xs
xsm
sm
md
lg

ผบ.ทบ.ชมฝึกเพนต์บอล หนุนรัฐถกไฟใต้ฝ่ายค้าน เชื่อน่าจะเคลียร์ ปัดจัดฉากมอบตัว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ผู้บัญชาการทหารบกประธานชมสาธิตการฝึกใช้เพนต์บอลและปืนบีบีกันแทนกระสุนจริงก่อนลงใต้ เน้นฝึกกำลังพลให้ปลอดภัย ยันต้องฝึกทบทวนเสมอ ชี้สถานการณ์ใต้เป็นปฏิบัติการทางทหารต่างจากกำหนดพื้นที่รบ เน้นฉับพลัน รูปขบวนที่เหมาะสม หนุนฝ่ายค้านร่วมถกรัฐ จ่อแจงหลายเรื่องที่ไม่เข้าใจ เชื่อน่าจะเคลียร์ ปัดจัดฉากโจรใต้มอบตัว เผยมี กก.2 ชุดกลั่นกรองตาม ม.21 ขอสื่อเขียนข่าวระวัง










 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง"พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา"ให้สัมภาษณ์  

วันนี้ (17 ก.ย.) ที่กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เมื่อเวลา 08.30 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางมาเป็นประธานรับชมการสาธิตการฝึกการใช้ปืนเพนต์บอล และปืนบีบีกัน เพื่อใช้แทนอาวุธและกระสุนจริงของกำลังพลจากกรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์ (ร.31 รอ.) ก่อนจะลงพื้นที่ปฎิบัติภารกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยมีผู้บังคับหน่วยตั้งแต่กองทัพภาคที่ 1-4 เข้าร่วม รวมถึงคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพบก สำหรับการสาธิตการฝึกดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อการนำกีฬาประลองยุทธ์มาประยุกต์ใช้การกับการปฏิบัติการทางยุทธวิธี โดยเฉพาะกองกำลังที่จะถูกส่งไปปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยยุทธวิธีที่นำมาจำลองสถานการณ์ฝึก คือ การลาดตระเวนการต่อต้านการใช้ระเบิดแสวงเครื่อง การตอบโต้การซุ่มโจมตีขบวนยานยนต์ของหมู่ปืนเล็ก การปิดล้อมตรวจค้น

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวให้โอวาทกำลังพลว่า สิ่งที่ตนต้องการคือจะฝึกกำลังพลอย่างไรเพื่อให้มีความปลอดภัยและปฎิบัติภารกิจสำเร็จ ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับการฝึกและหมั่นทบทวนการฝึกอยู่เสมอเพราะการฝึกมีทั้งการฝึกแบบบุคคล การฝึกเป็นชุดปฎิบัติการ การฝึกเป็นหมู่ปืนเล็กกองร้อย ฉะนั้นต้องแยกกันให้ออกว่าจะฝึกเพื่อไปทำอะไร ขณะนี้เราฝึกเพื่อที่จะไปสร้างความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิตทรัพย์สินของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เราต้องเข้มงวด จริงจัง เพราะมีการบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงมีการใช้อาวุธด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย โดยใช้ยุทธวิธีแบบกองโจร ซุ่มโจมตีโดยไม่เปิดเผยตัว ไม่ได้เอากำลังมาเคลื่อนที่รบกันเหมือนกับประเทศอื่นๆ เพราะฉะนั้นสถานการณ์ภาคใต้เรียกว่า เป็นการปฏิบัติการที่ไม่ใช่ทหาร เพราะเราไม่สามารถกำหนดพื้นที่ให้เป็นพื้นที่การรบได้ทั้งหมด ถ้ากำหนดเป็นพื้นที่การรบจริงยิงเท่าไหร่ก็ได้ จะโดนประชาชนที่อยู่อาศัยหรือโดนใครก็ได้ แต่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เราทำแบบนั้นไม่ได้ นั่นคือความแตกต่าง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า 1. สิ่งแรกที่ต้องฝึกคือ การยิงปืนให้แม่น และต้องคำนึงอยู่เสมอว่าปากกระบอกปืนเวลาที่ใช้อาวุธต้องหันไปทางไหน อาจจะโดนชาวบ้านที่ทำนาทำไร่อยู่ในพื้นที่ไกลก็ได้ เพราะฉะนั้นจะซุ่มโจมตีหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่ทิศทางจะต้องไม่หันไปทางในส่วนที่เป็นหมู่บ้าน หรือแหล่งที่คนอยู่ แต่อย่างไรก็ต้องมีตำบลกระสุนตกก็จะโดนคนจึงต้องระวัง 2. เมื่อยิงปืนแม่นแล้วต้องก่อกำลังให้เป็นหมู่ หมวด และกองร้อยเพื่อเกื้อกูลซึ่งกันและกัน เป็นคู่บัดดี้ เช่น แนวที่1ยิง ถ้ามี 2 แนว คือ ปะทะทั้งซ้ายและขวา ก็ยิงทั้ง 2 แถวที่ไม่บังทิศทางการยิงกัน และยิงให้กดข้าศึกให้อยู่ จากนั้นก็เคลื่อนที่มาหาข้าศึกทีละแถว

