“ยงยุทธ” คอนเฟอเรนซ์ ผู้ว่าฯ 76 จังหวัด ฝากแก้สถานการณ์น้ำท่วมเองก่อน หากรับมือไม่ได้เตรียมประสาน ทบ.-กระทรวงทรัพย์-ปภ.ร่วมแก้ไข เตือนพกมือถือ อ้างโทร.ไปไม่รับ ชี้แก้ปัญหาล่าช่า ถูกนายกฯ ตำหนิบ่อยครั้ง ด้านโฆษกเพื่อไทย ซัดผู้ว่าฯ กทม.ไร้ประสิทธิภาพจ่ายเงินเยียวยา แต่โยนบาปรัฐบาล เหน็บ ปชป.จ้องจับผิด ชี้ น้ำท่วมถนนประจานผู้ว่าฯ ลอกท่อห่วย ไม่ยอมแก้ปัญหากับรัฐบาล
วันนี้ (21 ก.ย.) ที่กระทรวงมหาดไทย นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย พร้อมด้วย นายชูชาติ หาญสวัสดิ์ รมช.มหาดไทย และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ได้ร่วมกันประชุมกระทรวงผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ไปยังผู้ว่าราชการจังหวัด ทั้ง 76 จังหวัด ในช่วงหนึ่ง รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ขอฝากให้ทางปลัดกระทรวงมหาดไทย รองปลัดกระทรวงมหาดไทย และผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ว่า ที่ผ่านมา เราบริหารจัดการภัยพิบัติที่เกิดขึ้นแบบเชิงทฤษฏีมากเกินไป แต่ในแนวทางการปฏิบัติการป้องกันภัยพิบัตินั้น ต้องอาศัย พ.ร.บ.ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย ที่ต้องผนวกกับระเบียบราชการบริหาร โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บัญชาการมาใช้สั่งการในการแก้ไขปัญหาภัยพิบัติที่เกิดขึ้น
ทั้งนี้ เนื่องมาจากกรณีน้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย ที่เกิดน้ำลอดใต้เขื่อนมาท่วมพื้นที่เกษตรของประชาชน เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง แต่ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว จึงได้แบ่งระดับการสถานการณ์ภัยพิบัติออกเป็น 2 ช่วงระยะการเกิดภัยพิบัติ คือ 1.ช่วงระยะภัยพิบัติเริ่มต้น จะเป็นหน้าที่ของท้องถิ่น ผู้ว่าฯจังหวัดนั้นๆ ที่จะต้องเป็นแก้ไขสถานการณ์ของจังหวัดด้วยตนเอง ส่วนระยะที่ 2 ภัยพิบัติเกินกว่าที่จังหวัดจะสามารถรับมือได้ ซึ่งจะต้องเป็นหน้าที่ของตนในฐานะที่เป็นผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ที่จะต้องติดต่อประสานงาน กับ กองทัพบก กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัย (ปภ.) และ ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ร่วมกันดำเนิน ซึ่งภัยพิบัติที่ผ่านมา ใช้เวลาเพียง 2 วัน ปริมาณน้ำก็ดีขึ้นปัญหาก็เริ่มทุเลาลง
นายยงยุทธ กล่าวต่อว่า ขอแจ้งเตือนจังหวัดภาคเหนือตอนล่างจังหวัดสุโขทัยให้เฝ้าระวังเตรียมการรับมือภัยพิบัติที่คาดว่าจะเกิดขึ้น โดยให้ผู้ว่าฯ นำโทรศัพท์ติดตัวไว้ตลอด เพราะเวลาเกิดปัญหาทีไรโทรศัพท์ไปหาไม่รับสายทุกที ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ได้พูดเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว เพราะที่ผ่านมา เวลาปัญหาเกิดการแก้ไขปัญหา ก็แก้ปัญหาช้า ทำให้ผมโดนนายกรัฐมนตรี ตำหนิอยู่บ่อยครั้ง ผู้ว่าฯทุกจังหวัดต้องติดตามข่าวสารข้อมูลอย่างใกล้ชิด
ด้าน นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายยงยุทธ ออกมาระบุว่าได้ให้งบประมาณ กทม.กว่า 1.9 พันล้านบาท และยังมีเงินเหลือจ่ายที่ยังไม่ได้ส่งคืน อีกทั้งยังไม่มีการชี้แจงรายละเอียดด้วยว่า แสดงให้เห็นถึงพฤติกรรมของผู้ว่าฯ กทม.และทีมบริหารของ กทม.ว่า ที่ผ่านมา มีชาวบ้านในเขตดอนเมือง สายไหม และคลองสามวา ออกมาประท้วงเรื่องเงินเยียวยาแล้ว กทม.อ้างว่า เงินไม่พอ หรือกำลังขอจากรัฐบาลอยู่นั้น น่าจะเป็นการทำงานไร้ประสิทธิภาพของ กทม.เอง ปล่อยให้มีม็อบออกมาประท้วงแล้วก็โยนบาปให้รัฐบาล
ทั้งนี้ อยากให้ กทม.ออกมาชี้แจงให้ชัดเจน ไม่ใช่มองว่า เป็นเรื่องการเมือง ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ก็กลับออกมาปกป้อง แทนที่จะช่วยกันตรวจสอบ รวมทั้งยังอ้างว่า คนในรัฐบาล และคนในพรรคเพื่อไทย จ้องจะดิสเครดิตผู้ว่าฯ กทม.อยากให้หันมามองความจริงบ้าง จะได้มาช่วยกันแก้ไขปัญหา วันนี้อยากถามว่า ใครกันแน่ที่เล่นการเมือง และไม่มองถึงความเดือดร้อนของประชาชน
นอกจากนี้ กรณีที่ นายรอยล ออกมาระบุว่า กรณีที่ฝนตกต่อเนื่องถึง 3-4 วัน แล้วบางพื้นที่มีน้ำท่วมขัง เกิดจากทรายอุดท่อนั้น สะท้อนว่า กทม.ได้นำงบขุดลอกท่อ และระบายน้ำจำนวนมากไปจากรัฐบาลแล้ว แต่เอาไปใช้ในลักษณะที่น่าจะไร้ประสิทธิภาพ ตรงนี้ถือว่าเป็นการประจานการทำงานของผู้ว่าฯ กทม.ที่เอาแต่โทษฟ้าโทษฝน ทั้งที่ควรจะลงไปตรวจสอบพื้นที่ด้วยตัวเองบ้าง เพื่อจะได้แก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่คิดว่า กทม.เป็นเหมือนรัฐอิสระ จึงไม่ยอมมาแก้ปัญหาร่วมกับรัฐบาล เพราะความเดือดร้อนจะตกอยู่กับคน กทม.ทั้งๆ ที่ กทม.เป็นเมืองหลวงของประเทศ เป็นหน้าตาของประเทศ และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศไทย