“ยิ่งลักษณ์” ประชุม 5 ผู้ว่าฯ จังหวัดอันดามัน เน้นบูรณาการป้องกันภัยพิบัติ ระบบเตือนภัย สั่ง กบอ.เพิ่มเครื่องเตือนภัยในจุดเฝ้าระวัง ขณะที่ม็อบเกษตรกรยางพารา ปาล์ม ร้องแก้ปัญหาราคาตกต่ำ ฉะ “อย่าโกหกสีขาว” ไล่ให้ลาออกถ้าทำไม่ได้ ด้านตำรวจดูแลรักษาความปลอดภัยเข้มตลอดการเดินทาง
ที่ศาลาว่าการจังหวัดกระบี่ วันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมรับมอบนโยบายด้านการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติ แก่ผู้ว่าราชการจังหวัดในกลุ่ม 5 จังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ประกอบด้วย จ.ภูเก็ต จ.พังงา จ.ตรัง จ.ระนอง และจ.กระบี่
โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวในที่ประชุมตอนหนึ่งว่า ขอเน้นย้ำเรื่องภัยพิบัติในจังหวัดกลุ่มอันดามัน เพราะนอกจากจะเป็นพื้นที่ที่สำคัญทางเศรษฐกิจแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ดังนั้น เรื่องภัยพิบัติจึงเป็นสิ่งที่เราต้องร่วมกันบูรณาการ จากการที่ประชุมปรับแผนเตือนภับพิบัติแห่งชาติมาเป็นระบบซิงเกิลคอมมานด์ ต้องขอขอบคุณผู้ว่าราชการทุกจังหวัดที่ได้รับนโยบายไปจัดศูนย์ส่วนหน้า ซึ่งทำให้การปฏิบัติงานเร็วขึ้น สำหรับภัยน้ำท่วมและน้ำแล้งนั้นเราจะมีการบูรณาการกับคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย หรือ กบอ.
ส่วนเรื่องภัยอื่นๆ เราได้มีการบูรณาการกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) และให้ทาง ปภ.หารือและตั้งหน่วยงานในการศึกษาเรื่องภัยพิบัติต่างๆ เนื่องจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงบ่อยในขณะนี้ และขอมอบ ปภ.เป็นหลักในการประสาน และขอฝากผู้ว่าฯ เรื่องการให้ข้อมูลข่าวสารในยามฉุกเฉิน เนื่องจากเป็นสิ่งที่ประชาชนต้องการ สำหรับพื้นที่ภาคใต้เรื่องภัยพิบัตินั้นจะมาเร็วไปเร็ว จึงต้องการความช่วยเหลือที่รวดเร็ว ขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เข้าไปในพื้นที่เร็ว แต่อยากฝากเรื่องที่นอกเหนือจากการเตือนภัย คือ ขอให้เข้าไปดูพื้นที่ในกลุ่มเสี่ยงถึงการรับมือสถานการณ์ ซึ่งในส่วนกลางเราได้ให้กระทรวงการคลังและกรมบัญชีกลางปรับเรื่องการเบิกงบประมาณของทางจังหวัด เพื่อจัดงบมาดูแลป้องกันก่อน
อีกส่วนคือเรื่องจุดเตือนภัยที่สำคัญ อยากให้ กบอ.ติดเครื่องเตือนภัยเพิ่มในจุดเฝ้าระวัง เพื่อให้ประชาชนสังเกตได้ ทั้งนี้ เรื่องสถานการณ์น้ำเราต้องช่วยกันรายงานความจริง จึงขอฝากจังหวัดร่วมกับส่วนกลางในการแจ้งข้อเท็จจริงผ่านสื่อต่างๆ เพราะบางพื้นที่เป็นภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นบ่อย จึงอยากให้ศูนย์ส่วนหน้าชี้แจงตรงนี้ หากชี้แจงเร็วประชาชนก็จะสบายใจขึ้น
นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นอกจากเรื่องภัยธรรมชาติแล้ว สิ่งที่เราพบคือปัญหาเรื่องที่ดินทำกิน ขณะนี้เราได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อดูแลเรื่องที่ดินทำกินอย่างเป็นระบบ ขอให้ผู้ว่าฯ ร่วมกันสำรวจในพื้นที่ว่าต้องดูแลอย่างไรบ้าง ไม่ใช่เรื่องการปราบปรามผู้บุกรุกที่ดินเพียงอย่างเดียว ควรจัดสรรหาทางออกให้ประชาชนด้วย
