมามีเสียงปืนดังที่ละนัด ผู้ตายวิ่งออกไปดูเหตุการณ์ที่หน้าสำนักงานขายคอนโด จากนั้นมีเสียงอาวุธปืนดังแบบการยิงอัตโนมัติติดๆกัน ผู้ตายวิ่งกลับเข้าไปบอกนายอเนกว่าถูกยิง แล้วล้มลง และนายคมสันติ ผู้บันทึกภาพเคลื่อนไหวก็ได้ยินเสียงประกาศเตือนของเจ้าพนักงานทหารให้รถยนต์ตู้หยุด แล้วได้ยินเสียงปืนทีละนัด หลังจากนั้นจึงได้บันทึกภาพเคลื่อนไหวก็ได้ยินเสียงปืนยิงแบบอัตโนมัติ

นายอเนกและนายคมสันติ พยานทั้งสอง เป็นประจักษ์พยานที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียและไม่มีสาเหตุโกรธเคืองกับใครมาก่อน เชื่อว่าพยานทั้งสองเบิกความตามความเป็นจริง ว่ามีการประกาศแจ้งเตือนล่วงหน้าก่อนแล้วจึงยิงปืนทีละนัด หลังจากนั้นจึงระดมยิงแบบอัตโนมัติ จากการประกาศแจ้งเตือนและการยิงปืนดังกล่าวทำให้ผู้ตายวิ่งไปหน้าสำนักงานคอนโดมิเนียมเพื่อยืนดูเหตุการณ์จึงทำให้ถูกลูกกระสุนปืนที่บริเวณหน้าอกซ้ายใต้ราวนม แฉลบทะลุไปถูกต้นแขนซ้ายและเส้นเลือดใหญ่ฉีกขาด เสียเลือดมากถึงแก่ความตาย โดยพล.อ.ต.นพ.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม ผู้ชันสูตรพลิกศพผู้ตายและผ่าชันสูตรศพพบลูกกระสุนปืนรูปร่างปลายแหลมหุ้มทองเหลืองที่ต้นแขนซ้าย เป็นสาเหตุแห่งการตาย ส่วนพ.ต.ท.ธนงศักดิ์ บุญมาก ผู้ตรวจลูกกระสุนปืนที่ได้จากศพ เบิกความว่า ลูกกระสุนปืนจากศพเป็นลูกกระสุนปืนขนาดเล็กกลขนาด .223 (5.56 มม.) และว่าที่ พ.ต.อ.สุพจน์ เผ่าถนอม ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธปืนยืนยันว่าลูกกระสุนปืนที่พบจากศพเป็นส่วนประกอบของกระสุนปืนเล็กกลขนาด .223 (5.56 มม.) ซึ่งเป็นกระสุนปืนที่ใช้กับปืนความเร็วสูงชนิดเอ็ม 16 รุ่น เอ 2 แต่อาจนำไปใช้กับปืนเอ็ม 16 รุ่น เอ 1 ได้ เป็นอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงครามมีอำนาจทะลุทะลวงสูงกว่ากระสุนปืนแกนเหล็กหุ้มตะกั่ว หากใช้กับอาวุธปืนเอ็ม 16 รุ่น เอ 1 จะทำให้ประสิทธิภาพไม่เท่ากับใช้กับอาวุธปืนเอ็ม 16 รุ่น เอ 2 หรืออาจใช้กับอาวุธปืนทาโว่ ทาร์ หรืออาจใช้กับอาวุธปืนเอชเค 33 หรืออาวุธปืนไรเฟิลเป็นต้น