“สิ่งที่อยากจะย้ำคือเรื่องการปฏิบัติการของหน่วยทหารขนาดเล็ก หรือการปฎิบัติการฉับพลัน จะต้องมีหมายเลขคู่ และหมายเลขคี่ ใครจะแอ็กชันทางซ้ายทางขวา ก็จะเกิดความรับผิดชอบที่ชัดเจนขึ้น ถ้าทุกคนเดินไปข้างหน้าไม่ได้มอบหน้าที่ซ้าย ขวาที่ชัดเจน ก็จะสนใจกันอยู่แต่ข้างหน้า ซ้ายขวาไม่ได้ระวัง แต่ถ้ากำหนดกันว่าใครดูซ้าย ขวา หน้า เมื่อเคลื่อนที่กันทุกคนก็ต้องฝากความรับผิดชอบให้กับคนที่ดูให้เรา อย่ากังวลถ้าทั้งทีมแน่นจะปลอดภัย เพราะฉะนั้นเรื่องการมอบความรับผิดชอบ การกำหนดหมายเลข การปฏิบัติเมื่อมีการปะทะ ต้องมีรูปขบวนที่เหมาะสม เมื่อเริ่มปะทะครั้งที่ 1 ต้องยิงต่อต้านกดข้าศึกให้อยู่ 2. รูปขบวนเคลื่อนที่เข้าข้าศึกต้องทำเป็นขั้นตอน แนวหน้าระวังป้องกันแนวที่ 2 แนวที่ 2 ขึ้นไปแทนแนวแรก แนวที่ 1 ก็เขยิบต่อไป ยิงคุ้มกันสลับ ไม่ใช่ยิงทั้งแนวเพราะจะไม่ประหยัดกระสุน พอจะเริ่มปฏิบัติเคลื่อนที่กระสุนหมดทั้งคู่ รวมถึงการใช้กำบังให้เหมาะสม การเข้าหาและถอนตัวจากข้าศึก ซึ่งจะร่วมไปถึงเมื่อจะขึ้นรถก็ต้องมีหมายเลขในรถ ถ้าขึ้นมอเตอร์ไซค์ก็จะมีหมายเลข 1 หมายเลข 2 หรือรถคันที่ 1 คันที่ 2 ก็จะรวมเป็น 4 คน เมื่อเกิดการปฏิบัติการก็จะมีคนที่ 1 ของรถแต่ละคันขึ้นเป็นแถวแรก คนที่ซ้อนก็เป็นแถวที่ 2 ต้องปฏิบัติเช่นนี้จะได้เป็นรูปขบวนและทดแทนกันได้ หากใครติดภาระกิจอื่นๆจะได้ผสมทีมได้ทันที” ผบ.ทบ.กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า การดำเนินการทุกอย่างเพื่อตัวของกำลังพลทุกคนเอง ตนไม่อยากให้มีการบาดเจ็บและสูญเสียแม้แต่คนเดียวเพราะลูกเมียเขารออยู่ อยากให้ไปแล้วกลับมาอย่างไม่มีปัญหาหรือเงื่อนไขเพื่อให้เกิดความวุนวายขึ้นมาอีก นั้นคือหน้าที่ของทหารที่ต้องดูแลประชาชน ขณะนี้สถานณ์ในภาคใต้ก็ก้าวไปอีกระดับหนึ่ง คือ การหาช่องทางมาพูดคุย ซึ่งเราไม่ได้บังคับเขาอยากมาก็มาและไม่ใช่การเจรจา อยากให้ใช้กันให้ถูกต้อง ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ถือว่าดีคือมีคนมาพูดคุยด้วยเพราะที่ผ่านมาไม่มีใครออกมาหา ก็แสดงว่าเขามั่นใจว่าออกมาแล้วปลอดภัย แล้วเราก็ดูแล และอยากให้ออกมาเรื่อยๆ เพื่อสถานการณ์จะดีขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่ใช่จะเลิกวันนี้ ยังไงก็ฝากไปถึงสื่อในการนำเสนอข่าว เพราะจะยิ่งทำให้สงครามเปิดศึกขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่