น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวด้วยว่า ในส่วนเรื่องการท่องเที่ยวสิ่งแรกที่อยากเห็นคือ ในแต่ละจังหวัดนั้นมีจุดเด่นในตัวเอง เพื่อให้เกิดการท่องเที่ยวเชิงระบบ อยากให้กลุ่มจังหวัดอันดามันทำงานร่วมกันให้มากขึ้น สำหรับเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวขอฝาก พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ว่าที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ดูแลบูรณาการ เพราะนักท่องเที่ยวที่มาไทยก็ไม่ควรจะถูกเอาเปรียบ นอกจากนี้ต้องกำจัดเรื่องอบายมุข การพนัน สถานที่บันเทิงที่ควรจัดเป็นระบบ ที่สำคัญเรื่องร้านค้าต่างๆที่บริการนักท่องเที่ยวอาจจะต้องมีการจัดสรรพื้นที่ให้เป็นระบบ ต้องมีการประสานกับท้องถิ่น ส่วนใน จ.ระนอง ขอฝากเรื่องแรงงานต่างด้าว และความปลอดภัยด้วย รวมถึงการจัดวางยุทธศาสตร์เรื่องสินค้าการเกษตรในกลุ่มจังหวัดอันดามัน และอยากฝากผู้ว่าฯให้เน้นย้ำเรื่องนี้ด้วยเวลาที่มีการประชุม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายกฯเดินทางมาถึงได้เดินทางเข้าพบปะพี่น้องประชาชน กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มสตรีจังหวัด กลุ่ม อสม.ภายในบริเวณหน้าตึกที่ทำการศาลากลางจังหวัด ขณะเดียวกัน อีกด้านหนึ่งบริเวณริมรั้วศาลากลางจังหวัดมีกลุ่มม็อบจากเครือข่ายเกษตรกรชาวสวนยางพาราและสวนปาล์มภาคใต้กว่า 200 คน โดยเป็นตัวแทนจากจังหวัดสุราษฎร์ธานี ตรัง กระบี่ และนครศรีธรรมราช โดยแกนนำได้ขึ้นปราศรัยด้วยน้ำเสียงดุดันบนรถ 6 ล้อดัดแปลงเป็นเวทีปราศรัย เพื่อเรียกร้องให้นายกฯ และรัฐบาลช่วยเหลือในเรื่องสินค้าราคาเกษตรที่ตกต่ำโดย เฉพาะราคายางพาราที่อยู่ที่กิโลกรัมละ 70 บาท ขอให้ขึ้นเป็น 120 บาท และราคาปาล์มจาก 4.50 เป็น 7 บาท
นอกจากนี้ยังปราศรัยเรียกร้องรัฐบาลว่า “อย่ามาโกหกสีขาวที่จังหวัดกระบี่ หรือที่เรียกว่าอย่ามา ขี้เท็จ อย่ามาขี้หก พวกเรามีความจริงใจกับรัฐบาล ถึงแม้ว่ารัฐบาลจะไม่มีความจริงใจให้เกษตรกรเสียเท่าไหร่ ตอนนี้พวกเราชาวเกษตรกรเดือดร้อน เราลำบากมากต้องการให้นายกฯ และรัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหา ถ้านายกฯและรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ก็ให้ลาออกไป ถ้าไม่แน่จริงพออย่ามาเป็นรัฐบาล วันนี้ที่มาเรียกร้องเพื่อปากท้อง เราไม่ได้มาเผาศาลากลางจังหวัด วันนี้นายกฯกล้าที่จะมาเจอประชาชนหรือไม่ ถ้าไม่กล้าก็ลาออกไป” แกนนำขึ้นกล่าวปราศรัยด้วยน้ำเสียงดุดัน
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ทางกลุ่มผู้ชุมนุมได้เขียนป้ายโดยมีข้อความระบุว่า “อิตายแล้ว นายกปู เหอ!” และ “เกษตรกรแย่แล้ว นายกปู เหอ”
สำหรับด้านการรักษาความปลอดภัยค่อนข้างเป็นไปอย่างเข้มงวดในทุกจุด โดยตลอดเส้นทางที่นายกฯเดินทางในจังหวัดกระบี่เพื่อปฏิบัติภารกิจตามจุดต่างๆ นั้น มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในเครื่องแบบและนอกเครื่องแบบจากนครบาล และตำรวจท้องที่ ตำรวจพลร่ม รวมทั้งเจ้าหน้าที่ทหารบกและทหารเรือ ประจำทุกจุดพร้อมอาวุธครบมือ โดยเฉพาะบริเวณหน้าศาลากลางที่มีกลุ่มผู้ชุมนุมนั้นมีเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารคอยดูแลรักษาความปลอดภัยอย่างหนาแน่น มีการปิดประตูเข้า-ออกศาลากลางจังหวัด เพื่อตรวจคนเข้าออก เพื่อความปลอดภัย พร้อมกับให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจอดรถปิด ขวางเส้นทางจราจรเพื่อจำกัดพื้นที่ของกลุ่มผู้ชุมนุม อีกทั้งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ค่อยเฝ้าสังเกตการณ์และคอยตรึงกำลังอีกด้วย