เมื่อดูภาพถ่ายรถยนต์ตู้พบว่าบริเวณตัวถังรถยนต์ตู้ด้านหน้า ด้านซ้าย และด้านขวา มีร่องรอยถูกลูกกระสุนปืนจำนวนหลายแห่งและหลายชนิดแตกต่างกัน แสดงว่ามีผู้ร่วมยิงหลายคนใช้อาวุธปืนยิงจากอาวุธปืนหลายกระบอก และใช้กระสุนปืนต่างชนิดกัน ปรากฏในภาพเคลื่อนไหวมีบางเจ้าพนักงานทหารบางส่วนกำลังนั่งเล็งอาวุธปืนไปที่รถยนต์ตู้พร้อมจะยิงเพื่อช่วยเหลือสนับสนุน เชื่อว่าช่วงเวลาดังกล่าวไม่มีการยิงต่อสู้ระหว่างคนร้ายที่โจมตีด่านจุดตรวจหรือมีการปะทะกับเจ้าพนักงานทหาร ดังที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณได้รับรายงาน เพราะถ้ามีการโจมตีจริงก็น่าจะปรากฏอยู่ในสถานการณ์ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ทหาร และเชื่อว่าถ้ามีเหตุการณ์ต่อสู้ดังที่อ้างจริง พ.อ.พงศกร อาจสัญจร , พ.ท.วรกานต์ และนายทหารอื่นคงไม่นิ่งเฉยปล่อยให้มีคนร้ายโจมตีโดยไม่สั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบโต้ หลังเหตุการณ์สงบลงมีเจ้าพนักงานทหารหลายนายถืออาวุธปืนเอ็ม 16 เดินไปดูที่รถยนต์ตู้ ไม่มีลักษณะของความเกรงกลัวหรือระวังตัวว่าจะถูกคนร้ายลอบยิงหรือทำร้าย ทั้งที่เจ้าพนักงานทหารอ้างว่ามีการถูกระดมยิงระเบิดเอ็ม 79 ใส่ก่อนเกิดเหตุ ส่วนนายสมร ยอมรับว่าหลังเสียงปืนสงบได้ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือแล้วมีเจ้าพนักงานทหารเข้าไปทุบกระจกรถเพื่อช่วยนำตัวออกจากรถตู้

นอกจากนี้ พ.ต.ท.สิทธิศักดิ์ นาคามาตย์ เบิกความยืนยันด้วยว่าในบริเวณที่กั้นลวดหนามเจ้าพนักงานตำรวจไม่สามารถเข้าไปได้หากจะเข้าไปต้องถูกตรวจค้น ในช่วงดึกตนคอยบอกประชาชนว่าอย่าเข้าไปในถนนราชปรารภเพราะอาจถูกทหารยิง จึงเชื่อได้ว่าในที่เกิดเหตุมีเพียงเจ้าพนักงานทหารที่สามารถถืออาวุธปืนได้เท่านั้น โอกาสที่จะมีคนร้ายหลายคนพร้อมอาวุธปืนผ่านเข้าไปในพื้นที่ควบคุมดังกล่าวย่อมเป็นไปไม่ได้ แม้แต่เจ้าพนักงานตำรวจยังไม่สามารถผ่านเข้าไปได้ จึงเป็นการยากยิ่งที่จะมีคนร้ายหลายคนเล็ดรอดเข้าไปใช้อาวุธปืนจำนวนหลายกระบอกระดมยิงใส่รถตู้ได้ แม้แต่รถพยาบาลและรถมูลนิธิต่างๆยังถูกคำสั่งให้ถูกตรวจค้นอย่างเคร่งครัด ทั้งมีการปิดประกาศของเจ้าพนักงานทหารประกาศแจ้งโดยชัดเจนว่าบริเวณดังกล่าวเป็นเขตใช้กระสุนจริง และจากการตรวจที่เกิดเหตุพบว่าวิถีลูกกระสุนปืนยิงในระนาบเดียวกับพื้นถนน มิได้มีแนวยิงจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำและวิถีลูกกระสุนที่รถยนต์ตู้ก็มีวิถีลูกกระสุนไปในแนวลักษณะเดียวกัน พ.ต.ท.สมิต เห็นว่ารถยนต์ตู้ที่ถูกยิงแล่นไปในแนวเดียวกับบังเกอร์ของทหารที่เชื่อมโยงไปถึงจุดที่ผู้ตายถูกยิง แนววิถีกระสุนตามแผนที่