“รู้สึกพอใจในความตั้งใจของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ทุกคนได้ตั้งใจทำ ทั้งนี้ผมได้เชิญผู้บังคับหน่วยทุกระดับ และในทุกส่วนของทุกกองทัพภาคเข้ามาร่วมดูการฝึก ซึ่งมีวัตถุประสงค์ว่าจะทำอย่างไรให้มีการฝึกใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด ซึ่งเราได้ดำเนินการมาตามลำดับ แต่ปัญหาตอนนี้คือเราไม่สามารถใช้กระสุนจริงได้ในการฝึก และการฝึกครั้งนี้เป็นการฝึกสำคัญเพราะนำไปใช้รักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ภาคใต้ โดยในการฝึกครั้งนี้เป็นการฝึกสองฝ่าย ทั้งฝ่ายเราและฝ่ายข้าศึก เพราะฉะนั้นทั้งสองฝ่ายจะใช้กระสุนปืนเอ็ม 16 ยิงใส่กันไม่ได้ คิดว่าจะใช้อาวุธจำลองยุทธ์มาใช้ และวันนี้ได้สั่งให้ปรับโดยนำยุทธวิธีทหารมาฝึกปกติ เพียงแต่นำอาวุธจำลองยุทธ์นำมาใช้ สิ่งที่ทำวันนี้คือทำอย่างไรให้กำลังพลเราพร้อมในการดูแลชีวิตและทรัพย์สินประชาชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ขณะเดียวกัน ตัวเองก็ต้องมีความพร้อมในการรักษาความปลอดภัยเชิงรับ ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย ที่สำคัญคือต้องยิงปืนให้แม่น และปลอดภัย ไม่โดนชาวบ้าน ต้องระมัดระวังเพราะกระสุนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

ผู้บัญชาการทหารบกยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่รัฐบาลกับฝ่ายค้านและหน่วยงานด้านความมั่นคงจะมีประชุมหารือการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า ถือเป็นเรื่องดี เพราะเป็นการหารือร่วมกัน ซึ่งตนจะเข้าประชุมในนามของรองผอ.รมน. ซึ่งคงจะมีการชี้แจงในหลายเรื่องที่อาจไม่เข้าใจกัน เพราะอย่าลืมว่า เหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นมาหลายรัฐบาลแล้วตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งทุกรัฐบาลแก้ปัญหามาตามลำดับ โดยพลเรือน ตำรวจ ทหารทำหน้าที่มาโดยตลอดในฐานะเป็นผู้ปฏิบัติ แต่ฝ่ายนโยบายจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ จึงต้องทำความเข้าใจว่าดีหรือไม่ ห่วงใยตรงไหน จะแก้ตรงไหน ส่วนไหนไม่เข้าใจต้องอธิบายกัน คิดว่า พรุ่งนี้ (18 ก.ย.) น่าจะเคลียร์ แต่สถานการณ์ภาคใต้อย่าบอกว่า ดีขึ้นเพราะมอบตัว หรืออะไรไม่ใช่ แต่คิดว่าเป็นนิมิตรหมายอันดีที่เขาออกมาหาเรา ดีกว่า เขาไม่ออกมาหาเรา