จากพฤติการณ์ต่างๆดังกล่าวเชื่อว่าวันเกิดเหตุกลุ่มที่ร่วมระดมยิงอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงครามใส่รถยนต์ตู้คันเกิดเหตุนั้นเป็นเจ้าพนักงานทหาร แม้ไม่มีประจักษ์พยานเห็นว่าผู้ตายถูกลูกกระสุนปืนของผู้ใดแต่บริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าวเป็นพื้นที่ควบคุมของเจ้าพนักงานทหารที่ควบคุมพื้นที่ทั้งสองฝั่งถนนของที่เกิดเหตุ สภาพรถยนต์ตู้ก็ถูกยิงจากด้านหน้า ด้านซ้าย และด้านขวา ของตังถังรถยนต์ ในช่วงเกิดเหตุไม่มีคนร้ายเข้าไปในที่เกิดเหตุในลักษณะเข้าไปยิงปะทะต่อสู้กับเจ้าพนักงานทหารตามที่วินิจฉัยข้างต้น คงมีเพียงเจ้าพนักงานทหารที่สามารถใช้อาวุธปืนยิงรถตู้เพราะฝ่าฝืนคำสั่งที่ประกาศเตือนไม่ให้แล่นเข้าไปในพื้นที่ควบคุม ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับผู้ตายวิ่งออกไปดูเหตุการณ์บริเวณหน้าสำนักงานขายคอนโดมิเนียมไอดีโอ นอกจากนี้ยังปรากฏว่าลูกกระสุนปืนที่พบในศพผู้ตายกับในตับของนายสมร คนขับรถยนต์ตู้ เป็นกระสุนขนาด .223 (5.56 มม.) เช่นเดียวกัน เมื่อเปรียบเทียบวิถีกระสุนจากศพผู้ตายกับวิถีกระสุนจากรถยนต์ตู้อยู่ในแนวเดียวกันกับตำแหน่งเจ้าพนักงานทหารที่ควบคุมพื้นที่

จึงเชื่อว่าการตายของผู้ตาย เกิดจากถูกลูกกระสุนปืนจากการยิงของเจ้าพนักงานทหารยิงใส่รถยนต์ตู้ที่แล่นเข้าไปในพื้นที่ควบคุมภายหลังเจ้าพนักงานทหารเตือนให้หยุดแล่น ส่วนว่าที่ พ.ต.ท.นพสิทธิ์ อัครนพหงส์ , พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ ยาคุ้มภัย , พ.ต.ท.ธีรนันต์ นคินทร์พงษ์ , พ.ต.ท.หญิงวรการ ขุทกาฬา , พ.ต.อ.พิภพ ไกรวัฒนพงศ์ และว่าที่ ร.ต.อ.สุพัตรา ถนอมวงศ์ ผู้ตรวจอาวุธปืนเล็กกลแบบเอ็ม 16 ที่ส่งไปจาก ป.พัน 31 รอ. หรือ ร.1พัน 3 รอ. ก็ดี เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นอาวุธปืนกระบอกเดียวกับที่ใช้ยิงกระสุนปืนที่พบในศพของผู้ตายหรือไม่ แม้ผลการตรวจพิสูจน์ปรากฎว่าไม่มีอาวุธปืนกระบอกใดที่ใช้ยิงกระสุนทดสอบตรงกับอาวุธปืนที่ใช้ยิงลูกกระสุนที่พบในศพผู้ตายก็ตาม แต่เป็นการตรวจหลังเกิดเหตุเป็นเวลานาน ทั้งตามระเบียบราชการก่อนมีการเก็บรักษาอาวุธปืนที่ใช้หลังการยิงทุกครั้ง ไม่ว่าหลังการฝึกยิงหรือยิงในราชการอื่นต้องมีการทำความสะอาดอาวุธปืนทุกครั้ง การทำความสะอาดแต่ละครั้งย่อมทำให้ร่องรอยพยานหลักฐานจากอาวุธปืนกระบอกนั้นๆเปลี่บนแปลงไป นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงอะไหล่ในส่วนสำคัญของอาวุธปืนได้ จนทำให้วัตถุพยานผิดข้อเท็จจริง ทั้งยังได้ความว่ากระสุนปืนขนาดดังกล่าวยังสามารถใช้กับอาวุธปืนแบบทาโว่ ทาร์ หรือเอชเค 33 ด้วย ลำพังผลการตรวจอาวุธปืนแบบเอ็ม 16 ดังกล่าว ไม่ทำให้ผลการรับฟังข้อเท็จจริงเปลี่ยนแปลงไป

จึงมีคำสั่งว่า ผู้ตายชื่อนายพัน คำกอง ตายที่หน้าที่สำนักงานขายคอนโดมีเนียมชื่อไอดีโอคอนโด ถนนราชปรารภ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง เหตุและพฤติการณ์ที่ตายเกิดจากการถูกลูกกระสุนปืนขนาด .223 (5.56 มม.) จากอาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงคราม ที่เจ้าพนักงานทหารร่วมกันยิงไปที่รถยนต์ตู้หมายเลขทะเบียน ฮค-8561 กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีนายสมร ไหมทอง เป็นผู้ขับ แล้วลูกกระสุนปืนไปถูกผู้ตายถึงแก่ความตาย ในขณะเจ้าพนักงานทหารกำลังปฎิบัติหน้าที่รักษาความสงบปิดล้อมพื้นที่ควบคุมตามคำสั่งของศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.)

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการฟังคำพิพากษาวันนี้มีนางหนูชิต และ น.ส.นิตยา ภรรยาและบุตรนายพัน เดินทางมาฟังคำพิพากษาร่วมกับญาติพี่น้อง รวมทั้งยังมีพนักงานอัยการผู้ร้อง นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีราชชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. พร้อมผู้ติดตามจำนวนหนึ่งเดินทางมาให้กำลังใจ ซึ่งหลังจากศาลมีคำสั่งในคดีนี้แล้ว ทางพนักงานอัยการผู้ร้องจะนำคำสั่งศาลทั้งหมดส่งกลับไปให้พนักงานสอบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลหรือกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งเป็นผู้ทำสำนวนการสอบสวนเสียชีวิตในเหตุการณ์สลายชุมนุมเพื่อดำเนินการต่อไป เนื่องจากการยื่นคำร้องขอไต่สวนชันสูตรศพเป็นเพียงหนึ่งในขั้นตอนกระบวนการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือดีเอสไอ ที่ได้รวบรวมหลักฐานการเสียชีวิตเสื้อแดง 91 ศพ หากรวบรวมพยานหลักฐานได้ชัดเจนจะต้องทำสำนวนยื่นฟ้องเป็นคดีอาญาต่อไป

ภายหลังร่วมฟังคำสั่ง นางหนูชิต ภรรยาของนายพัน คำกอง ผู้ตาย กล่าวว่า รู้สึกโล่งใจกับคำสั่งศาลที่ออกมา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์ในวันนั้นมีแต่เจ้าหน้าที่ทหารอยู่ในที่เกิดเหตุ ส่วนเรื่องคดีจะยังมีการดำเนินการต่อ แต่ต้องรอเวลาที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามตนเองได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลมาแล้ว 3.5 ล้านบาท แต่ก็ต้องแบ่งให้ญาติฝ่ายสามี

ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ ประธาน นปช. กล่าวว่า ยินดีที่ศาลมีคำสั่ง ทำให้รู้สึกว่ายังมีความยุติธรรมอยู่ในเมืองไทย ซึ่งจะต้องทำให้ความจริงปรากฏและก็ไม่จำเป็นว่าความจริงนั้นจะต้องถูกใจทุกคน ต้องการให้คดีเสื้อแดงคดีอื่นดำเนินไปตามที่ควรจะเป็น และถือว่าคำสั่งคดีที่ออกมานั้นจะเป็นบรรทัดฐานที่ดีของคดีอื่นด้วย

ขณะที่ น.พ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. กล่าวว่า คดีนี้ไม่มีชายชุดดำเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณและนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เคยเข้าให้การว่ามีกลุ่มชายชุดดำอยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งจากคำสั่งศาลในวันนี้ก็เห็นได้ชัดแล้วว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐและไม่มีกลุ่มชายชุดดำเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยตนจะจับตาดูท่าทีของนายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ต่อไป



อ่านคำให้การของ “อภิสิทธิ์ -สุเทพ” ก่อนหน้านี้ : “มาร์ค-เทพเทือก” เบิกความคดีพัน คำกอง แท็กซี่แดงถูกยิงตาย




กำลังโหลดความคิดเห็น