“ไม่มีการจัดฉาก จัดฉากไม่ได้ ใครจะบังคับให้มาหาตำรวจ ใครจะบังคับให้มาติดคุก ทำไม่ได้ เขาอยากมาก็มา และเราไม่ได้ตั้งโต๊ะเจรจากับเขาเลย ผมบอกหลายครั้งแล้วว่า เราเจรจากับคนร้ายไม่ได้ แต่สิ่งที่เขาเข้ามาเพราะญาติพี่น้องเขากว่า 3 หมื่นคนตามหมู่บ้านที่เสี่ยงที่เข้ารับการอบรมเข้ามาทำความเข้าใจ เมื่อเขารู้ว่ามีมาตรา 21 เขาจึงไปบอกญาติพี่น้องที่หนีไปตั้งนานให้กลับมา ทำให้บางคนกลับมา นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่าการพูดคุย โดยกองทัพใช้นโยบายของกองอำนวยการรักษความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และทุกรัฐบาลก็ทำเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยเป็นการพูดจาผ่านตัวแทนต่างๆออกไป ไม่ได้คุยกับผู้ร้ายโดยตรง เพราะไม่มีใครรับว่า เป็นผู้ร้ายโดยตรง จึงต้องให้ญาติพี่น้องเป็นคนเรียกกลับมา” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ส่วนเรื่องการมอบตัว เรามีมาตรา 21 ใน พ.ร.บ.มั่นคงอยู่ โดยมีคณะทำงานอยู่ 2 คณะเพื่อกลั่นกรองว่า จะเข้ามากระบวนการหรือไม่ ถ้าไม่เข้าก็นำไปดำเนินคดี ซึ่งในเรื่องนี้จะนำไปพูดคุยในที่ประชุมวันที่ 18 ก.ย.นี้ด้วย อย่างไรตาม กฎหมายมาตรา 21 เกิดในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ส่วน พ.ร.บ.ความมั่นคง เกิดในปี 53 ซึ่งทราบดีว่ามาตรา 21 เป็นอย่างไร และรู้ว่า ยังมีปัญหาอยู่ รวมทั้งประชาชนยังเป็นห่วงว่ากลัวจะช้า แต่มันต้องช้า เพราะเป็นเรื่อง ป.วิอาญามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งขณะนี้รัฐบาลสั่งการให้กระทรวงยุติธรรมไปพิจารณาว่า ในเรื่องคดีอาญาจะทำอย่างไร จะลดโทษตรงไหน ทั้งนี้เรื่องศูนย์ปฏิบัติคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบาย และ ยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) เป็นเรื่องใหม่เรื่องเดียว ส่วนเรื่องอื่นเป็นเรื่องเดิมทั้งหมด ซึ่งในพูดคุยกันพรุ่งนี้จะต้องอธิบายว่า ตั้งมาเพื่อขับเคลื่อน ไม่ได้มีการซ้ำซ้อนหรือผิดกฎหมายตรงไหน คิดว่าทางพรรคประชาธิปัตย์เข้าใจ ซึ่งมีการพูดคุยกันบ้างแล้ว แต่ตอนนี้มีหลายคนไม่เข้าใจ แต่เมื่ออธิบายไปก็ดีขึ้น คิดว่า น่าจะเข้าใจกันมากขึ้น

“ถึงเขาเป็นโจรแต่เขาเป็นคนไทย ถ้าพูดคุยได้ก็ดีกว่าที่จะไปไล่ยิงกัน ขอให้สื่อช่วยกัน เพราะสื่อถือเป็นบุคคลสำคัญ ถือเป็นฐานันดรที่สำคัญ บ้านเมืองจะเป็นปกติหรือไม่อยู่ที่สื่อทุกคน ผมให้เกียรติท่าน แต่บางทีท่านอาจไม่เจตนา แต่ถ้าเขียนแล้วทำให้เกิดการกระทบกระทั่ง ท่านต้องระวัง เดี๋ยวมันไม่จบ อย่างวันก่อนบอกมอบตัว เจรจาแล้วดีขึ้น พออีกวันมีทหารพรานถูกยิงกลับบอกว่าล้มเหลว ผมว่าคนละเรื่อง ถ้าตราบใดยังมีคนพวกนี้อยู่ก็ต้องมีเหตุการณ์อย่างนี้ เพราะไม่ใช่พวกเดียว แต่มีหลายพวกหลายคน หลายยุค ดังนั้นมันต้องมาทีละพวกก็ดีกว่า ไม่มีใครมา ไม่ใช่เกิดเหตุการณ์แล้วล้มเหลวหมด ถ้าทหารลงไปแล้วบอกว่า ทหารลงไปไม่มีประโยชน์ ทหารนำการเมืองเสียหาย แล้วไม่นึกถึงว่าถ้าทหารไม่ลงไปจะเกิดความปลอดภัยหรือไม่ จะตายอีกเท่าไร ถ้าไม่มีคนไปดูแลเขา เราพร้อมจะกลับ เพราะเรามีหน้าที่เยอะแยะตามแนวชายแดน แต่ฝ่ายความมั่นคงของพลเรือน ตำรวจพร้อมรับหรือยัง ถ้าเขาพร้อมรับ ผมจะให้กองทัพภาคที่ 4 เขารับ เพราะกองทัพภาคที่ 4 มีกองพลเดียวคือ พล.ร.15 ที่ตั้งมา ซึ่งขณะนี้ตั้งได้ 60-70% ซึ่งต้องมีความพร้อมก่อนจะรับพื้นที่ คือ เราต้องไปไล่ดูความพร้อมแต่ละส่วนเป็นอย่างไร ถ้าพร้อม ทหารก็ส่งมอบหน้าที่แล้วกลับมา วันนี้ต้องให้กำลังใจกัน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว






















กำลังโหลดความคิดเห็น